“นั่น เจ้าจะไปไหน?”
“จียง ข้าไม่ใช่เด็กที่ต้องคอยรายงานเจ้าตลอดเวลานะ”
“ตะ แต่เจ้าพึ่งกลับมาจาก..!!!”
“ฝากบอกท่านพ่อว่าข้าจะรีบกลับมา ตอนนี้ไม่ได้แล้ว ข้าต้องไป”
“นี่!!!”
จียงตะโกนไปก็เท่านั้นเมื่อคุณหนูตัวแสบได้ยกกระโปรงวิ่งออกจากประตูร้ัวไปเสียแล้ว บอกว่าตัวเองไม่ใช่เด็ก แต่กลับทำตัวเหมือนเด็กวิ่งหน้าตั้งเพราะกลัวไปงานเทศกาลไม่ทัน นึกแล้วจียงก็อดขำไม่ได้
“ทำไมเจ้าอยู่นี่คนเดียว?”
“นายท่านคัง”
“อียู กลับมาหรือยัง?”
“กลับมาแล้วขอรับครับ ตอนนี้กำลังไปงานเทศกาลขอรับใต้เท้า”
“อืม..”
นายท่านพูดเพียงเท่านั้นแล้วจึงหันหลังเดินกลับไปที่ห้องของตน
“แฮ๊กๆ!!!”
เหนื่อย เหนื่อยมาก นี่ข้าไม่ได้วิ่งแบบนี้มานานเท่าไรแล้วนะ ในที่สุดข้าก็มาทันเวลา งานเทศกาลที่ไม่เคยพลาด เบื้อหน้าคือเหล่าร้านค้าแม่ค้าพ่อค้าที่เดินทางมาจากเมืองอื่น แสงไฟและเหล่าผู้คนที่ขวักไขว่ดูละลานตาไปหมด ที่ข้ามาก็เพื่อดูดอกไม้ไฟต่างหาก
“พี่สาว”
“หืม.....?”
เด็กผู้ชายเนื้อตัวมอมแมมคนหนึ่ง ใช่มือดึงชายกระโปรงของอียู เมื่อเห็นอย่างนั้น หญิงสาวจึงนั่งยองๆลงเพื่อจะได้มองหน้าเขาได้ชัดเจนเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว
“ช่วยซื้อของผมหน่อยฮะ พี่สาวคนสวย”
“เอ่ออ....!”
เด็กชายยกมืออีกข้างขึ้นพร้อมกับดอกไม้ที่ทำด้วยกรีบบัวแห้งๆ ย้อมสี รูปร่างคล้ายดอกบัวด้านในตรงกลางเป็นเทียนไขเล็กๆ อีกหนึ่งกิจกรรมในงานเทศกาลคือการขอพร โดยจุดเทียนในดอกไม้ แล้วปล่อยให้ล่องลอยตามสายน้ำไป
อียูนิ่งอึ้งไปเพราะดันลืมไปว่า ตนรีบวิ่งออกมาทั้งที่ไม่ได้หยิบกระเป๋าเงินติดตัวมาเลย
“โทษทีนะ ข้าไม่ได้นำเงินติดตัวมาเลย”
“งั้นผมให้พี่สาวนะฮะ”
“ฮะ!! ทำไมหละ?”
“ผมชอบพี่สาวคนสวยฮับ”
ยังไม่ทันได้ทักท้วง เด็กชายก็ยืนดอกไม้นั้นให้แก่หญิงสาวก่อนจะยิ้มจนตาหยีแล้ววิ่งหนีหายไปกับฝูงคน อียูยืนขึ้นมองดอกไม้ในมือรอยยิ้มพิมพ์ใจผุดขึ้นบนใบหน้าขาวใสท่ามกลางแสงไฟสีสรรค์สวยงาม
“หวัดดี คัง อียู”
“...!!?”
ใครบางคนกำลังเรียกชื่อของข้า อียูหันมองตามเสียงจนพบกับชายหนุ่มที่คุ้นหน้าคุนตา เขาเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับรอยยิ้ม
“ทำไมเจ้าทำหน้าอย่างนั้น อ่าาาาา จำข้าไม่ได้สินะ”
“เอ่ออ...”
“ข้าเป็นคนให้ร่มกับเจ้าในวันฝนตกนะ ลืมไปแล้วหรอ!?”
“อ่าา ข้านึกออกแล้ว ฮีวอน ที่ชอบเข้าออกหอนางโลมคนนั้นนั่นเอง”
“......อ่าา~ฮ่าๆๆๆ”
สีหน้าฮีวอนหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทักทายเขาได้ขายหน้าขนาดนี้มากก่อน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาบางคนยังต้องหยุดมองหน้าของชายหนุ่ม บางคนแอบขำก็มี เห็นอย่างนั้นเขาจึงใช้นิ้วมือเรียวๆ ขยับปีกหมวกลงเพื่อบดบังใบหน้าของตน
“อะฮึ่ม! ฮ่าๆ ว่าแต่ไม่เจอเจ้าเสียนานเรื่องราวความรักของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เห๋..!”
อียูถึงกับผงะถอยหลัง หลังจากโดนยิงคำถามด้วยรอบยิ้มเจ้าเล่ห์เช่นนั้นแบบไม่ได้ทันตั้งตัว อะไรกันเขาหมายถึงอะไรกัน?!!
“อ่าา ระหว่างเจ้า กับชายคนนั้น”
“บะ บ้า ข้าไม่ได้!....”
อียูแว๊ดใส่คนตัวสูงทันควัญอย่างเขินอาย จนฮีวอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พรางหัวเราะหยอกล้อหญิงสาวอย่างรู้ทัน
“ข้าไม่ได้มีความรักอะไรแบบนั้นสักหน่อย เจ้าคนเสียมารยาท”
“.......!”
“หืม.!!?”
ประโยคเมื่อครู่ทำให้ชายหนุ่มเงียบลงด้วยสีหน้าสงสัย ก่อนจะก้มตัวลงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆหญิงสาว อียูเห็นแบบนั้นจึงเอนตัวออกห่าง
“ข้า ดูเป็นคนเสียมารยาทขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“เฮ๊อะ!! ดูทำหน้าเข้าสิ”
“อืมม วันนี้ข้าถูกด่าว่าเป็นคนไร้มารยาทสองครั้งแล้ว”
“....”
ฮีวอนเด้งตัวกลับไปยืนตรงเอามือสองข้าวไขว้หลังเช่นเดิมพรางมองออกไปยังรอบนอก
“เจ้ามากับใครหรือ?”
“ข้ามาคนดะ.....”
พรึบ!!
“หืม!!”
ใครบางคนทำดอกไม้ขอพรล่วงลงพื้นข้างๆ กับที่ข้ายืนอยู่ อียูเห็นอย่างนั้นจึงรีบก้มตัวเก็บขึ้นมาพร้อมกับใช้มือปัดฝุ่นออกก่อนจะหันกลับไปยื่นคืนให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ..
“....!!!”
“ไม่จำเป็น ข้าทิ้งแล้ว”
“ซอลมิน!”
เมื่อเห็นว่าเป็นซอลมินกำลังยืนอยู่ คำตอบบนใบหน้าที่ไร้ซึ่งความรู้สึก ทำเอาอียูค่อยๆ หุบยิ้มลงจนกลายเป็นเม้นริมฝีปากอย่างอึดอัดใจ
“งั้นไว้เจอกันครั้งหน้า ข้าขอตัวก่อน สาวๆคงรอกันแย่แล้ว”
“...”
ฮีวอนพูดทำลายความตรึงเครียดด้วยรอยยิ้มสดใสในแบบของเขาก่อนจะยกมือขึ้นบ้ายบ่ายแล้วเดินไปอีกทาง อียูพยักหน้าเป็นการเข้าใจ
ซอลมินที่เห็นเช่นนั้นจึงเลือกที่จะเดินผ่านอียูไปโดยไม่พูดสิ่งใด แม้ในใจตีกันวุ่นวายไปหมด
“เดี๋ยวก่อน!”
“.......”
เมื่อถูกทักท้วงจากหญิงสาว ใบหน้าหล่อจึงเผลออมยิ้มขึ้นอย่างพออกพอใจ ก่อนจะรีบทำหน้าเข้มขรึมหันกลับไปหาอียูตามที่นางเรียก
“ในเมื่อเจ้ามาถึงที่นี่ เจ้าก็ควรจะได้ใช้มัน”
“ข้าว่าข้าบอกชัดเจน ว่าข้าทิ้งไปแล้ว”
อียูยื่นดอกไม้ขอพรนั่นให้แก่ซอลมินอีกครั้งด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย แต่ฝ่ายชายกลับตอบด้วยความไม่ใยดี
“เจ้าคงไม่ชอบใจข้ามากสินะ”
“....”
อียูค่อยๆชักมือกลับอย่างเก้อๆ พรางเสมองไปทางอื่นเพราะไม่กล้าจะมองสายตาดุๆ นั้นโดยตรง
“ถูกของเจ้า ข้าไม่ควรก้าวขาเข้าไปในวัง เพียงเพราะท่านพ่อต้องการแบบนั้น”
“เจ้าต้องการจะพูดสิ่งใด?”
“ข้าอยากทำตามใจตัวเอง ข้าเพียงต้องการบอกให้ใครสักคนได้รับรู้ความรู้สึกของข้า ข้าก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าข้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าฟังทำไม”
“แล้วทำไมต้องเป็นข้า....ทำไมถึงไม่เป็นคนเมื่อครู่ เพราะข้าไม่ได้อยากรู้แม้แต่นิด”
“ข้าไม่เข้าใจ ทำไมเจ้าดูโกรธข้านัก ข้าทำอะไรผิดหนักหนา ทั้งที่ข้า...”
“....”
ปากเล็กหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้น ก่อนใช้มือปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ข้าเพิ่งจะรู้ว่าคำพูดที่โหดร้าย ไม่ใช่คำพูดที่รุนแรงมากที่สุด แต่เป็นคำพูดที่เบาที่สุด และเยือกเย็นที่สุดของผู้ชายคนนี้ต่างหาก
“ข้าไม่ใช่คนที่จะเล่าเรื่องสำคัญแบบนี้เพราะเป็นใครก็ได้หรอกนะ...”
“......”
มือเล็กเอื้อมเอาดอกไม้ขอพรของซอลมินขึ้นไปวางไว้บนขอบสะพานอย่างเบามือ ซอลมินเมื่อเห็นอย่างนั้นจึงเลือกที่จะมองอยู่เงียบๆ เขาพูดแรงเกินไปหรือเปล่า แก่นแก้วอย่างอียู ไม่ควรร้องไห้ด้วยคำพูดแค่นี้
“ข้าแค่ไม่อยากเสียใจในภายหลัง แต่ข้าเสียใจแล้วจริงๆ”
“.....!!!”
“เจ้าควรใช้มัน หากคนที่ทำมารู้ว่าถูกโยนทิ้ง ทั้งที่มันควรจะนำพาคำขอพรของใครหลายๆ คนให้สมปรารถนา คงจะน่าเสียใจน่าดู”
“......”
ร่างเล็กพูดในขณะที่มองดูดอกไม้ขอพร ไม่ได้มองคนตรงหน้าว่าเขาทำสีหน้าอย่างไร ซอลมินเองได้แต่มองหญิงสาวด้วยหัวใจที่รู้สึกผิด เขาไม่ควรทำร้ายความรู้สึกของใคร เพียงเพราะโดนปฏิเสธจนทำให้เสียหน้า
“ข้าต้องขอตัวก่อน”
อียูหันมาพร้อมกับก้มหัวให้ซอลมิน เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาจึงรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าให้ปรกติแล้วเฉมองไปทางอื่น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาต้องสนใจความรู้สึกของผู้หญงคนนี้ ทำไมกัน ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมถึงต้องเป็นคนอย่างอียู
หมับ!!
“....!!”
“....”
การกระทำนั้นไปไวกว่าความรู้สึก เมื่อเห็นว่าอียูกำลังหันหลังจากไป ซอลมินไม่รอช้าที่จะคว้าแขนเล็กๆ ของเธอให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง พร้อมกับลากให้อียูเดินตามเขาไป
สองขายาวก้าวฉับๆ นำคนตัวเล็กผ่านผู้คนนับร้อย ความโดดเด่นของซอลมินในยามค่ำคืนไม่ว่าเขาจะไปทางไหน ก็ต้องเป็นจุดรวมสายตาของผู้หญิงมากมาย อียูเฝ้ามองเขาจากด้านหลังเงียบๆ เมื่อพยายามจะแกะมือของเขาออก ซอลมินต้องมีอันหยุดเดินแล้วหันมาทำหน้าดุใส่จนคนตัวเล็กยอมให้เขาลากไปอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อเดินมาถึงบริเวณริมแม่น้ำ ผู้คนเริ่มบางตามากน้อยคนที่จะเดินผ่านไปมาบริเวณนี้ ซอลมินหยุดเดินอียูเห็นอย่างนั้นจึงรีบบิดข้อมือของตนออกจากการจับกุมของเขา
“ทำไม?!...”
“ข้าไม่ชอบคนเยอะ”
“ข้าไม่ได้หมายความแบ..!!!!”
ปัง!!!! ปั้ง!!!!
ในขณะเดียงกัน ดอกไม้ไฟลูกใหญ่ถูกจุดขึ้นทำให้อียูละความสนใจจากซอลมินหันมองไปบนฟ้า ความสว่างไสวแพร่ซ่านไปทั่วทั้งบริเวณจากอิทธิพลของดอกไม้ไฟอียูไม่ได้สนใจร่างสูงอีกต่อไป ด้วยในใจจดจ่อความสวยงามบนท้องฟ้าดำมืดแต่งแต้มไปด้วยดอกไม้ไฟสีสรรสวยงาม
ซอลมินละสายตาจากท้องฟ้าหันมองใบหน้าครึ่งเสี้ยวของคนตัวเล็กข้างๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รู้ตัวเลย เขาไม่เคยได้รู้มากก่อนว่าจะมีอะไรน่าชื่นชมมากไปกว่าดอกไม้ไฟลูกใหญ่บนท้องฟ้าที่หาดูได้ยากเช่นนี้ แต่เขากลับเลือกที่จะมองใบหน้าขาวใสนั้นราวกับว่าดอกไม้ไฟไม่ได้สำคัญอีกต่อไป
“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าข้าจะยืนอยู่ในจุดที่มองเห็นได้ชัดเจนขนาดนี้ ที่ผ่านมาข้ามักจะเข้าใจว่าถ้ามองจากจุดที่ใกล้ที่สุด จะเห็นชัดที่สุด”
“......”
อียูพูดขณะสายตายังคงจดจ่ออยู่บนท้องฟ้า
“ข้าเฝ้ารอให้วันนี้มาถึง ตอนเด็กท่านแม่มักจะพาข้าออกมาดูดอกไม้ไฟด้วยกันทุกๆปี แม้ว่าตอนนี้ ท่านแม่จะไม่อยู่ แต่ทุกครั้งที่ดอกไม้ไฟแตะผืนฟ้า ข้ารู้สึกเหมือนได้อยู่ใกล้ๆกับท่าน”
“......”
ปั้ง!!
ดอกไม้ไฟลูกสุดท้ายถูกจุดขึ้น เมื่อแสงสว่างบนท้องฟ้าหายไป ความมืดจึงกลับมายึดครองพื้นที่ อียูละสายตาจากท้องฟ้าหันกลับมามองชายหนุ่ม แต่ต้องแปลกใจเพราะซอลมินจ้องอีอูอยู่ก่อนแล้วสายตาของทั้งคู่ประสานกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ หัวใจเจ้ากรรมดันเต้นผิดจังหวะขึ้นมาอย่าควบคุมไม่อยู่
หมับ!!
ราวกับเป็นภาพสโลโมชั้น ร่างสูงสอดมือข้างหนึ่งเข้าโอบดึงร่างเล็กเข้าหาตัว อีกข้างประคองท้ายทอยช้อนขึ้น อียูตกใจจนดวงตาเบิกกว้างราวกับไข่ห่าน
“จะ เจ้า.....!!!”
“.....”
เมื่อเห็นว่าซอลมินไม่พูดไม่จามองหน้าอียูด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ นี่จะเป็นฉากที่ข้าคิดใช่ไหม ข้ากำลังจะถูกเขาจูบใช่หรือไม่ คิดได้แบบนั้นดวงตากลมโตจึงปิดลงอย่างไม่ตั้งใจ
“.....หึ”
“.....!!!!”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นท่ามกลางความมืดใต้แสงจันทร์ ซอลมินกระชับมือประคองท้ายทอยให้อียูเงยหน้าขึ้นก่อนที่คนตัวสูงจะก้มลงจุมพิตอย่างอ่อนโยน หัวใจที่เต้นระรัว ของซอลมิน นี่คงเป็นความรู้สึกที่ชัดเจน หากต้องเสียใจ เขาก็ขอแลกด้วยทั้งหมดที่มี