“เกี้ยวพร้อมแล้ว เจ้าพร้อมหรือไม่?”
“จียง ข้า....!”
“อ๊ะๆๆ ข้ารู้ว่าเจ้าจะพูดอะไร เพราะฉนั้น ทำใจเสียเถิด”
“ชิ....”
สุดยอดผู้รับใช้ของข้านามว่าจียง ยกมือขึ้นห้ามเอาไว้เพราะรู้อยู่แล้วว่าคุณหนูอย่างอียูจะพูดอะไร เขายืนยิ้มยิงฟันอยู่หน้าประตูพรางกวาดสายตาไปรอบๆห้อง
“ข้าต้องคิดถึงคุณหนูมากๆ แน่เลย”
“นี่ ถ้าเจ้าจะร้องไห้ ซบไหล่ของข้าได้นะ”
พูดแล้วก็ทำท่าปัดฝุ่นออกจากไหล่ของตนเพื่อล้อเรียนจียง ชายหนุ่มถึงกับส่ายหัวพรางยิ้มแห้งๆ
“ข้ามิใช่เด็กๆ”
“ฮ่าาาา ข้าคงคิดถึงบ้านคิดถึงท่านพ่อ และคิดถึงเจ้ามากเช่นเดียวกัน”
“.....!”
“แต่จียง”
สาวเจ้าขยับเจ้าใกล้จียงอย่างมีพิรุธพรางหันมองซ้ายขวาเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครจึงกวักมือให้คนตัวสูงก้มลงเพื่อทำการกระซิบบางอย่าง
“ถ้าข้าไม่ผ่านการสอบคัดเลือกข้าจะได้..!!”
“ไม่ได้!!”
“โอ๊ะ อ่าาาา!!!!! ตกใจหมด!!”
ยังไม่ทันพูดจบ จียงก็ดุใส่ข้าเสียงแข็งสีหน้าจริงจังเสียจนต้องยกมือขึ้นทาบอกเพราะตกใจ
“ถึงแม้จะไม่ผ่านในการสอบ เจ้าก็ไม่สามารถใช้ชีวิตหรือมีคู่ครองตามที่เจ้าต้องการ”
“....!!”
“เข้าใจไหมว่าเจ้าได้ถวายตัวไปแล้ว”
“เจ้ารู้มากกว่าข้าอีกนะนี่..!!”
“ไม่ว่าตอนนี้เจ้าจะคิดอะไรอยู่ ล้มเลิกมันเสียเถอะ”
“......!”
พูดจบก็เดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทำไมต้องโกรธข้าขนาดนั้นด้วย เมื่อหมดทางเลือกข้าทำได้เพียงถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วห้อง ข้าต้องจากที่นี้ไปจริงๆ แล้วสินะ
น้ำตามากมายเอ่อล้นจากขอบตาไหลลงสองข้างแก้ม อียูใช้มือเล็กปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ก่อนจะก้าวขาออกจากห้องแล้วปิดประตูลง
วังหลวง.
วันแรกของการเปิดประตูพระราชวังให้แก่หญิงสาวสูงศักดิ์เดินทางเข้าสู้วัง เป็นช่วงเวลานี้ช่างวุ่นวายเสียจนเหล่าขันทีและนางในรับใช้ต่่างก็วิ่งวุ่นไปทั่ว เพื่อจัดสรรรายชื่อและพื้นที่รองรับหญิงงามทั้ง 300 คน
“องค์ชายทรงตื่นจากบรรทมหรือยังพะยะค่ะ?”
“........”
ขันทีชองยืนถือฉลองพระองค์อยู่ด้านหน้าประตูเพื่อที่จะนำไปสวมใส่ให้แก่องค์รัชทายาท ขันทีและนางในรับใช้ต่างก็มองหน้ากันอย่างหวาดหวั่นไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใด เพราะไร้เสียงตอบรับจากองค์ชาย
“องค์ชายพะ..!!”
“หนวกหูน่าาา..”
“ขะ ขออภัยพะยะค่ะ!!!!!”
เสียงตอบกลับจากอีกฝั่งของประตูบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าขืนยังดึงดันต่อไป หัวของท่านขันทีจะต้องหลุดออกจากบ่าอย่างแน่นอน
“เข้ามา”
“พะยะค่ะองค์ชาย!!”
ได้ยินแบบนั้นนางในจึงรีบเปิดพระตูเพื่อเข้าไปแต่งองค์ทรงเครื่องให้แก่องค์ชาย ตามที่ได้นับถือปฏิบัติมาอย่างเคร่งครัดทุกๆ ขั้นตอนและ ทุกๆ รายละเอียดอย่างสม่ำเสมอทุกเช้า
“กระหม่อมไม่นึกเลยว่า วันที่องค์ชายจะทรงมีพระชายาจะมาถึงเร็วเพียงนี้ กระหม่อมตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ถูกเลยพะยะค่ะ”
“งั้นเจ้าก็มาอภิเษกแทนข้าเสียสิ”
“หะ หามิได้พะยะค่ะ!!!! องค์ชายอย่าทรงแกล้งตรัสแบบนั้นเลย!! กระหม่อมยังอยากมีชีวิตเพื่อรับใช้องค์ชายนะพะยะค่ะ”
เจ้าตัวรีบโบกไม้โบกมืออย่าลนรานเมื่อได้ยินแบบนั้น องค์ชายหันมองเขาก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากอย่างขำขัน ขั้นตอนสุดท้าย ขันทีชองยกแขนสูงเพื่อที่จะสวมหมวกให้แก่องค์รัชทายาทท่าทางอาจจะดูทุลักทุเลจากความสูงที่แตกต่าง เพราะองค์ชายไม่สามารถที่จะก้มหัวให้แก่เขาได้
“กำหนดพิธีการในเช้าวันนี้ เนื่องจากมีหญิงงามมากถึง 300 คน ท่านเสนาบดีฝ่ายพิธีการ จึงให้กระหม่อมทูลองค์ชาย จะมีการคัดหญิงงามเหล่านั้นให้ลดน้อยลงเพื่อที่จะเหลือตัวเลือกที่เหมาะสม และรวดเร็วที่สุด”
“.....”
ระหว่างทางไปลานพิธี ขันทีชองมีหน้าทีแจกแจงข่าวสารและความเคลื่อนไหวทุกอย่างให้แก่องค์ชายได้รับรู้
“การคัดเลือกรอบแรก เริ่มด้วยพื้นฐานของระดับชนชั้นที่เหมาะสมและคู่ควร”
“.....”
“องค์ชายทรงคิดเห็นอย่างไรในวิธีการนี้หรือพะยะค่ะ”
“รีบๆ ทำให้จบ แค่นั้นก็พอ”
“พะยะค่ะ”
ร่างสูงยังคงสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างชัดเจน เมื่อเห็นว่าอีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงลานพิธี ขายาวๆ จึงหยุดเดินกระทันหัน เพราะตนเพิ่งจะนึกอะไรบางอย่างออก
“มีเหตุอันใดหรือพะยะค่ะ??”
“อ่าาาา!! ขันทีชอง ข้ามีเรื่องต้องพึ่งพาเจ้า”
“เอ๋!!! กระหม่อมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า องค์ชายจะไม่ทำให้หัวของกระหม่อมกระเด็นออกจากบ่านะพะยะค่ะ!! ฮ่าาาๆๆ!”
“......”
เสียงหัวเราะที่ไม่ได้ตั้งใจของขันทีชองลอยวนอยู่ในอากาศ และเขาหวังว่านั่นจะเป็นแค่รับสั่งแปลกๆที่องค์ชายพูดเล่นไปอย่างนั้น แต่ดูจากการยิ้มอย่างมีเลศนัยขององค์ชายแล้ว เขาคงไม่รอดอย่างแน่นอน
“ข้ามีเรื่องบางอย่างต้องไปทำ ส่วนเจ้าไปที่ลานพิธี”
“ไม่ได้นะพะยะค่ะ ทรงไตร่ตรองอีกครั้งเถอะพะยะค่ะ”
“แล้วข้าจะรีบกลับมา”
“โถ่!! องค์ชาย จะมีเรื่องใดสำคัญไปกว่างานนี้อีกหรือ ถ้าองค์ราชาทรงรู้เข้าว่ากระหม่อมปล่อยให้!!!...”
“หรือเจ้าอยากโดนสั่งโบยเสียตอนนี้”
“กระหม่อมยอมถูกโบย ดีกว่าถูกตัดหัวนะพะยะค่ะ!!”
ไม่เพียงแต่สีหน้าที่กำลังจะร้องไห้ ขันทีชองก้มลงกับพื้นพรางกอดขาทั้งสองขององค์ชายไว้แน่นเพื่อที่เขาจะเปลี่ยนใจสงสารข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์แบบตนบ้าง
“อ๊าาาา!! เจ้านี่ช่างน่าลำคานเสียจริง งั้นข้าจะสั่งตัดหัวเจ้าออกเสียตอนนี้เลย”
“ช้าก่อนองค์ชาย....!!”
“...หืมม?”
“อะ แฮ่ม!!.. กระหม่อมจะจัดการพิธีให้เป็นไปอย่างราบลื่น ทรงถอนรับสั่งนะพะยะค่ะ กระหม่อมยอมพระองค์แล้ว”
เมื่อได้ยินรับสั่งอย่างนั้นเขาจึงรีบลุกขึ้นพร้อมกับ เปลี่ยนท่าทีว่านอนสอนง่ายใน องค์รัชทายาทเห็นอย่างนั้นจึงอดที่จะแอบยิ้มอย่างพอใจเสียไม่ได้
“อืมมม ดี งั้นข้าไประ”
ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนบ่าที่กำลังสั่นเทาของขันทีอย่างเชื่อมัน ก่อนจะปลีกตัวเดินออกจากขบวนอย่างสบายใจ
“เราจะทำอย่างไรกันดีขันทีชอง”
“หากเรื่องนี้รู้ถึงฝ่าบาทแล้วระก็..!!”
“พวกเจ้าเงียบเดี๋ยวนี้!!”
“..!!!!”
เหล่านางในต่างก็กลัวจนตัวสั่น เพราะหน้าที่ของเราคือคอยติดตามรับใช้องค์รัชทายาท หากละเลยต่อหน้าที่ โทษทัณฑ์ที่รอข้านับใช้อย่างเรา มีไม่กี่อย่างหรอก ได้ยินแบบนั้นจึงหันกลับไปตำหนิให้พวกนางได้สติ
“ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ เราต้องเชื่อมั่น ว่าองค์ชายจะกลับมาทันเวลา”
“เจ้าค่ะ”
ลานพิธีสอบคัดเลือก
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
“อ่ะ เอ่ออ ข้าก็ไม่รู้”
อียูยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าหญิงงามมากหน้าหลายตาภายในพระราชวัง แต่ยังไม่สามารถที่จะผ่านประตูชั้นในเข้าไปยังลานพิธีได้ ทำให้บริเวณด้านหน้ากลายเป็นสมรภูมิที่เบียดเสียด
โอ้ยย...ทำไมข้าต้องมายืนปาดเหงื่อเพื่ออะไรแบบนี้ด้วย สู้ออกไปล่าสัตว์กับจียงยังจะดีเสียกว่า
“นั่นหนะหรือ บุตรสาวของท่านเสนาบดี คัง โฮ๊ะ ช่างน่าขันนัก”
“จิ๊ๆๆๆ เป็นข้าคงจะอับอาย หากได้ขึ้นเป็นพระชายา เพราะพ่อ มิใช่ด้วยความสามารถของตน”
“โฮ๊ะๆๆๆๆๆ”
“..!!”
ข้าได้ยินนะ ได้ยินชัดเจนเสียด้วยแม้พวกนางจะจับกลุ่มนินทาข้าอยู่ไกลๆ ด้วยหูที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีเพื่อตามรอยสัตว์ป่า แต่ข้าไม่อยากมีหูที่ดีแบบนี้อีกต่อไปแล้ว
ใครจะอยากได้ตำแหน่งอะไรนั่นกัน มีแต่นางฟ้านางสวรรค์อย่างพวกนางๆ นั่นแหละที่พร้อมจะเชิดหน้าชูตาเป็นเกียรติวงค์ตระกูลเสียเหลือเกิน แต่ไร้ซึ่ง....ช่างมันเถอะ ข้าเลือกอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
“มีประกาศจากคณะพิธีการ!!”
“หืมม รีบไปเร็ว”
“ประกาศจากด้านไหนหรอ?”
“ไปเร็วๆ”
ทุกพื้นที่เงียบราวกับไม่เคยมีผู้คน เหล่าหญิงงามต่างก็พากันไปรุมอยู่ด้านหน้าทางเข้าประตูเพื่อที่จะรอฟังประกาศ
“ขอความร่วมมือจากพวกท่าน โปรดแสดงป้ายประจำตัว และบอกข้อมูลให้แก่เจ้าหน้าที่ทราบก่อนที่จะเข้าสู้ลานพิธี”
เมื่อประกาศจบลง ทหารนับสิบก็เดินตั้งแถวแปลขบวนเป็นแนวยาวราวกับกำแพงมนุษย์ เพื่อจัดระเบียบ ทุกคนเห็นอย่างนั้นจึงพากกันถอยหนีอย่างไรเสียก็เป็นหญิงสูงศักดิ์ หากขาดผู้รับใช้คอยติดตามละก็บางคนถึงกับยืนงง ไม่รู้จะทำสิ่งใดด้วยซ้ำ
“โปรดเข้าแถวและแสดงป้ายประจำตัวแก่เจ้าหน้าที่”
หญิงงามมากหน้าหลายตาต่างก็แห่กันเข้าไปจุกอยู่ที่หน้าประตู เพราะยืนอยู่ด้านหน้านี้มานานพอแล้ว ความอดทนที่จะรอมันลดน้อยลงไปเสียเหลือเกิน มีเพียงอียูที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เพราะไม่ต้องการเข้าไปเบียดเสียดกันตายตรงนั้น
หญิงสาวบางรายถูกคัดให้ตกไปก่อนที่จะได้เข้าสอบคัดเลือกเสียอีก เพราะฐานะทางตระกูลหน้าที่การงานไม่สูงเท่าที่ควร และยังมีผู้แอบอ้างว่าเป็นหญิงสูงศักดิ์อีกหลายคน
และแล้วข้าก็ก้าวผ่านประตูวังชั้นในเข้ามายังลานพิธีจนได้ แม้จะนึกถอดใจเป็นรอบที่ล้าน ใบหน้าของพ่อข้าก็ลอยมาตลอด จนต้องมานั่งจุมปุ๊ก เบื้องหน้าคือโต๊ะอักษรขนาดเท่า (โต๊ะญี่ปุ่น) ข้างบนมีกระดาษพร้อมกับพู่กันวางไว้
“ประกาศจากคณะพิธีการ”
“....!”
“บัดนี้ ท่านคือผู้สอบคัดเลือกเพื่อเป็นพระชายาในองค์รัชทายาท อี ซอลมิน จำนวลทั้งหมด 300 คน”
ผู้ประกาศยืนถือม้วนบันทึกอยู่บนตำหนักด้านหน้า ถัดเข้าไปอีกเป็นพระแท่น น่าจะเป็นที่ประทับขององค์รัชทายาท มีมู่ลี่ลูกปัดเป็นม่านกลั้นเอาไว้ แต่ไร้เงาของพระองค์
“ผู้ที่ถูกคัดออกด้วยคุณสมบัติที่ไม่เพียงพอทั้งหมด 170 คน “
“......”
“พวกท่าน 130 คนจะต้องสอบในขั้นความรู้ ทางฝ่ายพิธีการเป็นผู้ออกข้อสอบ โปรดอ่านข้อความบนโต๊ะของท่าน แล้วเขียนคำตอบลงบนกระดาษ”
“.....!!!”
“เริ่มได้ ณ บัดนี้”
พรึบ!!!
ทั่วทั้งสนามสอบถูกความเงียบที่เริ่มต้นด้วยเสียงการพลิกหน้ากระดาษ รังสีอำมหิตของการจ้องจับผิดจากทหารที่เดินไปเดินมาทำให้การโกงข้อสอบนี้ยากขึ้นไปอีกสำหรับหญิงบางคน
มีแต่ข้าหรือเปล่านะที่ยังไม่ได้พลิกหน้ากระดาษเพื่อหาโจทย์จากด้านใน เพียงแค่กำลังคิดว่าหากข้าสอบไม่ผ่าน ไม่ได้เป็นพระชายา ข้าก็ไม่สามารถมีชายอื่นได้ตามกฎหมายของหญิงที่ถวายตัวแด่องค์ชาย
มือเล็กกำพู่กันไว้แน่นพรางถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
‘แม้เจ้าจะไม่ชอบใจนัก แต่สักวันเจ้าจะเข้าใจ’
เสียงของท่านพ่อลอยเข้าหูข้าอีกแล้ว ทุกครั้งที่ถอดใจ แค่นึกถึงใบหน้าบูดบึ้งพร้อมที่จะระเบิดนั้นของท่านพ่อก็ทำให้อียูขนลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น