ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด
บทที่ 14
“คุณหนู คุณหนูหมอก ให้น้าเข้าไปในห้องได้ไหมคะ”
เสียงวิภาดังอยู่หน้าประตูห้องเรียกให้อวัศย์ลุกไปเปิดประตูให้มารดาของวศินเข้ามาภายใน หลังจากกลับมาถึงบ้านเขาก็เข้ามานั่งน้อยใจอยู่พักหนึ่ง ได้ยินเสียงวศินดังแว่ว ๆ แต่จับใจความไม่ได้จากชั้นล่างแต่อวัศย์พยายามไม่สนใจ จนกระทั่งวิภามาเคาะประตูห้องกลางดึก
“คุณหนูยังโมโหไอ้หน่อยมันอยู่หรือคะ”
วิภาเข้ามานั่งเคียงข้างพลางมองอีกฝ่ายด้วยความเห็นใจ อวัศย์คงโกรธเจ้าลูกชายตัวดีอยู่แน่ๆ ถึงยังทำหน้าง้ำขนาดนี้
“น้าขอโทษแทนไอ้หน่อยมันนะคะ มันก็ทำผิดจริง ๆ ที่คิดจะหักหาญน้ำใจคุณหนู”
อวัศย์ถอนหายใจ นึกละอายที่ต้องให้ผู้ใหญ่อย่างวิภาต้องมาเป็นกังวลเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้
“ผมก็ต้องขอโทษนะครับที่ทำให้น้าวิภาต้องมาเครียดไปด้วย”
“คุณหนูหมอกยกโทษให้ไอ้หน่อยมันได้ไหมคะ” วิภายิ้มให้ชายหนุ่มรุ่นลูก “ถึงมันจะทำอะไรห่าม ๆ บ้าบอไปบ้าง แต่มันก็รักคุณหนูจริง ๆ นะคะ ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อหลายปีก่อนไอ้หน่อยมันก็ยังไม่ลืมคุณหนูหรอก แต่มันไม่รู้จะไปตามหาคุณหนูที่ไหน แล้วคราวนี้มันก็คงเสียใจจริง ๆ น้าไม่เคยเห็นมันหน้าจ๋อยขนาดนี้มาก่อน อย่าหาว่าน้าเข้าข้างลูกชายเลย”
“น้าวิภา เอ่อ รู้เรื่องของผมกับหน่อยด้วยหรือครับ”
อวัศย์ยิ้มแหยเมื่อผู้ใหญ่เอ่ยปากเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับลูกชาย วิภายิ้มให้อย่างเข้าใจ
“รู้ยิ่งกว่ารู้อีกค่ะ รู้มาตั้งนานแล้วว่าไอ้หน่อยมันรักคุณหนูมาก อยากได้คุณหนูเป็นเมีย เอ๊ย แฟน”
“เอ่อ แล้ว น้าวิภาไม่ว่าหรือครับ ผมกับหน่อยเป็นผู้ชายเหมือนกัน”
เขินจนนั่งบิดมือตัวเองอยู่บนตัก วิภารีบส่ายหน้ายิ้มแก้มปริด้วยความเอ็นดู
“ฮู้ย... ไม่ว่าหรอกค้า นี่มันสมัยปลูกมะนาวบนดาวอังคารแล้วน้าไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอก มีแต่น้าเสียอีกที่เกรงใจ คุณหนูน่ะทั้งน่ารักทั้งสูงส่ง แต่ก็ยังให้โอกาสไอ้หน่อยเด็กท้องไร่ท้องนาไม่รังเกียจรังงอน แต่ตอนนี้ถ้าคุณหนูหายโกรธไอ้หน่อยมันแล้วไปดูใจมันนิดก็ดีนะคะ ก่อนที่มันจะเสียใจจนขาดใจตายเสียก่อน ไอ้ลูกคนนี้มันยิ่งอ่อนไหวง่ายอยู่ด้วย”
เมื่อถูกผู้ใหญ่หว่านล้อมและอารมณ์เย็นลงบ้างแล้วอวัศย์ก็เริ่มจะคิดถึงวศิน สีหน้าของคนสำนึกผิดตอนที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงบ้านทำให้เขาใจอ่อน ความจริงเขาก็ไม่ได้ปัดป้องตอนที่ถูกวศินโอ้โลมบนเถียงนาเพราะก็อยากใกล้ชิดวศินเหมือนกัน เพียงแต่นึกกระดากอายเพราะรู้ว่าเป็นแผนของวศินและเพื่อนในตอนหลังเท่านั้นเอง
“แล้วตอนนี้หน่อยอยู่ที่ไหนหรือครับ”
ถามถึงวศินด้วยน้ำเสียงเบาหวิว วิภาถอนหายใจก่อนตอบเสียงเศร้า
“มันก็ไปนั่งจ๋อยอยู่ที่กองฟางข้างยุ้งฉางเก็บข้าวโน่นแหละค่ะ ที่ประจำของไอ้หน่อยมันเวลามันถูกพ่อตี”
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมไปตามหน่อยกลับนะครับ ดึกแล้วด้วย”
อวัศย์รีบลุกขึ้นก้าวออกไปนอกห้องทันทีเบื้องหลังนั้นมีรอยยิ้มของวิภาตามไป นิดนึงโผล่หน้ามาเมื่อเห็นอวัศย์ลับสายตาไปแล้ว
“สำเร็จไหมแม่”
“ถามทำไมวะไอ้นึง นี่ใคร นี่แม่เอ็งนะโว้ยให้มันรู้ซะบ้าง ถ้าไม่เก่งขนาดนี้ไม่ได้พ่อเอ็งมาแต่งด้วยหรอก”
ผู้เป็นแม่หัวเราะเบาๆ ท่าทางภูมิใจ นิดนึงถึงกับยกนิ้วโป้งให้
“แม่เก่งจัง ยิ่งกว่าในนิยายอีก ถ้าพี่หน่อยกับพี่หมอกดีกันได้นะ หนูจะได้มีเรื่องไปเม้ากับไรท์โบว์เอาไว้แต่งนิยาย”
สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างรู้ใจและเฝ้ารอผลงานของเจ้าของเรื่องกลางดึกคืนนี้
เดินถัดไปทางหลังบ้านไม่ไกลมากนักจะมียุ้งฉางสำหรับเก็บข้าวเปลือกของบ้านตั้งอยู่ ถัดไปเป็นกองฟางกองใหญ่สูงท่วมหัวรอจำหน่าย เมื่อไปถึงอวัศย์มองเห็นเงาตะคุ่มของวศินจากแสงของหลอดไฟหลอดน้อยที่ติดอยู่บนหลังคายุ้งฉางกำลังนั่งกอดเข่าก้มหน้าท่าทางน่าสงสาร
“มานั่งอยู่ตรงนี้ไม่กลัวยุงกัดตายหรือไง”
ถึงแม้จะใจอ่อนแต่อวัศย์ก็ยังอดปั้นเสียงแง่งอนไม่ได้ วศินเงยหน้าขึ้นมามองเหมือนจะมีแววดีใจอยู่ที่เห็นอวัศย์ก่อนก้มหน้าจ๋อยลงไปดังเดิม
“ให้ยุงมันกัดจนตายก็ดีไงครับ สมกับที่ผมทำอะไรโง่ๆ ไม่นึกถึงใจพี่หมอก”
คราวนี้ดูออกว่าวศินเสียใจจริงไม่ได้มารยา อวัศย์จึงถอนหายใจพร้อมกับทรุดนั่งข้างวศิน
“แล้วเข็ดหรือยังที่ทำอะไรแบบนี้”
“เข็ดจนตายอะพี่หมอก ขอโทษนะครับ ยกโทษให้ผมได้ปะ”
วศินเงยหน้าหันมองตาละห้อย อวัศย์ได้แต่เบนหน้าหนีขอบตาร้อนผ่าว
“ต้องยกโทษให้อีกกี่ครั้ง หน่อยถึงจะไม่ทำให้เราเสียความรู้สึกอีก”
มือเรียวถูกวศินคว้ามากุมไว้ สีหน้าจริงจัง
“ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ต่อไปผมจะไม่ทำอะไรให้พี่หมอกโกรธอีกแล้ว”
อวัศย์เม้มปากนิ่งอยู่พักหนึ่งจึงค่อยเงยหน้าขึ้นสบตา เขาเห็นวศินรอคำตอบจากเขาจนไม่กล้าขยับตัวแม้ว่าจะมียุงตัวหนึ่งเกาะกินเลือดอยู่ตรงแก้มของอีกฝ่าย เขายกมือข้างที่ว่างตบยุงบนหน้าวศินดังเพียะ
“โอ๊ย!”
หน้าของวศินหันไปตามแรงตบ อวัศย์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“หน่อย เจ็บไหม”
“ตบอีกสิครับ เอาให้สาแก่ใจพี่หมอก”
วศินหันกลับมาทำหน้าเศร้าส่งเสียงตัดพ้อ นอกจากจุดเลือดจากยุงที่ตายคามือแล้วยังมีรอยนิ้วขึ้นเป็นแนวบนแก้มจนอวัศย์อยากจะร้องไห้เมื่อเห็นฝีมือตัวเอง
“หน่อย เราไม่ได้จะตบหน่อยนะ เราตบยุง...”
“ผมรู้ว่าพี่หมอกโกรธผม เกลียดผมเพราะผมทำให้พี่หมอกร้องไห้มาหลายครั้ง พี่จะตบตีผมแรงกว่านี้ก็ได้ ผมยอมทุกอย่างเลย ขอแค่พี่หมอกคืนดีกับผม...”
คำพูดอ้อนวอนของคนตัวโตเงียบลงเมื่ออวัศย์ตัดสินใจปิดเสียงนั้นลงด้วยปากเล็กของเขา แม้เสียงของวศินจะหยุดแต่อวัศย์ก็ยังคงบดเบียดใบหน้าเข้าหาและเป็นฝ่ายสอดลิ้นนุ่มรุกเร้า วศินตวัดลิ้นจูบตอบอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ จนอวัศย์ผละปากมองอย่างขัดใจ
“ทำไมล่ะ ทีอย่างนี้ทำไมไม่ยอมกอดเราจูบเรา”
“ก็ เอ่อ ผมกลัวพี่หมอกจะโกรธอีก”
อวัศย์อ่อนใจกับความซื่อบื้อของวศิน ก่อนหน้านี้ทำเป็นเจ้าชู้ยักษ์คิดจะครอบครอง แต่พอตอนนี้ทั้งที่อวัศย์เป็นฝ่ายยินยอมทั้งยังเริ่มต้นก่อนคนซื่อบื้อกลับเกรงใจจนน่าโมโห และความจริงจากใจของอวัศย์ก็คือเขายังค้างคากับความต้องการที่ยังไม่ถึงฝั่งจากความสัมพันธ์บนเถียงนา
“บ้าจริง คนโง่”
อวัศย์แก้มแดงกระทั่งในความมืด เขาต้องเป็นฝ่ายผลักให้ร่างสูงของวศินพลิกหงายอยู่บนกองฟางยวบยาบแล้วขยับตัวเองให้อยู่ระหว่างขาทั้งสอง มือเรียวตะปบลงไปบนเป้ากางเกงแล้วบีบเบาๆ จนเจ้าของสะดุ้งเฮือกก่อนจะบีบคลึงตามไป วศินถึงกับหน้าเหยเก
“อู๊ย พี่หมอก มันตื่นแล้วคร้าบ”
ไม่ต้องบอกอวัศย์ก็รู้เพราะเจ้าน้องชายของวศินตุงอยู่ใต้กางเกงขาสั้นที่เจ้าตัวสวมใส่ อวัศย์ถกกางเกงตัวนั้นลงจนเจ้าท่อนเนื้อเด้งดึ๋งออกมาชี้หน้าเขา ร่างเพรียวข่มความอายดึงกางเกงของตัวเองลงเช่นกันก่อนที่อวัศย์จะถ่มน้ำลายใส่มือลูบไล้ช่องทางตนเองและท่อนเนื้อตรงหน้า
“หน่อยนะหน่อย ถ้าไม่รักเราไม่ลงทุนขนาดนี้หรอกนะ”
ขยับร่างไปคร่อมอยู่ตรงกลางเอว จับมันให้ตั้งตรงแล้วอวัศย์ก็กดกายลงไปเพื่อให้เจ้าท่อนเนื้อค่อย ๆ ผลุบหายเข้าไปในช่องทางของเขา ดวงตาคู่หวานพริ้มหลับไปกับสัมผัสภายในที่เหมือนดึงดูดเข้าหากัน วศินตะลึงงันมองอ้าปากค้างก่อนกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อตอนนี้อวัศย์กำลังเร่าร้อนเหลือเกิน
“พี่หมอกเซ็กซี่จัง”
“ยังจะพูดอีก”
กดเอวอีกครั้งท่อนเนื้อก็สอดเข้าไปจนหมด อวัศย์นั่งนิ่งกลั้นหายใจก่อนจะลองบดเอวซ้ายขวา เขาถึงกับหลุดเสียงแผ่วออกมาเมื่อท่อนเนื้อควงสว่านอยู่ข้างใน
“อื้อ ทำไมเข้าไปลึกจัง”
ท่อนแขนเรียวยึดไหล่ของวศินไว้เมื่อโยกกายขึ้นลงเป็นครั้งแรก ท่อนเนื้อยักษ์ที่ประสานอยู่กระแทกเข้ากับบางส่วนจนสะดุ้งโหยงเมื่อมันปลุกความต้องการจนเหงื่อออก
“พี่หมอกใจเย็นนะครับ”
วศินปลอบใจน้ำเสียงแหบพร่า เขาโอบกอดร่างนุ่มไว้แล้วโน้มเข้าหาเพื่อที่คราวนี้จะได้จูบปากเล็กให้สมใจ อ้อมแขนที่เหนี่ยวรัดประคองให้อวัศย์โยกกายขึ้นลงได้ถนัดขึ้น
“สะ เสียวจัง”
อวัศย์เป่าปากเมื่อมือร้อนของวศินสอดลึกเข้าไปในเสื้อยืดแล้วบีบเฟ้นยอดอก เอวของวศินเริ่มสวนกระแทกใส่บั้นท้ายเมื่ออวัศย์พักเหนื่อย เจ้าท่อนเนื้อใหญ่ปลุกเร้าไปทั่วช่องทางจนปั่นป่วนไปหมด
“พี่หมอก อื้อหือ แน่นมาก”
“หน่อย ระ แรงได้นะ”
หน้าตาเย้ายวนแดงก่ำไปด้วยเลือดฝาดและเหงื่อที่ผุดออกมา อวัศย์เผลอส่งเสียงหวานระงมเมื่อท้องน้อยบีบรัด เขาคว้าจุดกลางกายตนเองมารูดรั้งไปพร้อมกับจังหวะที่วศินเร่งให้เร็วขึ้น ร่างเพรียวเบียดกายไปกับอกกว้างพลันร้องลั่น
“อ๊า ไม่ไหวแล้ว”
อุ่นวาบไปทั้งมือ ช่องทางเบื้องล่างบีบรัดอัตโนมัติจนวศินนิ่วหน้า ได้ยินเสียงหอบหนักของอวัศย์อยู่กับอก เขายิ้มได้เมื่อรู้ว่าคนในอ้อมกอดถึงสวรรค์แล้ว วศินโอบเอวพลิกกายกลับให้อวัศย์หงายหลังอยู่บนกองฟางบ้าง
“พี่หมอก รอแป๊บ เดี๋ยวผมตามไปนะจ๊ะเมียจ๋า”
เขาบดจูบหนักหน่วงไปที่ปากเล็ก เอวของวศินเคลื่อนที่อีกครั้งเร็วและแรงจนอวัศย์แทบจะจมไปกับกองฟางสูง ได้ยินเสียงตัวเองปล่อยออกจากลำคอเป็นระยะเมื่อร่างกายใกล้ถึงขีดสุด วศินกดกายลึกกระแทกอีกไม่กี่ครั้งเขาก็ถึงกับหน้ามืด
“อ๋อย พี่หมอกสูบของผมไปหมดเลย”
“บ้า พูดอะไรอย่างนั้นนะ”
อวัศย์ทุบไหล่ของวศินดังพลั่กเมื่อร่างสูงซบหน้าลงมา ทั้งคู่กอดกันอยู่บนกองฟางกระทั่งหายเหนื่อยจึงค่อยลุกขึ้นมานั่งเงียบมองหน้ากันไปมา วศินเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบ
“ได้ผมแล้ว ห้ามทิ้งกันนะ”
“พูดงั้นได้ไงอะ เราน่ะเหรอได้หน่อย”
“ใช่สิ ตะกี้พี่หมอกเริ่มก่อนนะ”
“คนซื่อบื้ออย่างหน่อย ถ้าไม่ทำแบบนี้จะฉลาดเหรอ”
อวัศย์ตวัดหางตาใส่ วศินหัวเราะแก้เก้อก่อนดึงอวัศย์มากอดไว้
“คร้าบ ไม่เถียงแล้วเมียจ๋า ต่อจากนี้เมียจะสั่งอะไรผัวจะทำตามทุกอย่างเลย แต่ตอนนี้ขอจูบหวานๆ อีกทีได้ไหม นะคร้าบพี่หมอก”
สบตากันในความมืดก่อนที่ใบหน้าจะเอียงเข้าหากันแล้วจูบดื่มด่ำจนไม่ทันได้สังเกตว่าไกลออกไปมีเงาตะคุ่มนั่งซุ่มหัวชนกันอยู่
“แม่ เห็นหรือเปล่า”
“เห็นอะไรเล่าไกลขนาดนี้ แล้วไอ้ลูกเวรดันเลือกมุมหลบสายตาอีก ได้ยินแต่เสียงเนี่ย”
“แม่ แต่แค่เสียงนึงก็เลือดกำเดาไหลแล้วนะ”
ลูกสาวยื่นนิ้วที่เพิ่งเช็ดจมูกตัวเองให้แม่ดู คนเป็นแม่ยิ้มเยาะเย้ย
“โธ่ อ่อนว่ะ”
“แม่ รีบกลับเหอะ ยุงกัด” ลูกสาวคว้ามือแม่ “แค่นี้ก็ฟินแล้ว นึงจะแชทหาไรท์เตอร์ เผื่อว่าจะได้ฟิคเด็ดๆ”
“กลับก็กลับ ก่อนจะเป็นไข้เลือดออกทั้งแม่ทั้งลูก แล้วถ้ามีฉากเอ็นซีแกก็เอามาให้แม่อ่านบ้างนะ”
สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ และจำใจต้องลุกเดินกลับไปยังตัวบ้านปล่อยให้คนที่อยู่ตรงกองฟางยังจู๋จี๋กันต่อไปจนเกือบรุ่งสาง
ธนดลกับทิวไม้จ้องมองคู่ที่กำลังเดินจูงมือตรงมายังโต๊ะนั่งที่ชมรมไม้ประดับซึ่งพวกเขานั่งจู๋จี๋กันอยู่ก่อนแล้ว สีหน้าสดใสของวศินกับอวัศย์ทำให้ธนดลเลิกคิ้วมองเพื่อน
“กลับมาจากบ้านของบัฟแล้วหน้าบานกันขนาดนี้ ไม่ต้องถามแล้วมั้งว่าผลเป็นยังไง”
อวัศย์ยิ้มเขินในขณะที่วศินยืดอกอย่างภาคภูมิใจ
“คนมันเจ๋งน่ะพี่แบงค์ ในที่สุดผมก็เด็ดดอกฟ้าได้”
“ปากดีอีกแล้ว”
อวัศย์หยิกท้องจนวศินร้องลั่น
“เมียจ๋า เบาจ้า เนื้อจะหลุดแล้ว”
ธนดลหันไปมองเพื่อนสนิท
“พ่อมึงรู้แล้วเหรอเรื่องจะคบกับบัฟ เขาว่าอะไรหรือเปล่า”
ยังกลัวเรื่องปัญหาครอบครัวเพราะอวัศย์เป็นลูกคนเล็กที่พ่อกับแม่เป็นห่วงเอาอกเอาใจ ถ้ารู้ว่าอวัศย์คบกันผู้ชายแถมยังเป็นลูกชาวนากลัวว่าจะถูกขัดขวาง ทิวไม้มองคนรักพร้อมกับตอบแทนเพื่อน
“พ่อพี่หมอกเขาคงไม่ว่าอะไรหรอกพี่แบงค์ คบกับไอ้บัฟเหมือนตกถังข้าวสาร บ้านมันมีที่นาเป็นร้อยไร่ เป็นเจ้าของโรงสีแถมยังมีธุรกิจรถเกี่ยวข้าวรับจ้างทั่วราชอาณาจักร ไม่ต้องกลัวอดตายน่า”
ธนดลเพิ่งจะรู้ว่าความจริงแล้ววศินมีฐานะดีมากเรียกว่าเข้าขั้นเศรษฐี อวัศย์หัวเราะเบาๆ
“เขาไม่ว่าอะไรหรอกแบงค์ เราเคยเล่าเรื่องหน่อยให้พ่อกับแม่ฟังตั้งแต่เด็กแล้ว พ่อกับแม่แค่โมโหที่หน่อยทำให้เราเสียใจตอนเด็ก พอเราเข้าใจกันเขาก็ไม่ว่าอะไร”
วศินเหลียวซ้ายแลขวามองหาเพื่อน
“แล้วนี่ไอ้สมเสร็จไปไหนวะ ชวนมันไปกินหมูกระทะฉลองดีกว่า”
“มันไปรับน้องไง ลืมแล้วเหรอว่ามันเป็นพี่โหดต้องไปคุมน้องปีหนึ่งที่ห้องเชียร์”
ช่วงนี้เป็นช่วงท้ายของกิจกรรมรับน้องแล้ว ห้องเชียร์ของคณะก็จะโหดอยู่บ้าง สมเสร็จเป็นหัวหน้าพี่โหดที่ต้องคอยคุมน้อง ๆ ทำกิจกรรม วศินดึงโทรศัพท์มือถือจากกางเกงมากดโทรหาเพื่อน รอพักใหญ่สมเสร็จจึงรับสาย ได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวายดังมาจากปลายทางด้วย
“ไอ้สมเสร็จ ได้ยินกูไหม”
“เออ มีอะไรเหี้ยบัฟ พูดเร็วๆ”
“จะชวนไปแดกหมูทะ ไปป่าว”
“ไม่ว่าง ตีกับพวกวิดวะอยู่ แค่นี้ก่อนนะ เฮ้ย อย่ายอมมัน ตีมันเลยโว้ย”
“ไอ้สมเสร็จ ไอ้สมเสร็จ ไอ้ห่านี่” วศินสบถเมื่อสัญญาณตัดไป “แม่ง ยกพวกตีกับพวกวิศวะอีกแล้ว ไม่รู้จะห้าวอะไรกันนักหนา”
“ช่างมันเหอะ มันตีกันบ่อยจะตาย พวกเราไปกันเองก็ได้”
ทิวไม้เอ่ยขึ้นเพราะรู้นิสัยเพื่อนดี ทั้งหมดจึงพากันไปร้านหมูกระทะโดยที่อีกมุมหนึ่งของมหาวิทยาลัยสงครามย่อยๆ เพิ่งเลิกรา ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายหลังจากตีกันพอหอมปากหอมคอ สมเสร็จกลับไปที่หอพักแต่ไม่ได้ตรงไปยังห้องตัวเองที่อยู่ชั้นสาม เขาแวะที่ชั้นสองเหลียวซ้ายแลขวาเมื่อเห็นปลอดคนจึงยกมือเคาะประตูหน้าห้องห้องหนึ่ง
“ไอ้ดิว เปิดประตูให้กูหน่อย คิมเอง”
ได้ยินเสียงคนที่อยู่ในห้องเคลื่อนไหวก่อนประตูจะเปิดออก เขาจึงก้าวไปด้านในแล้วปิดประตูล็อก
“มาทำไม ต่อยกูซะแรง ไอ้เหี้ยคิม”
สมเสร็จ หรือ ชื่อจริงว่าคิมหันต์ยกมือเท้าเอวมองเจ้าของห้องที่ยังอยู่ในชุดเสื้อช็อปคณะวิศวกรรม หน้าตามีรอยฟกช้ำเป็นปื้น
“ก็ต้องให้มันสมศักดิ์ศรีสิวะไอ้ห่าดิว มึงเองก็เตะกูจนเอวแทบหัก ไหน เอาหน้ามึงมาดูซิ เดี๋ยวกูทายาให้”
ลากแขนเจ้าของห้องมานั่งบนเตียงพลางล้วงหยิบยาแก้ฟกช้ำออกจากกระเป๋าสะพาย เขายึดคางอีกฝ่ายไว้ทายาให้นวดคลึงเบาๆ
“สมน้ำหน้า ห้าวดีนัก คราวนี้คณะมึงหาเรื่องก่อนนะ”
“ก็คราวที่แล้วเกษตรมึงกวนตีนกูก่อนอะ”
ดิว หรือ ดิฐา ปีสองคณะวิศวะกรรมศาสตร์ไม่ยอมแพ้ เถียงกลับจนคิมหันต์ส่ายหน้าระอา เขามองหน้าคนเถียงคำไม่ตกฟากก่อนจะยื่นหน้าไปจูบที่ปากช่างเถียงจนในที่สุดต้องยอมหยุดพูด
TBC
อ๊ะๆ ยังไงน้า สองคณะนี้ ข้างนอกตีกัน ในห้องจูบกันงี้หรอ หุหุ
อย่าลืมกดไลก์ กดดาวนะคะ