บทนำ
“วินลูก” เสียงเรียกชื่อบุตรชายคนโตอ่อนเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ เมื่อร่างสูงถูกแบกเข้ามาในสภาพเมามายพร้อมผู้หญิงขนาบข้างซ้ายขวา คนรับใช้ผู้ชายเดินเข้ามารับร่างของมาวินไปพยุงไว้ คุณหญิงวารีไม่สนใจผู้หญิงที่แบกบุตรชายมาแม้กระทั่งหางตา ท่านส่งสัญญาณให้คนของตัวเองจัดการ ก่อนเดินตามร่างของบุตรชายที่ถูกหิ้วปีกอย่างไร้สติ
“เชิญคุณๆ กลับได้แล้วครับ” วรันย์คนข้างกายคุณหญิงผายมือส่งหญิงสาวสองคนด้วยแววตาแข็งกระด้างอย่างออกคำสั่ง สองคนที่กำลังโดนไล่กัดริมฝีปากอย่างขัดเคียง กระทืบเท้าเต้นเร่าแต่ก็ยอมจากไปแต่โดยดี เมื่อหญิงสาวอีกคนโยนเช็คเงินสดให้คนละใบ
คล้อยหลังร่างสองร่างที่เดินนวยนาดอย่างน่ารำคาญใจ วรันย์จึงหันมาสั่งหลานสาว
“อัยย์ขึ้นไปดูคุณหญิงหน่อยเถอะ ลุงจะออกไปเช็คว่าสองคนนั้นกลับไปจริงๆ”
หญิงสาวพยักหน้ารับ เดินก้มหน้าตามประสาเด็กเจียมตัวขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ตรงไปยังห้องนอนของมาวิน เป็นจังหวะที่เดินสวนกับคนสวนที่แบกร่างของมาวินขึ้นมาส่งพอดี
“จะเข้าไปช่วยคุณหญิงเหรออัยย์”
‘อัยริน’ พยักหน้าตอบ เดินตรงไปที่ห้องเป้าหมายโดยไม่หยุดสนทนาตามประสาคนพูดน้อย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หญิงสาวเคาะประตูเบาๆ ก่อนแง้มเปิดทันทีตามปกติ ทว่าจังหวะที่ก้าวขาเข้ามาด้านใน บางอย่างก็ลอยหวือเฉียดหน้าไปกระแทกกับผนังข้างกาย
เพล้ง!
ก่อนร่วงลงแตกละเอียดบนพื้น น้ำสีอำพันไหลนองพื้น
อัยรินกลืนน้ำลายลง ตกใจจนแข้งขาสั่น ทว่าไม่อาจปริปากร้องได้ หญิงสาวหลับตาลงแน่น รวบรวมสติอีกครั้ง ก่อนลืมตาขึ้นเมื่อเสียงร้องเรียกของผู้มีพระคุณดังลั่น
“กรี๊ด!”
ร่างผอมบางวิ่งพรวดเข้ามาหาร่างระหงทันทีจนเผลอเหยียบเศษแก้วที่แตกบนพื้น แม้จะสวมสลิปเปอร์คู่บาง ทว่ามันก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้มาก คมแก้วฝังลึกเข้าไปในเนื้อบาง แต่เจ้าของร่างยังไม่ทันรู้ตัว
“คุณหญิง” หญิงสาวประคองร่างที่โงนเงนเอาไว้ได้ทัน มองสำรวจร่างอ้อมแขนอย่างสำรวจตรวจสอบ เพราะกวัดไปถึงแก้วใบนั้นขึ้นมา “เป็นอะไรไหมคะ”
คุณหญิงวารีผละกายออก พยักหน้าให้เด็กในการปกครอง ก่อนหันกลับมาสนทนากับบุตรชายทั้งน้ำตา
“วินทำไมลูกทำตัวแบบนี้ บริษัทกำลังแย่ ลูกควรตั้งใจดูแลมันไม่ใช่ปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนั้น ถ้าคุณตา / พอ!”
เสียงตวาดสวนกลับมาจนร่างสองร่างสะดุ้งโหยง
“เลิกเอาตามาขู่ผมเถอะ เลิกกรอกหูผมสักทีว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ผมเหนื่อย!”
ความรู้สึกที่สะสมมาตลอดชีวิตของการเป็นลูกที่ได้รับแต่แรงกดดันทำให้มาวินสติแตก ชายหนุ่มตะเบ็งเสียงจนเส้นเอ็นที่คอขึ้นเขียว “บางครั้งผมก็เกลียดแม่!”
เขาสะอื้นไห้ไปพร้อมกับความเสียใจที่สาดซัดเข้ามา “รู้ไหมว่าที่ผ่านมาผมทรมานแค่ไหน แม่ทำลายชีวิตผม!”
เขารักกลอยใจ… รักมากพอที่จะยอมเสียทุกอย่าง ทว่า… เขาไม่กล้าเสียมันไปจริงๆ
“แม่ทำร้ายผม แม่ทำให้ผมเสียกลอยไป!”
กลอยใจไม่มีวันเป็นของเขาอีกต่อไป ไม่ว่าจะในสถานนะไหนเขาก็ไม่มีวันได้เข้าใกล้หล่อนอีกแล้ว
“ตอนนี้ผมเป็นยิ่งกว่ากิ้งกือตุ๊กแก เขาเกลียดผม เกลียดพอๆ กับที่ผมเกลียดแม่!”
นี่นับเป็นครั้งแรก… ในชีวิตที่คุณหญิงได้ยินคำบริภาษจากปากของบุตรชายสุดที่รัก หญิงสูงวัยเสียใจจนหัวใจแทบแตกสลาย ร่างกายเซซวนจนแทบทรุดฮวบลงกับพื้นหากไม่ได้มือนิ่มคอยประคับประคอง
“วินลูก ฮือ” แม้เสียงร้องไห้ของมารดาก็ไม่อาจซึมลึกเข้าถึงหัวใจของคนต้องสูญเสียทุกอย่าง มาวินร้องไห้โฮออกมา ทรุดกายลงบนพื้น ก่อนปล่อยหมัดหนักๆ กระแทกเข้ากับพื้นเต็มแรก
หลังมืออ่อนบางตามประสาคนไม่เคยทำงานแตกช้ำจนเลือดไหลนอง คนเป็นแม่เห็นเช่นก็หวีดร้องเสียขวัญ ถลาเข้าไปประคองกายของลูก ทว่า…
ผลัก!
มาวินผลักร่างของมารดาออกห่างจนกระทั่งร่างระหงกระเด็นไปกระแทกกับปลายเตียง
“คุณหญิง” อัยรินวิ่งถลาเข้าไปประคองผู้มีพระคุณของตนขึ้น กอดปลอบอย่างทะนุถนอมด้วยความสงสารจับหัวใจ
ไม่ว่าท่านจะทำอะไร เหตุผลล้วนมาจากความรักที่มีต่อบุตรชายตรงหน้าทั้งนั้น
“อยากให้ผมแต่งงานนักเหรอ” มาวินถามเสียงห้วน หัวเราะลงคอยามมองใบหน้าซีดเซียวของมารดา
“ได้!”
ร่างสูงลุกขึ้นยืน เงยหน้าหัวเราะอีกครั้งอย่าบ้าคลั่ง สติหลุดจนไม่อาจกู้กลับได้ในเวลาใกล้ๆ ทว่าหยิงสูงวัยที่รักบุตรชายดุจชีวิตก็ยังพยายามเดินเข้าไป แตะสัมผัสร่างที่เปรอะเปื้อนคราบเลือดจากหลัง หากก็ถูกผลักไสครั้งแล้วครั้งเล่าเสมอ
มาวินมองมารดาด้วยแววตาเจ็บปวด ความรู้สึกที่กักเก็บมาหลายปีทะลักไหลและแตกออก เขาเจ็บจนต้องขบกรามแน่น เจ็บจนร้าวไปทั้งอก กลอยใจไม่อาจเป็นคนที่เคียงข้างกันได้อีกแล้ว รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และเสียงเรียกชื่อของเขาในอดีตมันกำลังค่อยๆ เลือนหายไปจากความทรงจำ
หญิงสาวที่เขารักเป็นคนแรก และเป็นคนสุดท้ายที่เขาปรารถนาจะยืนเคียงกายไปตลอดชีวิต บัดนี้ได้เป็นของคนอื่นอย่างสมบูรณ์แบบ ที่สำคัญหล่อนมองเขาเป็นเพียงฝุ่นผง เป็นอากาศธาตุไร้ตัวตน ไม่หลงเหลือตะกอนความรู้สึกใดใดมอบให้ผู้ชายคนนี้อีกแล้ว นั่นมันก็เพราะ…
“ผมจะแต่งงานให้สมใจคุณแม่!” เขาหัวเราะอย่างคนเสียสติ เดินดุ่มเข้ามากระชากร่างผอมบางที่กำลังประคองร่างมารดาตนออก จ้องมองด้วยดวงตาวาววับและเต็มไปด้วยความเย็นชา “แต่ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นเด็กคนนี้!”
คุณหญิงวารีรังเกียจลูกนอกสมรส ไม่อยากได้กลอยใจเป็นลูกสะใภ้เพราะชาติกำเนิด
ดี! เขาจะทำทุกอย่างตรงกันข้ามกับความปรารถนาของท่าน จะไม่ยินยอมตอบรับคำสั่งอันนำพาแต่ความทุกข์ใจมาให้ตนอีกแล้ว เด็กสาวในมือของเขาเป็นใครเขาจำแทบไม่ได้ เพราะตนเองไปร่ำเรียนต่างประเทศมาหลายปี พอกลับมาอยู่ที่นี่ก็แทบไม่มีเวลาอยู่บ้าน แต่ไม่ว่าหล่อนจะเป็นใคร ขอแค่ต่ำต้อย และไร้ชาติตระกูล แถมยังอยู่ใต้อาณัติของมารดาก็นับว่าใช้ได้
“นอกเหนือจากเด็กคนนี้ ผมจะไม่แต่งกับใครทั้งนั้น ผมจะบินกลับอเมริกา ใช้ชีวิตที่นั่น และทิ้งแอลเอ็นกรุ๊ปทันที!”
ประกาศิตที่ประกาศลั่นส่งผลให้คนฟังทั้งสองชะงักค้าง คุณหญิงวารีปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้นพร้อมๆ กับทรุดกายลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง ตะหนักได้ในวินาทีนี้ว่าบาปกรรมที่ทำกับลูกชายคนเล็กย้อนศรคืนมาในเวลาอันสั้นนัก
“วินลูก ยัยอัยย์ไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะลูก ปล่อยน้องไปเถอะ”
“ไม่! ถ้าเด็กที่คุณแม่ราดข้างแดงแกงร้อนเลี้ยงมาอยากตอบแทนพระคุณมากนักก็มาเป็นเมีย…” เขาเว้นช่องวางพร้อมยกยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยต่อ “เมียบำเรอของลูกจะเป็นอะไรไป!”
อัยรินนิ่งงัน ไม่มีคำโต้แย้ง ไม่สลัดมือหนาออกจากกาย เพราะหัวใจปวดร้าวจนขยับริมฝีปากพูดอะไรไม่ออก จ้องมองใบหน้าเกรี้ยวกราดของคนที่บีบข้อมือตนเองสลับกับผู้มีพระคุณที่ร่ำไห้แทบขาดใจตรงหน้า หญิงสาวที่ถูกคนบ้าถึงเข้ามาเป็นหมากในเกมบ้าๆ กลับยิ้มขื่นๆ ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า ก่อนเค้นเสียงตอบ
“ได้ค่ะ” หล่อนตอบเสียงฉะฉาน แววตาเด็ดเดี่ยวจ้อมองคุณหญิงวารีเท่านั้น ไม่มีใครอื่นในสมองและหัวใจ
“อัยย์จะแต่งงานกับเขาเอง”