ในเวลาเดียวกันถังเฉียนซึ่งเพิ่งเข้ามาในห้องก็แข้งขาอ่อนทรุดนั่งลงบนพื้น เถิงเฟิงลงมาจากฟ้าอีกครั้ง ราวกับว่าเขาสามารถเข้าออกห้องนี้ได้อย่างล่องหน
“อาหรูน่า ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่”
ถังเฉียนคาดไม่ถึงว่าเสี่ยวจินจะมีพลังในการเข่นฆ่ารุนแรงเช่นนี้ แม้ว่านางจะโกรธแค้นมากแต่ก็ไม่เคยคิดฆ่าใครอย่างแน่นอน นางก็แค่ตะโกนเสียงดังอย่างหมอผี แต่ชีวิตคนเป็นๆ เหล่านั้นกลับต้องจบสิ้นลงเบื้องหน้านาง
“ข้าฆ่าคนแล้ว...เถิงเฟิง ข้าฆ่าคนแล้ว...”
“จุ๊...ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่ความผิดเจ้า...”
ถังเฉียนถอดหน้ากากออก น้ำตานองหน้า สีหน้าตื่นกลัว นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าแค่ความคิดเพียงชั่วครู่หรือเพียงความตั้งใจหนึ่งของตัวเองจะมีพลังอำนาจเช่นนี้ นางไม่รู้ว่าเสี่ยวจินสามารถสังหารคนได้จริง ทั้งยังลงมืออย่างเฉียบขาดและอำมหิต
“ไม่ต้องกลัว พวกนางหาเรื่องเจ้าก่อน จำไว้ ที่นี่คนอ่อนแอตกเป็นเหยื่อของคนที่เข้มแข็งกว่า ถ้าเจ้าอ่อนแอก็มีแต่ตายกับตาย เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”
เมื่อถังเฉียนอยู่ในอ้อมกอดของเถิงเฟิง นางก็ไม่เคยถือตัว นางกุมมือเขาไว้แน่น น้ำตาเปียกชุ่มชุดแดงของเถิงเฟิง ทิ้งคราบไว้ราวกับน้ำตาสีเลือด
ร่างถังเฉียนสั่นระริก จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าจวนอ๋องแห่งนี้ไม่ได้ดีอย่างที่นางคิด ที่นี่น่ากลัวมาก หากเผลอเมื่อไรตัวตนของนางจะถูกเปิดเผย หากไม่ใช่คนอื่นที่ตายก็คงเป็นนางเองที่ต้องตาย
การเป็นฝ่ายตั้งรับเช่นนี้ทำให้ถังเฉียนรู้สึกราวกับจะแตกสลาย
ถังเฉียนตัวสั่น ร่ำไห้อยู่ในอ้อมกอดเถิงเฟิง แต่ไม่อาจให้คนข้างนอกได้ยินเสียงนางร้องไห้ นางจึงกัดริมฝีปาก ฟังเถิงเฟิงกระซิบปลอบโยนที่ข้างหู แขนขาของนางยังอ่อนระทวยจนแทบลุกไม่ขึ้น
...
ฉู่จิ่งเหยาเพิ่งฟังรายงานจากจื่อเย่ว์จบ เจิ้งจยาเฉิงก็มาถึงพอดี พอเข้ามาในห้องก็พูดอย่างมีโทสะว่า
“ท่านอ๋อง จะให้หญิงหมอผีนั่นอยู่ต่อไปไม่ได้...”
ที่ผ่านมาจื่อเย่ว์ไม่ชอบถังเฉียน แต่คราวนี้นางกลับนิ่งเฉย บรรยากาศในห้องเงียบลง ถัดมาฉู่จิ่งเหยาจึงถามขึ้นว่า
“จื่อเย่ว์ เจ้ามีความเห็นอย่างไร”
จื่อเย่วขบริมฝีปากล่าง แล้วตอบว่า
“คราวก่อนลองทดสอบถือว่านางยังเกรงใจ หากแต่คราวนี้ซูซินเหลียนพังประตูบุกเข้าไปถึงที่ทำให้นางบันดาลโทสะ แต่เหตุใดหวังหลงกับหวังหู่จึงไม่ห้าม”
เจิ้งจยาเฉิงได้ฟังเช่นนี้จึงตอบว่า
“หลายวันมานี้พวกสาวใช้ของซูซินเหลียนคอยแต่จะหาเรื่องหมอผี ในเมื่อเราจะทดสอบนาง ก็มิสู้ปล่อยให้สุนัขกัดกันเองเสียดีกว่า ข้าจึงสั่งไม่ให้พวกเขาขัดขวาง เปิดช่องให้นาง แต่เวลานี้...”
จื่อเย่วขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยบอกว่าจะลองทดสอบดูจริง แต่พอลองทำซ้ำๆ ก็เกรงว่าหมอผีท่านนี้จะเดือดดาล จื่อเย่ว์ครุ่นคิดแล้วพูดว่า
“แต่ที่นางโหดเหี้ยมเช่นนี้กลับทำให้ข้ารู้สึกว่านางเป็นหมอผีจริงๆ”
ฉู่จิ่งเหยามองเจิ้งจยาเฉิง แล้วถาม
“ที่เจ้าย้ายหวังหลงกับหวังหู่ไป ปล่อยให้นางอยู่ตามลำพังไม่มีใครคอยช่วย ปล่อยให้ซูซินเหลียนมีโอกาสได้ก่อกวนหมอผีหญิง นี่คงเพราะเจ้าอยากแอบดูว่านางเป็นหมอผีจริงหรือไม่ ยามนี้นางก็สังหารคนอย่างไม่ลังเล คงทำให้เจ้าพอใจแล้วกระมัง?”
เจิ้งจยาเฉิงฟังที่ท่านอ๋องพูดก็ตระหนักว่าตนถูกตำหนิ เขารีบคุกเข่าลงทันที แล้วกล่าวว่า
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยเพียงแต่รู้สึกแปลกใจ มีคนเห็นหมอผีคนนี้ที่แถบหนานเจียง หากหมอผีของเราคนนี้แอบอ้างชื่อเข้ามาแทน ข้าน้อยเพียงแค่ไม่อยากให้ท่านอ๋องต้องมีอันตรายแม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่จิ่งเหยานั่งอยู่ในห้องหนังสืออ่านข่าวที่เพิ่งส่งมา แล้วปิดหนังสือรายงานลง มีเสียงเบาๆ ดังขึ้นในห้องที่โล่งกว้าง เจิ้งจยาเฉิงที่อยู่บนพื้นร่างสั่นเล็กน้อย จากนั้นฉู่จิ่งเหยาจึงถามต่อ
“เวลานี้เจ้าจะจบเรื่องนี้อย่างไร”