และฉู่จิ่งเหยาก็ถามขึ้นอีกว่าวันหน้านางยินดีเป็นหมอผีสังกัดจวนจินซิวอ๋องหรือไม่
ถังเฉียนลังเล นางกลัวว่าฐานะของตนจะถูกเปิดเผย แต่การอยู่ที่นี่ก็ย่อมดีกว่ากลับไปที่สถานกักกันทาสต้องโทษมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเริ่มรู้สึกรักความสะดวกสบายในฐานะการเป็นหมอผี
หลังจากถังเฉียนรับใช้ฉู่จิ่งเหยาเพียงหนึ่งวัน จากนั้นฉู่จิ่งเหยาก็เปลี่ยนไป
ทั้งยังเอาแต่ใจตนมาก!
“ท่านอ๋องขอให้ท่านหมอผีมอบทุกเรื่องให้พระชายาทำแทน หากท่านอ๋องไม่เห็นพระชายาจะกินยาไม่ลง”
“ท่านอ๋องมีคำสั่งให้ไปตามพระชายามาอยู่เป็นเพื่อน หากไม่เห็นพระชายาจะเจ็บแผล”
“ท่านอ๋องบอกว่าเจ็บแผล ให้พระชายาไปช่วยเป่าหน่อย...”
เรื่องที่เดิมเป็นงานที่ถังเฉียน จื่อเย่ว์และหมอหลายคนต้องทำ บัดนี้กลับกลายเป็นซูซินเหลียนทำเพียงคนเดียว น่าสงสารเด็กสาว ทุกวันต้องตกใจกลัวจนแทบจะเป็นลม แต่ยังต้องกล้ำกลืนความคลื่นเหียนไปทำเรื่องเหล่านี้
สามวันติดต่อกัน ใบหน้าของซูซินเหลียนซึ่งถูกผึ้งโฉมงามของถังเฉียนต่อยก็ยังคงบวมอยู่ ส่วนจื่อเย่ว์เพราะใช้ขี้ผึ้งประทินโฉมซึ่งเป็นตำรับลับจึงหายบวมแล้ว ผิวหนังขาวผ่องดั่งไข่ปอก เพราะเหตุนี้นางจึงอ่อนโยนต่อถังเฉียนมากขึ้น
ฉู่จิ่งเหยานอนครางอยู่บนเตียง บางครั้งกลั้นไม่ไหวก็ไอออกมา ยังให้ซูซินเหลียนยกถ้วยชาให้ แม้แต่กระโถนเสมหะก็ยังให้นางไปเท ห้ามคนอื่นเข้าใกล้
“ช่างน่าสงสารซูซินเหลียนเสียจริง...”
ถังเฉียนอดรู้สึกเสียดายเด็กสาวคนนี้ไม่ได้ แต่สองวันต่อมานางก็เลิกคิดเช่นนี้แล้ว
เพราะเจิ้งจยาเฉิงตรวจยึดจดหมายที่ซูซินเหลียนเขียนถึงอวิ๋นกุ้ยเฟย เมื่อได้ฟังที่ซูซินเหลียนบรรยายถึงฉู่จิ่งเหยาแล้ว ก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งร่างราวกับตกลงไปในเตาไฟ
หลังจากที่ซูซินเหลียนมาถึงที่นี่ นางมองออกว่าที่ฉู่จิ่งเหยายังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะอาศัยยาหม้อกับหมอผีหญิงผู้นี้ อีกทั้งยังคอยให้ตนคอยปรนนิบัติรับใช้จนนางทนไม่ไหว จึงเขียนจดหมายถึงอวิ๋นกุ้ยเฟยเพื่อขอกลับไป
“ท่านอ๋อง นางบอกว่านางจะไม่แต่งงานกับท่านอ๋องเด็ดขาด หากอวิ๋นกุ้ยเฟยไม่เรียกตัวนางกลับไป นางจะเปิดโปงเรื่องที่อวิ๋นกุ้ยเฟยให้นางคอยเฝ้าดูท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อฉู่จิ่งเหยาได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้ม
“จะอย่างไรนางก็ยังเด็กมาก ไม่กี่วันก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว”
จื่อเย่ว์ร้องหึ แล้วพูดว่า
“ต่อให้เป็นคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจอย่างไร การที่ให้นางรับใช้ท่านอ๋องก็ถือเป็นเกียรติแก่นางแล้ว ทั้งที่นางเป็นแค่ลูกเมียน้อยเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์อะไร แต่กลับมีข้อด้อยไปเสียหมด ท่านอ๋อง หรือเราจะเล่นงานให้หนักขึ้นเพคะ”
เวลานี้จื่อเย่ว์กลับดีต่อถังเฉียนไม่น้อยแล้ว นางด่าซูซินเหลียนต่อหน้าถังเฉียน ไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย
“ส่งจดหมายไปเถิด ไปมาต้องใช้เวลากว่าสิบวัน กลัวว่านางร้อนใจแล้วอาจจะทำอะไรไม่ยั้งคิด จื่อเย่ว์ เจ้าปลอบใจนางหน่อยแล้วกัน”
ถังเฉียนรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองควรจะฟัง จึงถอยออกมา ครั้นเดินมาถึงประตูก็ได้ยินฉู่จิ่งเหยาร้องเรียกขึ้น
“ท่านหมอ สองสามวันมานี้ข้าเจ็บหน้าอกมาก ไม่รู้ว่านางใส่อะไรลงไปในยา ช่วยตรวจดูสักหน่อยได้หรือไม่”
ฉู่จิ่งเหยาชี้ไปที่ชามยา แม้ถังเฉียนจะรู้ว่าสาเหตุคืออะไร แต่ก็ตรวจดูชามยาอย่างละเอียด แล้วหันไปมองจื่อเย่ว์ที่กำลังขยิบตาให้นาง ถังเฉียนบอกว่า
“น่าจะไม่เกี่ยวกับยาที่นางยกมา แต่เพราะดวงชะตาซูซินเหลียนเป็นดาวหายนะ ดวงชะตาขัดกับท่านอ๋อง พอนางเข้าใกล้ย่อมเลี่ยงความเจ็บปวดได้ยาก”
“ดาวหายนะหรือ ถ้าเช่นนั้นจะปล่อยให้นางมาอยู่ใกล้ท่านอ๋องไม่ได้แล้ว” จื่อเย่ว์พูดสนับสนุนทันที
ฉู่จิ่งเหยาครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วว่า
“นี่เป็นเหตุผลที่ไม่เลว ให้นางไปพักสองวัน ไม่ต้องมาคอยรับใช้ ให้จื่อเย่ว์มารับใช้เถอะ”
“เพคะ ท่านอ๋อง”