“ฉันต้องการเธอ...หนึ่งตะวัน”
เสียงของชายหนุ่มสั่นพลิ้ว หญิงสาวแทบหยุดหายใจในตอนที่เขารวบสองแขนเธอไพล่เหนือกระหม่อมบาง
“อยะ อย่าค่ะ”
หล่อนตาเบิกกว้าง สองมือดิ้นหลุดจากการเกาะกุมรีบยกดันแผงอกของคนตรงหน้าที่ทำท่าว่าจะโน้มมาปล้นจูบกัน พิธาน์ชะงัก เงยมอง แววตาออกคำสั่ง
“อย่าดึงเกม หนึ่งตะวัน”
“…!”
“เธอก็รู้ว่ามันไม่ได้ผล”
“คุณป๋า…”
“ไว้ใจฉัน แค่นั้น”
เค้นเสียงปลอบรวดร้าวไปทั้งลำกาย ชายหนุ่มเหมือนกำลังถูกทดสอบความอดทนจากเจ้าของแววตาสั่นริกเจือจางด้วยน้ำอุ่นร้อน หวาดกลัวกับครั้งแรกของเธอจนเขาต้องข่มกลั้นความรู้สึก
เขาทรมาน แต่เธอไม่เคยรู้เลย
“คุณป๋าคะ หนึ่งแค่...”
น้ำเสียงแผ่วพร่าเลือนหายไปในลำคอแห้งผาก ช่วงล่างของอีกฝ่ายที่ดุนดันคับพองราวกับทานทนไม่ไหวยิ่งทำหนึ่งตะวันวูบดิ่ง
เธอแค่ต้องการบอกเขาว่าเธอยังไม่พร้อม
ไม่สิ…
อันที่จริงเธอไม่มีวันพร้อมด้วยสถานะระหว่างเธอกับเขาที่มันค้ำคอเราอยู่
“หนึ่งแค่อยากขอเวลา...” สุดท้ายจึงได้แต่ก้มงุดบอกเสียงแผ่วปลาย
“ให้สามนาที”
“คุณป๋า”
คนได้ยินถึงกับโอดครวญ การต่อรองของเธอใช้ไม่ได้ผล พิธาน์รู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมตกเป็นของเขาเพราะเธอกังวลกับหลายๆ สิ่ง
จะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่โชคชะตากำหนดให้เธอเป็นของเขามาตั้งแต่แรก เขาจะไม่มีวันยกเธอให้ใครโดยเด็ดขาด
“ฉันให้เวลาเธอมามากแล้ว ให้มาตลอดห้าปีที่เราต้องแยกจากกัน”
“คุณป๋า...หมายความว่ายังไงคะ...”
หนึ่งตะวันตกตะลึง ที่ผ่านมาเขาคิดไม่ซื่อกับเธอมาโดยตลอดเลยงั้นหรือ แล้วทำไมเขาถึงเพิ่งแสดงออกให้เธอรู้ ทำไมเขาถึงได้...
“อ๊ะ!?!”
ความสับสนถูกสับสวิตซ์เมื่อคนอยู่เหนือร่างก้มลงมาไซ้คอเธอ พรมจูบให้เธอคล้อยตามอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป
“อื้ออ ไม่ค่ะ”
ริมฝีปากอุ่นร้อนให้ความรู้สึกเสียวซ่านในทุกองศาที่คลอเคลียแนบชิด ฟันซีกคมเผลอขบเม้มก่อนจูบซับ...ไล้เลียปลอบขวัญ
“หอม...จนอยากทำให้ช้ำ”
ร่างกายที่สวนทางกับสมองพลันมีปฏิกิริยาต่อพูดคำยั่วเย้าอย่างน่าใจหาย หนึ่งตะวันหัวหมุน ลมหายใจเริ่มแตกแถว แทบไม่เหลือแรงต้านเมื่ออีกฝ่ายก้มลงมาประทับจูบหนักหน่วง
“อื้อมม...!”
เสียงหวานขัดเขิน ครั่นเนื้อครั่นตัวแสนทรมาน สบโอกาสให้คนที่กระตุกยิ้มขยับแทรกชิวหาเข้ารุกล้ำ ไล่ต้อน และเกี่ยวคล้อง นำพาคนใต้ร่างวูบไหว ดันไหล่หนาให้ผละออกด้วยสติไม่สมประดี หากกำลังเพียงแค่หยิบมือนอกจากจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้ พิธาน์ยังโถมจุมพิตลึกล้ำมากขึ้นกว่าเดิม
“อื้ออ คุณป๋า!”
ด้วยความกลัวเหลือใจส่งผลให้หญิงสาวเปลี่ยนมาทุบบ่าแกร่ง คนตัวโตนิ่งสนิทไม่สะทกสะเทือน เพียงคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ความอ่อนแอก็ไหลทะลัก
“ฮึก...”
เธอมัน...ไม่เอาไหน
ไม่เอาไหนจริงๆ
“หนึ่งตะวัน”
ริมฝีปากแดงช้ำจากจุมพิตที่กินเวลาต่อเนื่องเป็นอิสระจากคนที่หยุดชะงักแล้วเสมอง พิธาน์หลับตา ดึงตัวออกห่างพลางกระแทกลมหายใจอย่างคนหมดอารมณ์ในทันที
ทำไมเธอจะต้องร้องไห้ทุกครั้งที่เขากำลังจะทำเรื่องที่เราจะมีความสุขไปด้วยกัน
จากพ่อ...จะเปลี่ยนมาเป็นผัวไม่ได้รึไง คำมันก็ออกเสียงคล้ายๆ กันนั่นแหละ!” พาลคิดอย่างหงุดหงิด
คนร้องไห้สะอึกสะอื้นหยัดกายขึ้นมองตามแผ่นหลังกว้างที่ยืนหันหลังให้ คล้ายกับมีก้อนแข็งๆ จุกอยู่ในลำคอ ยื่นมือออกไปหาเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“คุณป๋า...”
หากอีกฝ่ายชักแขนกลับ ก้มลงหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ทำคนมองใจแป้ว ไม่รู้อะไรผลักดันให้เธอรีบลุกตามเขาแล้วดึงเอาชุดของชายหนุ่มมาไพล่ไว้ด้านหลัง
“หนึ่งตะวัน”
คนถูกแย่งชุดไปต่อหน้าเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงเครียด เธอจะเอายังไงกับเขากันแน่
“หนึ่งขอโทษ...”
“…”
แล้วไง ขอโทษแล้วทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้ไหมล่ะ
“คุณป๋าโกรธหนึ่งเหรอคะ”
“…”
ใช่ โกรธ...โกรธมากด้วย
หญิงสาวเริ่มใจคอไม่ดี เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูดจาเอาแต่จ้องเธอเขม็ง
“หนึ่ง...ขอช่วยคุณป๋าแทนได้ไหม”
ที่สุดแล้วริมฝีปากเล็กจึงขยับบอกเสียงแผ่ว ทิ้งสายตามองลงด้านข้าง ใบหน้าอ่อนเยาว์ขึ้นสีแดงเรื่อ คนฟังถึงกับนิ่งไปพลัน
ให้ตาย เธอไปหัดเอาคำพูดแบบนี้มาจากไหน
แต่ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่า...เพียงได้ยินคำว่า ‘ช่วย’ จากน้ำเสียงหวานๆ ความแข็งขึงใต้ร่มผ้าก็ดีดตัวผงกราวกับยินดีให้เธอโอ้โลมอย่างไรอย่างนั้น
หนึ่งตะวันไม่รอให้ชายหนุ่มได้อนุญาตก็ขยับตัวไปใกล้ คุกเข่าลงเบื้องหน้า เอื้อมมือออกไปสัมผัสกับน้องชายเขาผ่านความอบอ้าวของกางเกงชั้นใน กระชากพิธาน์ให้หลุดจากภวังค์ เผลอสะดุ้งราวกับต้องของร้อน
“หนึ่ง...ฮึก...”
หอบตัวสั่นโยนในยามที่มือน้อยถอดสิ่งที่เหลือติดกายเขาลงมากองอยู่บริเวณข้อเท้าแกร่ง ท่อนลำอวบหนาที่ได้รับการปลดปล่อยดีดผงาดอวดโฉมสู้สายตาคนที่ตะลึงเพริศไปกับขนาดของมันในระยะเผาขน
หนึ่งตะวันใจหวั่นหวิว ลอบกลืนน้ำลายไปกับความกร้าวกระสันที่ขยับไหวราวกับมีชีวิต สิ่งนั้นห่อหุ้มด้วยเส้นเลือดปูนโปน สั่นเทิ้มตั้งแต่โคนจรดปลายหยักรูปหัวใจที่มีน้ำซึมไหลออกมา
“มัน...ใหญ่จังค่ะ”
เสียงนั้นฟังดูหวาดหวั่น ช้อนมองเจ้าของร่างที่สบตาเธอด้วยประกายไฟโชติช่วง กรามแกร่งบดหากันแน่น
“หนึ่งจะช่วยทำให้คุณป๋ารู้สึกสบายตัวขึ้นนะคะ…”
หนึ่งตะวันบอกอีกครั้ง สีหน้าประหม่าปนเขิน
“หนึ่ง...”
คนฟังถึงกับสะท้าน ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กน้อยที่ถูกปลอบด้วยขนม
พิธาน์ไม่คิดว่าตัวเองจะมีนิสัยเด็กจ๋าได้ขนาดนี้ สามสิบเก้าแล้ว ไม่ใช่สิบเก้า ทำไมต้องลิงโลดเหมือนเด็กวัยรุ่นด้วย
“รู้เหรอว่าจะต้องทำยังไง”
ข่มอารมณ์แกล้งถาม ทรมานกับการเฝ้าดูว่าเธอจะจัดการเช่นไร หากอีกฝ่ายไม่ตอบแต่เอื้อมมือมากอบกุมน้องชายเขาไว้ก่อนคิดจะไถ่โทษโดยการขยับมือ...สาวรูดไปตามครรลองอย่างไม่ประสีประสา
“ฮึก หนึ่ง...” พิธาน์ถึงกับหลุดคราง คิ้วขมวดเกร็ง
“ดีไหมคะ”
ไม่...!
“รู้สึกดีขึ้นมาบ้างไหม”
เขาทรมาน...ทรมานจนแทบแตกคามือเธอ
คนรบราอยู่กับความคิดของตัวเองช้อนคางเรียวขึ้นสบสายตาคม บังคับเสียงที่พลิ้วจัด
“ใช้ปากปลอบมันหน่อย…”
“คุณป๋า”
พวงแก้มของคนถูกวอนขอซับสีเลือด ใจเต้นรัวไปกับสีหน้าและท่าทางแสนเซ็กซี่ของฝ่ายตรงข้าม
คนที่เปี่ยมล้นด้วยราคะสั่นไหวไปกับริมฝีปากเรียวเล็กที่กดจูบลงมาหยั่งเชิงก่อนเจ้าตัวจะครอบครองอาวุธลับด้วยริมฝีปากตัวเองในวินาทีนั้น
“อ่า...!”
น้ำที่หลั่งจากลำลึงค์ร้อนมีรสชาติออกปะแล่ม ทำคนสงสัยใคร่รู้แตะเลียไปยังส่วนยอด แล้วรวบดูดอย่างต้องการเก็บเกี่ยวทุกหยาดหยดไม่ให้ไหลเยิ้มออกมา
“ซี๊ดดด หนึ่ง…”
เธอทำให้เขาถึงกับยืนไม่ตรงเลยทีเดียว!
คนรู้สึกปั่นป่วนเอื้อมไปประคองดวงหน้างาม รวบผมที่นุ่มสยายไปด้านข้างเพื่อจะได้มองเห็นหญิงสาวเล่นรักกับน้องชายเขาอย่างถนัดตา
“แน่นๆ ลึกๆ เด็กดี...”
แหงนคอตั้งบ่า กำกับ สูดปากสะท้านให้กับความเสียดเสียวที่แล่นพลิ้ว
“ฮึก...ใช่...แบบนั้น”
อุ้งปากน้อยๆ ดูดกลืนไปพร้อมกับฝ่ามือที่สาวรูดขะมักเขม้น ไม่รีรอที่จะทำตามบัญชาของอีกฝ่าย อกแกร่งเต้นกระหน่ำที่ลืมตามองคนกำลังกลืนกินตัวตนเขาแทบดับสูญ
ไหนจะดวงตาพาซื่อชวนปรารถนาเงยมองสบสาน...มันช่างยั่วยวนและออดอ้อนดีแท้
หนึ่งตะวันกำลังจะทำให้เขาทนไม่ไหว
“หนึ่ง...ฉัน...อา...”
ร่างกายที่เต็มตื้นด้วยพายุกำหนัดจวนจะเสร็จสม มือหนาจับตรึงท้ายทอยเล็กผลักดันไปพร้อมกับสะโพกหนั่นที่เคลื่อนรับ ลมหายใจหอบถี่
หนึ่งตะวันใจเต้นตุบ สัมผัสที่เธอทึกทักเอาเองว่าถ้าทำแบบนี้แล้วเขาอาจจะชอบ ไม่คิดว่าจะเกินความคาดหมาย ความฮึกเหิมผุดวาบขึ้นกลางใจผลักดันให้เด็กน้อยเร่งทำคะแนน
“อื้มม...อื้มม...อื้มม...”
ท่อนลำเครียดขมึงผลุบเข้าผลุบออกในโพรงปากสวย ลึกแน่นก่อนถ่ายถอนเกือบสุดแล้วรวบดูดย้ำ...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พิธาน์หลับตาขมวดคิ้ว ลำคอจรดมัดกล้ามฉ่ำวาวไปด้วยเหงื่อกาฬ ร่างกายเกร็งสั่นจนแลเห็นเส้นเอ็นสีเขียวที่แทงพ้นผิว
“อึก...เสียวชะมัด”
สบถคำราม ปลายประสาทหมุนคว้าง เศษเสี้ยววินาทีที่ความสุขแล่นมาเยือนปากอ่าวเขาก็ถอนลำลึงค์ออกจากริมฝีปากของคนตัวเล็กด้วยกลัวเธอจะสำลัก มือแกร่งกำรอบความยาวใหญ่ที่เหยียดขยายจวนเสร็จสม ชักรูดรัวแรง ฉับพลัน! มวลกล้ามเนื้อเกร็งกระตุก ปลดปล่อยน้ำขุ่นขาวใส่ใบหน้าอ่อนหวานที่มองการกระทำของเขาเกินกว่าจะต้าน
“ฮึกกกกกกก!!!”
คราบน้ำกามไหลย้อยลงไปยังหน้าอกอิ่ม ดวงตาสีนิลหรี่พร่า ระบายลมหายใจหอบเหนื่อย
หนึ่งตะวันเผลอมองภาพของชายหนุ่มด้วยความหวั่นไหว เขาร้อนแรง ชวนมอง จนเธอไม่อาจละสายตา
คนเสร็จสมต่อหน้าหญิงสาวเอื้อมมือมาเช็ดใบหน้างามพริ้งที่เขาเป็นคนทำเลอะก่อนดึงคนใจสั่นหวิวมาป้อนจูบอีกครั้ง
“คุณป๋า...”
หนึ่งตะวันครางแผ่วเมื่อเจ้าของจุมพิตคืนอิสรภาพแล้วเปลี่ยนมากอดเธอไว้ด้วยความอ่อนโยน เอียงหน้าจูบซับหน้าผากมน หล่อนกอดตอบเขาพลางเอนซบกับอกกว้าง
“เมื่อกี้...ทำไมถึงดึงออกล่ะคะ”
เสียงที่ดังถามคล้ายกับไม่เข้าใจ คนฟังกดยิ้ม ขี้เกียจอธิบายให้มากความ
“ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน”
หนึ่งตะวันผละจ้องอีกฝ่ายทันทีที่ได้รับคำตอบนั้น พิธาน์หลุดหัวเราะ ลดสายตามองต่ำพลางยิ้มกริ่ม
“แต่คราวหน้า...ขอเป็นข้างในนะ”
หญิงสาวหน้าแดง เม้มริมฝีปากอย่างพูดอะไรไม่ออก
“ไปอาบน้ำกัน”
“คะ!?!”
จู่ๆ พิธาน์ก็ตวัดร่างเธอขึ้นแนบอก ก้าวสวบสาบไปที่บันไดหมายจะพาเธอขึ้นห้อง
“เดี๋ยวคืนนี้จะยอมเป็นหมอนข้างให้นอนกอดจนถึงเช้าเลย”
“อะไรนะคะ!”
น้ำเสียงของคนฟังฉายแววตื่นตูมมากกว่าเดิม มองคนตีเนียนที่ไม่ถามความเห็นเธอเลยสักแอะ
“ดีใจอะไรขนาดนั้น”
คนบ้า เธอตกใจต่างหาก!
“หนึ่งกลัวว่าจะไม่ได้นอนน่ะสิคะ” อดค่อนขอดคนตัวสูงไม่ได้ หากอีกฝ่ายโต้กลับด้วยแววตาใสซื่อ
“ทำไม เธอจะปล้ำฉันเหรอ”
“คุณป๋า!”
แล้วเขาก็ต้องหลุดหัวเราะที่เห็นคนในวงแขนทำตาเขียวใส่
“นิ่งๆ สิ ดิ้นมากเดี๋ยวก็ตกบันไดหรอก”
แสร้งดุด้วยน้ำเสียงขบขัน ริมฝีปากของหญิงสาวเม้มลงเล็กน้อย ไม่พอใจเขาแต่ก็ไม่กล้ากระดุกกระดิก พิธาน์ลอบยิ้ม มองอย่างเอ็นดู แล้วโทนเสียงของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปในตอนเอ่ยขึ้นมาอีกรอบ
“ขอบคุณนะ”
ดึงสายตาของคนตัวเล็กให้มองสบกัน
“เรื่องอะไรคะ”
“เรื่องที่รับฟังฉัน อยู่ข้างฉัน แล้วก็...” สีหน้าของคนพูดแปรเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ทั้งที่เขาเพิ่งจะจริงจังได้ไม่ถึงสองนาที รอยยิ้มกะล่อนปรากฏที่มุมปากหนา “…เรื่องที่ทำให้ฉันสบายตัว”
“คนบ้า!”
คนตีความหมายออก แทบก้มงุดเบียดจมไปกับแผงอกกว้าง พอดีกับที่ชายหนุ่มอุ้มเธอมาถึงห้อง หนึ่งตะวันถึงได้รีบผละจากคนที่ปล่อยเธอลงพร้อมกับเดินเข้าห้องน้ำด้วยความอายสุดชีวิต
“ขออาบด้วยคนสิ”
ชายหนุ่มกลั้นยิ้ม เคาะประตูเรียก ได้ยินอีกฝ่ายตะโกนกลับ
“ไม่ค่ะ หนึ่งจะอาบคนเดียว”
เม้มริมฝีปาก หน้าแดง นัยน์ตากลมโตจ้องมองเงาสะท้อนจากกระจก ใจสั่นหวั่นไหว
ยิ่งเมื่อมองต่ำลงมาบริเวณซอกคอถึงปลายถัน เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยสีกุหลาบยิ่งกระตุ้นอารมณ์ให้นึกถึงริมฝีปากอุ่นร้อนราวกับไอปรารถนาจากเขายังคงโลมเลียทั่วทุกตารางนิ้วบนตัวเธอให้คลอนสั่น
“อาบยังไงไม่ถือผ้าเช็ดตัวเข้าไปด้วย”
น้ำเสียงของคนที่อยู่อีกฟากปลุกหญิงสาวหลุดจากความกระสับกระส่าย หนึ่งตะวันแทบอยากกัดลิ้นตัวเอง ไม่ทันได้ว่าอะไรพิธาน์ก็โพล่งแทรก
“หรือวางแผนให้ฉันเอาเข้าไปให้ทีหลัง?”
“...!”
“อืม เตรียมการมาดีนี่นา”
“คุณป๋า!!!”
เสียงที่เขวออกไปดังลั่นแต่ยังไม่เท่ากับเสียงหัวเราะชอบใจของคนที่อยู่ด้านนอก คนเขินตัวแทบสุกเม้มริมฝีปากแน่น ได้แต่ฮึดฮัดกับภาพสะท้อนของตัวเองที่ผ่าวร้อนไปทั้งร่าง
คนตัวสูงมองบานประตูยิ้มๆ เขาเลิกแกล้งหนึ่งตะวันก่อนเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าขนหนูที่พับเป็นระเบียบบนชั้นเหนือศีรษะ ตาคมเหลือบเห็นลิ้นชักเก็บชุดชั้นในที่ปิดไม่สนิท มีชุดชั้นในเข้าเซ็ตน่ารักแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเซ็กซี่ขี้อ้อน ช่วงล่างปวดปร่าขึ้นมาอีกหน
พิธาน์สูดลมหายใจลึก นึกตำหนิตัวเองที่เกิดอารมณ์เพียงแค่เห็นชุดชั้นในหญิงสาว แล้วเดินกลับมาเคาะประตูห้องน้ำ
“ฉันแขวนผ้าเช็ดตัวไว้ให้ตรงลูกบิดประตูนะ”
“เชื่อได้ไหมคะ”
น้ำเสียงประชดดังลอยมาทำคนมีเจตนาดีหลุดยิ้มกับความขี้ระแวงของหล่อน
“สัญญา ไม่แกล้งแล้ว”
“…”
“แต่ถ้าอยากให้ช่วยถูหลังก็บอก”
ปากบอกไม่แกล้ง แต่น้ำเสียงขี้เล่นเจ้าเล่ห์ยังคงกวนประสาทอยู่ไม่เลิก เป็นอีกครั้งที่หนึ่งตะวันต้องสะกดใจที่เต้นถี่รัว
“ทะลึ่ง!”
บานประตูเปิดผ่างออกพร้อมกับคว้าผ้าขนหนูเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนปิดประตูใส่หน้าคนที่อยู่ด้านนอก พิธาน์กะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็หลุดหัวเราะ
“ใครกันแน่ที่ทะลึ่ง เล่นเปิดประตูล่อนจ้อนออกมาแบบนั้น...”
เสียงทุ้มบ่นว่าลำพัง เขาส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวนอนบนเตียงของหญิงสาว
กลิ่นหอมจางของหนึ่งตะวันเป็นกลิ่นแบบเดียวกันที่ติดอยู่บนหมอน กลิ่นที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ เป็นตัวของตัวเอง และ
...เกิดอารมณ์
คนไพล่คิดกัดกราม เก็บความรู้สึกที่ปะทุไว้อย่างเนืองแน่น คืนนี้เขาควรจะให้เธอพัก ตัวเขาเองก็ควรจะนอนได้แล้ว
คนข่มจิตใจดึงหมอนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นเย้ายวนมากอดซุก บังคับตัวเองให้หลับตา เสียดร่างโหยหาความอบอุ่นของผืนผ้านวม
พิธาน์ไม่คิดเลยว่าตัวเขาต้องมาอดทนกับอะไรแบบนี้
หนึ่งตะวันเรียนจบแล้ว เขายังต้องรอให้สภาพจิตใจของเธอพร้อมทั้งๆ ที่การช่วงชิงสิ่งนั้นมามันง่ายนิดเดียวสำหรับคนอย่างเขา
“ต่อให้เธอไม่ยอมรับฉันในสถานะอื่นฉันก็ไม่มีวันปล่อยเธอไปไหน…หนึ่งตะวัน”
เจ้าของลมหายใจแตกพร่าพึมพำหลับตาแน่น เสมือนเป็นการย้ำกับตัวเอง
หญิงสาวออกมาจากห้องน้ำในเวลาต่อมา ด้อมๆ มองๆ เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเงียบไปได้สักพัก เดิมเธอคิดว่าพิธาน์คงจะกลับห้องของตัวเองไปแล้ว แต่เธอก็ต้องสะดุดไปกับภาพที่หลับปุ๋ยของคนที่อยู่บนเตียง
“หลับจริงหรือแกล้งหลับเนี่ย”
คนนึกระแวงทรุดตัวลงข้างๆ คนที่บอกว่าจะมาเป็นหมอนข้างให้กับเธอพลางส่ายหน้ายิ้มๆ
“แม่...” เรียวคิ้วของพิธาน์กดเข้าหากันในตอนนั้น สีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว “อย่า...อย่าทิ้งผมไป”
มือแกร่งปัดป่ายไขว่คว้าทำคนมองตระหนก รีบกุมมือเขาไว้กับเธอ
“คุณป๋า...”
เขาคงจะฝันร้ายอีกแล้ว
มือของชายหนุ่มตอบสนองต่อสัมผัสดังกล่าว...เขายึดมือหล่อนไว้ไม่ให้ไปไหน ความทรมานบนใบหน้าหล่อเหลาผ่อนคลายลงจนเกือบกลับมาเป็นปกติ
หนึ่งตะวันยื่นมืออีกข้างออกไปซับเม็ดเหงื่อตามกรอบหน้าของคนที่สงบลงแล้ว ทอดมองชายหนุ่มด้วยความเห็นใจ
เด็กชายที่ต้องเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวเพราะพ่อกับแม่ไม่ต้องการ ต้องต่อสู้อยู่กับความรู้สึกทั้งรักทั้งชังของตัวเอง
ถึงพิธาน์จะแสร้งทำเป็นเข้มแข็งหรือนึกเกลียดบุพการีมากแค่ไหน ทว่าลึกๆ แล้วเขายังต้องการความรักความอบอุ่นในแบบที่ครอบครัวอื่นๆ เป็นกัน
เธอสัญญาว่าจะเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่ให้กับเขา จะปลอบโยนเขาในยามเหนื่อยล้า แม้สถานะเราจะอยู่บนความสัมพันธ์อันแสนคลุมเครือก็ตามที
“ฝันดีนะคะ คุณป๋า”
ชีวิตป๋าช่างน่าฉงฉาน
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ด้วยนะคะ
ค่อยมีกำลังใจอัพหน่อยจ้า