ฉันพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดไม่หาย กัดริมฝีปากล่าง และเอนตัวพิงเบาะรถยนต์คันหรูของฟินิกซ์ที่นาธานกำลังขับอยู่อย่างเหนื่อยล้าร่างกายไปทุกส่วน โดยเฉพาะเล็บเท้าที่ฉีกอยู่ตอนนี้ เจ็บชะมัดเลย ให้ตายเถอะ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณเมเบล”
ฉันเหลือบไปมองยังกระจกกั้นระหว่างหน้ารถกับที่นั่งด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงของนาธานที่ถามออกมาด้วยความสงสัย ฉันคงเผลอบ่นกับตัวเองดังเกินไปสินะ
“เปล่าหรอก ฉันไม่เป็นอะไร แล้วโทนี่ล่ะนาธาน”
“อยู่กับคุณครูสครับ สักพักคงตามไปที่บ้าน”
ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย งั้นที่ฟินิกซ์บอกว่าจะจัดการคนเดียวนั่นคงจะจริงสินะ บ้าชะมัด ฉันคิดว่าเขาจะให้โทนี่หรือลูกน้องสักคนตามไปด้วยซะอีก
“อะ… อือ งั้นเหรอ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงคุณฟินิกซ์หรอกครับ เขาชอบทำแบบนี้ตลอดนั่นแหละ”
“ฉันไม่ได้เป็นห่วงสักหน่อย…”
ฉันเม้มริมฝีปากและขมุบขมิบปากพึมพำบอกนาธานอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่ แต่ก็ต้องรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนาธานพูดประโยคถัดมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นกังวลเล็กน้อย
“แต่ครั้งนี้คงจะเป็นงานหนักน่าดู”
“นายหมายความไงน่ะนาธาน”
ฉันเด้งแผ่นหลังออกจากเบาะรถ แล้วขยับไปถามนาธานใกล้ๆ กับกระจกกั้นด้วยความรวดเร็ว งานหนักที่เขาเพิ่งพูดมันหมายถึงอะไรน่ะ แล้วทำไมนาธานต้องถอนหายใจออกมาเหมือนกำลังคิดหนักแบบนั้นกันล่ะเนี่ย ให้ตายสิ ฉันหงุดหงิดไปหมดแล้วนะ!
“ครั้งนี้คุณฟินิกซ์อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าจะสำเร็จ เพราะฝั่งนั้นรู้ตัวแล้ว และระวังตัวกันมากทีเดียว”
“ฝั่งนั้น? เบนจามินงั้นเหรอ หรือไบรตัน”
“ขอโทษนะครับ ผมคงบอกคุณเมเบลตอนนี้ไม่ได้ แต่อีกไม่นานคุณฟินิกซ์คงจะบอกกับคุณเอง”
ฉันกัดริมฝีปากล่างแรงๆ อย่างหงุดหงิดอีกครั้ง บ้าจริง แค่บอกฉันว่าฟินิกซ์กำลังจัดการใคร และเพราะเรื่องอะไรถึงต้องทำแบบนั้นกับฉันสักนิดมันจะเป็นอะไรนักหนาเนี่ย ฉันต้องมาวิ่งฝ่าดงกระสุนทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรเลยแบบนี้งั้นเหรอ ให้ตายเถอะ
“อือ ช่างมันเถอะนาธาน แต่ขอบคุณนายมากนะที่มาทันเวลาพอดี”
ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วพิงเบาะรถลงมาตามเดิม จากนั้นก็หลับตาและสูดลมหายใจเอาอากาสเข้าปอดเฮือกใหญ่อย่างควบคุมสติ รู้สึกปวดหัวกับเรื่องวุ่นวายที่เพิ่งเกิดขึ้นชะมัด…
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว ถ้าผมมาไม่ทันคงโดนคุณฟินิกซ์ไล่ออกแน่ๆ”
นาธานพูดติดตลก และหัวเราะออกมาเบาๆ จนฉันต้องเบ้ปากอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ และไม่เชื่อเท่าไหร่เมื่อได้ยินว่าฟินิกซ์จะทำอย่างที่นาธานพูด คนอย่างเขาจะไล่ลูกน้องมือขวาของตัวเองออกเพราะมารับตัวฉันไม่ทันงั้นเหรอ อย่าตลกไปหน่อยเลย เหอะ!
“ฟินิกซ์คิดว่าฉันเป็นตัวเกะกะและภาระน่ะสิ”
“แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่อย่างนั้นนะครับ”
“ถึงเขาจะเป็นเจ้านายของนาย แต่อย่าเข้าข้างฟินิกซ์เลยนาธาน มันเป็นแบบที่ฉันคิดนั่นแหละ ไม่ผิดหรอก”
ฉันรีบพูดแทรกก่อนที่นาธานจะพูดเรื่องฟินิกซ์มากไปกว่านี้ ตอนนี้ฉันยังหงุดหงิดเขาไม่หายเลย ทำบ้าอะไรของเขาอยู่ก็ไม่รู้ ถ้าถูกยิงหรือบาดเจ็บขึ้นมาล่ะ บ้าจริง แล้วทำไมฉันต้องคิดเรื่องพวกนี้ให้ปวดหัวมากขึ้นด้วยเนี่ย!
“ผมไม่ได้เข้าข้างเจ้านายตัวเองหรอกนะ สักวันคุณเมเบลคงรู้จักเขาดีขึ้นเอง”
“วันนั้นคงไม่มีหรอก ฉันบอกไว้เลย”
ฉันเค้นหัวเราะเบาๆ แล้วพูดพึมพำออกไปอย่างไม่อย่างเชื่อ จะให้ฉันเชื่อได้ยังไง ในเมื่อฟินิกซ์เป็นคนที่ฉันเกลียด และเขาก็เกลียดฉันไม่ต่างกันนักหรอก…
ดวงตาทั้งสองข้างเหลือบมองไปยังบ้านหลังใหญ่ที่คุ้นตา นาธานลงจากรถยนต์คันหรู และเดินมาเปิดประตูให้ฉันหลังจากที่จอดรถอยู่หน้าบ้าน ฉันกัดริมฝีปากแน่นเพื่อข่มความเจ็บเมื่อเท้าทั้งสองข้างแตะลงที่พื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ จากนั้นก็โค้งลงให้นาธานที่หยิบสลิปเปอร์สีขาวมาวางเอาไว้ให้
“ขอบคุณนะ”
“ครับ เดี๋ยวจูลี่จะเป็นคนดูแลคุณเอง เดินไหวมั้ยครับ”
นาธานหันมาถามฉันด้วยความเป็นห่วง จูลี่รีบเดินออกมาหาฉันด้วยสีหน้าเป็นกังวลทันทีที่เห็นว่าที่เท้าของฉันเป็นแผลเต็มไปหมด ฉันส่งยิ้มให้เธอเล็กน้อย และหันมาส่ายหน้าเบาๆ ส่งไปให้นาธาน
“ฉันเดินได้ ไม่เป็นไรหรอก”
ฉันยิ้มบาง ส่วนนาธานก็ส่งยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้เล็กน้อยอย่างเข้าใจ จากนั้นเขาก็ขับรถคันเดินออกไปจากบ้านด้วยความรวดเร็ว ฉันขมวดคิ้วอย่างสงสัย แล้วทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะดูเหมือนถามอะไรใครไปก็คงไม่มีใครบอกฉันอยู่ดี
พอคิดได้ดังนั้นฉันเลยเดินไปยังทางขึ้นลิฟท์เพื่อไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเองโดยมีจูลี่ตามประคองอยู่ข้างๆ ทำเหมือนฉันป่วยงั้นแหละ ก็แค่เจ็บเท้าเอง ให้ตายเถอะ
ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักที่คอยติดตาม ให้กำลังใจและสนับสนุนกันมาตลอดเลยนะคะ
หากมีอะไรอยากจะแนะนำหรือติชม เม้นต์บอกกันได้เลยน้าาา
ติดตามข่าวสารนักเขียนได้ที่ :
Facebook Page : blackhearttt
Twitter : @blackhearttt1
รักกก