"ฉันอยากจะบิน บินไปให้ถึงดวงจันทร์
ตาบอกกับฉัน ว่ามีกระต่ายหลายตัว
ฉันอยากจะขอ ขอเก็บเอาไว้ในครัว
เธออย่าหมองมัว เลยนะกระต่ายหมายจันทร์"
เสียงเจื้อยแจ้วของอิงดาวร้องเพลงที่เธอพอจะจำได้ในวัยเด็กออกมาเพื่อขับกล่อมจิตใจที่กำลังฟุ้งซ่านของตัวเองให้สงบลง
"ดาวร้องเพลงนี้มารอบที่ยี่สิบเก้าแล้วนะ" ยมพูดขึ้นพลางมองหน้าอิงดาวด้วยความเบื่อหน่าย
"หนหวยอย่ามายุ่ง!!" (หงุดหงิดอย่ามายุ่ง) อิงดาวหยุดร้องเพลงแล้วหันไปพูดกับยมด้วยสีหน้าเซ็งๆ แล้วหญิงสาวก็ยกมือขึ้นมาดูก็พบว่าร่างของเธอโปร่งแสงเหมือนกับวิญญาณทั่วๆ ไปที่เธอเคยเจอ
'ใช่เธอตายไปแล้วแต่ตายท่าไหนก็ไม่รู้วิญญาณถึงหลุดมาอยู่ในโลกที่เธอไม่รู้จัก ไม่ใช่ทั้งสวรรค์ไม่ใช่ทั้งนรกแต่มันคือโลกมนุษย์อีกใบที่ดูแตกต่างจากโลกใบเก่าของเธอ'
"พี่รักพี่ยมรู้ไหมว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน" อิงดาวถามขึ้นแล้วจ้องหน้าเด็กหัวจุกที่ตอนนี้พวกเขาทั้งสามมีสถานะที่ไม่ต่างกันเท่าใดนั้นก็คือเป็นวิญญาณเหมือนกัน
รักยมเมื่อถูกถามแบบนั้นก็รีบส่ายหัวเป็นพัลวันพวกเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นี่ที่ไหนเพราะหลังจากที่อิงดาวถูกรถชนพวกเขาก็ถูกดูดมาพร้อมกันกับเธอ
"ไม่รู้สิดาวแต่ที่รักรู้แน่ๆ ก็คือที่แห่งนี้ก็มีวิญญาณเหมือนกัน" รักพูดขึ้นแล้วชี้นิ้วไปที่วิญญาณหลายตนที่กำลังเดินปะปนอยู่กับมนุษย์ที่เดินสวนกันไปมา
"อีกอย่างยมว่าการแต่งตัวของพวกเขาก็ดูแปลกๆ นะเหมือนเคยเห็นที่ไหน" ยมท้วงขึ้นแล้วนั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับการแต่งกายและลักษณะท่าทางของมนุษย์พวกนี้ว่าเคยเห็นที่ไหน
"รู้แล้ว!! เคยเห็นในทีวีตอนที่แม่ดาวเคยเปิดให้ดาวดูตอนเด็กไงที่มีคนหน้าดำมีพระจันทร์เสี้ยวอยู่บนกลางหน้าผากอะแล้วเขาก็ชอบกินไข่เต่าด้วยมีเพลงร้องด้วยนะ" ยมดีดนิ้วแล้วพูดรัวๆ ออกมา
"อ่อใช่ๆ เพลงนี้รักร้องได้นะ เปาบุ้นจิ้นชอบกินไข่เต่าส่วนจั่นเจาชอบอมโอเล่เซเลอร์มูนตาเหล่ตกส้วมตาย"
เพียะ!!!!
หลังจากที่เพลงจบลงเสียงฝ่ามือหนักๆ ก็ฟาดลงมาที่กลางกระบาลของเด็กหัวจุกทั้งสองอย่างไม่ออมแรง
"โอ้ย!!!" ทั้งรักและยมต่างร้องขึ้นพร้อมกัน
"เจ็บนะดาว" รักร้องท้วงขึ้นแล้วใช้มือจัดผมจุกของตัวเองใหม่
อิงดาวไม่สนใจเสียงร้องของรักยมเธอยังคงนั่งอยู่กับที่ไม่ไปไหนก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฟ้าแล้วกระพริบตาปริบๆ อย่างน่าสงสาร
"เอาวะ!! อยู่ก็อยู่ถ้าอยากให้อยู่มากก็จะอยู่ให้ คนเรามันจะตายแล้วเป็นวิญญาณได้สักกี่ครั้งกัน" อิงดาวพูดขึ้นอย่างปลงตกก่อนจะหันหน้าไปหารักกับยม
"ปะ..พี่รักพี่ยมไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนกันเถอะ" เมื่ออิงดาวพูดจบก็ลุกเดินดุ่มๆ ออกไปทันที
"เห่ย!!ดาวรอรักด้วย" รักตะโกนตามหลังอิงดาวแล้วหายตัวตามไป
"รอยมด้วย"
อิงดาวเดินผ่านมนุษย์คนนั้นคนนี้ไปมาโดยไม่เจ็บตัวเลยสักนิด เธอมองสำรวจไปรอบๆ ตามความเคยชินก่อนจะรู้สึกขนหัวลุกเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ไม่น่าพิศวง
"พี่รักพี่ยมหนีเร็ว" อิงดาวพูดขึ้นแล้วจับแขนรักยมคนละข้างก่อนจะออกตัววิ่งอย่างรวดเร็ว
"ดาวเราวิ่งหนีอะไรกันเหรอ" รักถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจแต่ยังไม่ทันที่อิงดาวจะตอบอะไรออกมากลุ่มควันสีดำกลุ่มใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นกลางอากาศ ปรากฏร่างยมฑูตหน้าขาวปากดำหลายคนที่ลอยตัวอยู่เหนือหลังคาบ้านเรือนของมนุษย์
"พวกเราหนีเร็ว" วิญญาณเร่ร่อนตนหนึ่งตะโกนออกมาเสียงดังทำให้วิญญาณเร่ร่อนทั้งหมดแตกหือราวกับผึ้งแตกรังวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทาง
"จับกลับไปให้หมด" ยมฑูตหน้าขาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพลางใช้แส้ตวัดจับดวงวิญญาณเร่ร่อนผู้โชคร้ายดวงหนึ่ง
"ขอรับ" ยมฑูตคนอื่นๆ รับคำแล้วรีบเหาะกันไปตามจับดวงวิญญาณเร่ร่อนที่พากันหลบหนีไม่ยอมไปผุดไปเกิดให้กลับไปยังดินแดนปรโลกเพื่อตัดสินโทษ
อิงดาวพารักยมวิ่งมาจนถึงบ้านหลังหนึ่งก่อนจะหลบเข้าไปอยู่ในนั้น
พรึบ!!!
"Holy shit!!!"
รักอุทานออกมาอย่างลืมตัวอยู่มาก็นานหลายสิบปีไม่ยักกะรู้ว่าเมืองจีนเองก็มียมฑูตหน้าขาวปากดำด้วย น่ากลัวเกินไปแล้ว
"อะ..ไอตัวหน้าขาวๆ อย่าบอกนะว่าเป็นยมฑูตอะ" ยมหอบหายใจแล้วเอามือทาบอก 'บัดซบขนาดเป็นผีพอได้วิ่งทีก็เหนื่อยเหมือนจะตายอีกรอบ'
"อืม..เป็นยมฑูต"
"ไม่น่าเชื่อว่าโลกแห่งนี้ก็มียมฑูตเหมือนกันด้วย"
"อยู่ที่ไหนก็มีเหมือนกันนั้นแหละตราบใดที่ยังมีมนุษย์และก็มีคนตาย"
"แล้วดาวรู้ได้ยังไงอะว่าเป็นยมฑูต"
"สัญชาตญาณมันบอก"
"เป็นวิญญาณไม่ทันข้ามคืนก็มีสัญชาตญาณของผีแล้วเหรอเราอะ" รักพูดแซวหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
เพียะ!!!
เสียงฝ่ามือของยมฟาดมาที่หัวของรักอย่างไม่เต็มแรงมากนัก
"พูดมากนะรัก...หุบปากไป!!"
ผ่านไปหลายนาทีอิงดาวรอจนกว่ายมฑูตทั้งหมดจะกลับไปจึงพารักและยมออกมาจากบ้านหลังนั้นก่อนที่ทั้งสามจะเดินลัดเลาะตามถนนไปเรื่อยๆ โดยไร้จุดหมายปลายทางแต่ไม่นานทั้งสามก็พบศาลเจ้าที่รกร้างไร้ผู้คนตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนน
"คืนนี้เราพักที่นี่ก็แล้วกัน" อิงดาวพูดจบก็กำลังจะเดินเข้าไปในศาลเจ้าแต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน