เวลาเจ็ดวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถังเฉียนเริ่มรู้สึกว่าข่าวที่ถังเวยจะกลับมานั้นเป็นไปได้น้อยมากแล้ว นางรู้สึกปวดร้าวใจ ทำให้ไม่อยากกินอะไร ขณะที่เถิงเฟิงกินไก่วันละตัวอย่างอิ่มหนำสำราญ
“ได้ข่าวว่าเจ้ากำลังตามหาเด็กผู้หญิงที่ชื่อถังเวย เจ้าตามหาเด็กคนนั้นทำไมหรือ”
เถิงเฟิงกินไก่พลางถามถังเฉียน แม้ทั้งสองจะมีข้อตกลงกันว่าจะไม่สนใจว่าอีกฝ่ายทำอะไร แต่เขาก็ยังอดถามไม่ได้
“เด็กคนนั้นมีความสำคัญสำหรับข้ามาก”
เถิงเฟิงใช้มือข้างหนึ่งเท้าคาง มองดูถังเฉียนแล้วหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ
“หนังสือเล่มเล็กนี้เป็นภาษาม้งเทียบกับภาษาเซวียนกั๋ว คิดว่าคงมีประโยชน์ต่อเจ้า เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ข้าก็ใช้วิธีเขียนกลับหลัง”
เขียนกลับหลัง?
นั่นก็คือต้องหาตัวอักษรเซวียนกั๋วก่อน จากนั้นจึงแสดงภาษาม้งที่ตรงกัน เถิงเฟิงก็รอบคอบเป็นอย่างมาก
“เจ้าไม่สอนข้าแล้วหรือ”
เถิงเฟิงเอ่ย
“เห็นแก่ที่เจ้าเลี้ยงไก่ข้าทุกวัน ข้าก็ย่อมต้องออกแรงบ้าง เจ้าไม่รู้หรอกว่าเผ่าพีส่าเรา เรื่องที่เก่งที่สุดก็คือการตามหาคน”
“จริงหรือ”
มีเพียงเวลาที่ถังเฉียนไม่สวมหน้ากากนางถึงดูเหมือนเด็กสาวอายุสิบสี่ เมื่อเจอเรื่องที่ทำให้นางสนใจสีหน้าจะแสดงความคาดหวังออกมา ไม่ใช่อย่างหน้ากากแข็งกระด้างที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
โป๊ก!
เถิงเฟิงใช้นิ้วเขกหน้าผากนาง แล้วบอกว่า
“จริงสิ เผ่าพีส่าเรา...”
“เผ่าพีส่าจงเจริญ!”
ถังเฉียนชิงพูดตัดหน้าเขาก่อน ทำให้เถิงเฟิงหัวเราะร่า แต่เสียงหัวเราะนั้นกลับทำให้หวังหลงและหวังหู่ซึ่งอยู่ข้างนอกตกใจ หวังหู่จึงกระซิบถามผู้เป็นพี่ชายว่า
“ท่านพี่ ข้างในนั้นมีเสียงผู้ชาย!”
“เจ้าอย่าได้เข้าไปยุ่ง ได้ยินมาว่าหมอผีสามารถเรียกเทพแมลงปีศาจเข้ามาสิงร่างได้ ระวังเจ้าจะถูกสั่งสอน เจ้าก็หายเจ็บแขนแล้วหรืออย่างไร”
หวังหู่รีบดึงแขนหลบ ตอนนั้นเขาก็เจ็บแขนจริงๆ!
แม้ว่าเขาจะอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง ต่อให้หมอผีที่อยู่ด้านในนั้นจะสามารถเสกมังกรออกมาได้ แต่พวกเขาทั้งสองคนก็ทำเพียงแค่เฝ้าประตูก็พอ
ถังเฉียนใช้มือปิดปากเถิงเฟิง ฟังการเคลื่อนไหวภายนอกอย่างความระวัง เถิงเฟิงกลับมองดูนาง
“อ๊ะ?”
ฝ่ามือของถังเฉียนมีเหงื่อซึมออกมาเพราะความตื่นเต้น แล้วถึงได้รู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอย่างอ่อนนุ่ม นางหันไปมองเถิงเฟิงก็เห็นเขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้นาง
“เจ้า!”
“ก่อนหน้านี้เจ้าก็จูบฝ่ามือข้า วันหลังเจ้าจูบหลังมือข้าก็ได้นะ”
ก่อนหน้านี้ถังเฉียนก็เพียงแค่ใช้ริมฝีปากซึ่งเป็นส่วนที่ไวต่อการสัมผัสที่สุดตรวจสอบว่าเขายังมีความอุ่นหลงเหลืออยู่หรือไม่ ไม่ได้ทำเรื่องแปลกอย่างที่เขาพูดเสียหน่อย แต่เวลานี้กลับถูกเขาใช้เป็นจุดอ่อนย้อนกลับมาแกล้งตนเองเสียแล้ว
“แม่จอมยุ่ง ข้ายังไม่รู้ชื่อเจ้าเลยนะ ข้าเคยรับปากว่าจะไม่ถามเรื่องที่ผ่านมาของเจ้า และเจ้าก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ เช่นนั้นก็แสดงว่าชื่อของเจ้าเป็นความลับ ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้ข้าเรียกเจ้าว่าอาหรูน่าดีหรือไม่ ถือว่าเป็นสิ่งตอบแทนที่ข้าช่วยเจ้า”
“อาหรูน่าแปลว่าอะไร”
เถิงเฟิงยืนขึ้นเตรียมจากไป เขาพูดเสียงเบาว่า
“รอจนเจ้าใช้พจนานุกรมเล่มนี้เป็น เจ้าก็จะรู้เอง”
ในห้องเหลือถังเฉียนเพียงคนเดียว แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อ นางอาศัยพจนานุกรมเทียบคำศัพท์ทุกคำในนั้น การศึกษาความรู้ใหม่ๆ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้นางลืมเรื่องราวที่ทำให้ทุกข์ใจได้
บางที เขาอาจนำข่าวดีมาให้ก็ได้
“ท่านหมอ ท่านอ๋องเชิญท่านไปที่ห้องบรรทม”
ถังเฉียนแปลกใจ หลายวันมานี้อาการบาดเจ็บของฉู่จิ่งเหยาดีขึ้นมากแล้ว ในเวลาเจ็ดวันเลือดของถังเฉียนก็พอที่จะทำให้ร่างกายเขาค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้น นอกจากแผลธนูนั่นที่ยังดูน่ากลัวนั่นแล้ว บาดแผลที่อื่นล้วนนับว่าดีขึ้น
เพราะเหตุนี้ฐานะของถังเฉียนในจวนจินซิวอ๋องจึงถูกยกสูงขึ้นตามไปด้วย บรรดาหมอหลวงอยากจะมาเอาอกเอาใจ แต่กลับถูกหวังหลงกับหวังหู่ซึ่งทำหน้าที่ทวารบาลขับไล่ไป