Soulmate 4
พอใจไม่รู้เลยว่าเขาเผลอขังตัวเองไว้ในห้องแต่งตัวนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็มีพี่ร่วมงานมาเคาะห้องทำให้เขาต้องรีบไปเปิดประตูให้
“อ้าว...ทำไมมาอยู่ในห้องแต่งตัว?” ชายหนุ่มหน้าหวานที่เป็นรุ่นพี่ในร้านของพอใจถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเห็นพอใจอยู่ด้านใน ก็นะ...ได้ยินว่าคนตัวเล็กถูกเรียกตัวไปห้อง VIP นี่นา
“เอ่อ...คือ...”
“หนีงานงั้นเหรอ?” คำพูดของอีกฝ่ายทำให้พอใจสะดุ้งทันที แต่ไม่ทันที่พอใจจะตอบอีกฝ่ายก็ทำจมูกฟุดฟิดๆ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ
“กลิ่นอัลฟ่า!...อะไร ยังไงกัน?” ‘อิ้ง’ มองหน้าพอใจอย่างคาดคั้นทันที เพราะเขาเองก็เป็นโอเมก้าย่อมได้กลิ่นของอัลฟ่าแน่นอน ซึ่งกลิ่นที่ติดตัวคนตัวเล็กตรงหน้าเป็นกลิ่นที่แรงมาก คงจะไม่ใช่แค่นั่งข้างๆ กันเฉยๆ แน่
“คือ...” พอใจกัดปากจนขึ้นห้อเลือดเพราะเขาไม่รู้ว่าควรพูดยังไงดี ถึงจะเป็นแค่จูบ..แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควรเอามาพูดสักเท่าไหร่
“หรือว่าโดนแล้ว?” พอใจเบิกตากว้างทันทีกับคำพูดของคนตรงหน้าก่อนจะรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่นะครับ ไม่ได้ถึงขั้นนั้น”
“เฮ้อ...โล่งอกไปที นึกว่าจะโดนตั้งแต่วันแรกที่ทำงานซะแล้ว” อิ้งถอนหายใจออกมา ก็นะ...พอรู้ว่ามีเด็กใหม่เข้ามา แถมหน้าตาผิวพรรณก็น่ารักน่าชังไม่น้อย อิ้งคิดไว้แล้วว่าคนตัวเล็กจะต้องเป็นเด็กนั่งดริ้งค์ตัวท็อปแน่ๆ แล้วก็ไม่ผิดคาด เพราะเริ่มงานวันแรกพอใจก็ถูกเรียกตัวไปห้อง VIP เลย
“แล้วสรุปว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ ลูกค้ากลับไปแล้วงั้นเหรอ?” อิ้งถามคำถามเดิมอีกครั้ง
“คือ...พอดีเสื้อเปียก จะมาเปลี่ยนเสื้อน่ะครับ” อิ้งพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้ารวมแล้วเอาเสื้อให้กับพอใจ
“เอาไปใส่สิ แล้วรีบกลับไปหาแขกได้แล้ว พวกเขาซื้อบริการเราเป็นแบบเหมา เราต้องบริการพวกเขาให้ถึงที่สุดจนกว่าพวกเขาจะกลับ เข้าใจมั้ย?” พอใจพยักหน้ารับ อิ้งไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินไปหยิบของที่อยู่ในกระเป๋าส่วนตัวของตัวเอง ซึ่งพอใจก็แอบเหลือบไปเห็นว่ามันคือ...เจลหล่อลื่น!
“พะ...พี่อิ้ง นั่นมัน...”
“ปกติน่า แค่นั่งดริ้งค์ เงินจะไปพออะไร นายเองก็เถอะ เดี๋ยวทำงานไปนานๆ แล้วเริ่มชินกับลูกค้า นายอาจจะเลือกหาเงินด้วยวิธีนี้ก็ได้” อิ้งตอบด้วยน้ำเสียงชิวๆ ราวกับว่าเรื่องที่ทำมันคือเรื่องปกติมาก แต่ก็นะ...พอใจก็พอรู้อยู่แล้วว่าเด็กนั่งดริ้งค์ที่นี่ก็รับงานบนเตียงแทบทุกคน แต่พอมาได้ยินอย่างชัดเจนแบบนี้มันก็...รู้สึกแปลกๆ ไม่น้อย
“ฉันไปละ นายเองก็รีบเปลี่ยนเสื้อล่ะ”
“ครับ...ขอบคุณนะครับ” อิ้งพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกจากห้องแต่งตัวไป ส่วนพอใจก็ไปเปลี่ยนเสื้อตามที่อิ้งบอก ก่อนจะกลับไปยังห้อง VIP ห้องเดิมด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยเป็นสุข เพียงแค่คิดว่าจะต้องเจอหน้าคนๆ นั้นเขาก็...รู้สึกวูบวาบไปหมด พอใจยอมรับอย่างหน้าไม่อายเลยว่า เขาไม่ได้รังเกียจจูบของอีกคน แต่มันคือความตกใจที่ถูกกระทำอย่างอุกอาจแบบนั้น พอใจยอมรับเลยว่ากลิ่นอัลฟ่าจากตัวของอีกคนมันทำให้เขาร้อนวูบวาบไปทั้งตัว กับอัลฟ่าคนอื่นก็ไม่เป็นแบบนี้ พอใจไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ว่ามันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง
แกร็ก
“อ้าวน้องพอใจ” เป็นแดนที่ทักพอใจขึ้นเมื่อเห็นว่าพอใจกลับเข้ามาในห้อง
“เอ่อ...จะกลับกันแล้วเหรอครับ?” พอใจถามขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะออกจากห้องพอดี
“ใช่ครับ อ๊ะจริงสิ...รับไปสิครับ” พอใจมองเห็นในมือของแดนที่ยื่นมาให้เขาอย่างงุนงง ก็นะ...ปกติเรื่องค่าตัวที่มานั่งดริ้งค์จะจ่ายผ่านระบบอยู่แล้ว แล้วนี่คือเงินอะไรกันล่ะ?
“อันนี้คือ...?”
“ทิปน่ะครับ ไอ้คลื่นมันฝากให้น้องพอใจ” ชื่อของใครอีกคนที่ออกมาจากปากของคนตรงหน้าทำให้พอใจชะงักไปทันที หมายความว่ายังไงกัน?
“ทิปงั้นเหรอ?”
“รับไปเถอะครับ น้องพอใจคงทำให้มันพอใจจริงๆ นั่นแหละ งั้นพี่ไปก่อนนะครับ เอาไว้ครั้งหน้าจะมาหาน้องพอใจใหม่ จะจองตัวทั้งคืนเลย” แดนว่าพร้อมส่งยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยให้กับพอใจ ซึ่งพอใจก็พยักหน้ารับนิดๆ แล้วมองเงินในมือของตัวเอง ซึ่งเป็นเงินที่ทำให้เขารู้สึกหน้าชาราวกับโดนน้ำเย็นสาดใส่ ทิปงั้นเหรอ? ทำให้พอใจเนี่ยนะ? หมายถึงเรื่องในห้องน้ำใช่มั้ย? หนึ่งจูบของเขามีค่าห้าพันงั้นเหรอ? ให้ตายสิ...ทำไมถึงได้รู้สึกสมเพชตัวเองแบบนี้ล่ะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็คิดไว้แล้วว่าการมาเป็นเด็กนั่งดริ้งค์ก็จะต้องถูกพวกลูกค้าดูถูกอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะตั้งแต่วันแรกที่ทำงานเลย แต่ก็ช่างเถอะ...เขาไม่ได้หยิ่งในศักดิ์ศรีขนาดนั้นหรอก เพราะถ้าหยิ่งในศักดิ์ศรีเขาคงไม่มาทำงานนี้หรอก เพราะงั้นเงินนี้เขาก็จะรับเอาไว้!..สองวันผ่านไป...
“เรื่องผ่าตัดตัดสินใจหรือยังครับ?” คุณหมอถามพอใจขึ้นเกี่ยวกับเรื่องผ่าตัดหัวใจตามใจที่เคยคุยกันก่อนหน้านี้ เนื่องจากวันนี้พอใจพาตามใจมาหาหมอตามที่คุณหมอนัดเอาไว้
“เอ่อ...ความจริงก็ตัดสินใจแล้วครับ แต่ติดที่เรื่องเงิน” พอใจตอบตามตรง
“หมอเข้าใจครับ แต่ที่หมอถามบ่อยๆ เพราะอาการของคนไข้ค่อนข้างทรงๆ ไม่ได้ดีขึ้นหรือแย่ลง แต่เราก็ชะล่าใจไม่ได้” พอใจพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะช่วงนี้เขาแทบจะไม่ให้ตามใจหยิบจับอะไรเลย หลังจากที่ตามใจอาการทรุกครั้งก่อนเพราะช่วยงานเขา เขาก็พยายามดูแลน้องให้ดีที่สุด แม้ว่าตัวเองจะออกไปทำงานตอนกลางคืน แต่เขาก็โทรเช็คตามใจตลอดด้วยความเป็นห่วง จนตามใจยังแอบแซวว่าเขาห่วงเกินไปแล้ว แต่ก็นะ...เขาเหลือน้องชายอยู่แค่คนเดียว ถ้าไม่ให้ห่วงตามใจแล้วจะให้ห่วงใครกันล่ะ
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะครับ ผมจะพยายามจัดการเรื่องเงินอย่างเร็วที่สุดครับ” คุณหมอพยักหน้ารับก่อนที่พอใจจะเดินออกจากห้องมาหาตามใจที่นั่งรออยู่ด้านนอก
“วันนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย?” พอใจถามน้องชายขึ้น
“ชาบู” ตามใจตอบพร้อมยิ้มจนตาหยี
“จัดไปครับ” ตามใจร้องเย้ออกมาทันทีกับคำตกลงของพี่ชาย ซึ่งรอยยิ้มของน้องชายก็ทำให้พอใจยิ้มออกมาเช่นกัน จะว่าไปเขาก็ไม่ได้พาตามใจไปกินอะไรดีๆ มานานแล้ว ประจวบกับเมื่อสามวันก่อนเขาก็เพิ่งได้เงินทิปมา เงินนั้นสามารถใช้จ่ายค่ายาและพาตามใจไปกินอะไรดีๆ ได้เลยละ!...
...อีกด้านหนึ่ง...
“บีมอย่าลืมบอกการบ้านกับพอใจด้วยนะครับ”
“ได้เลยครับครู” ‘ซาย’ ยิ้มรับก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไป เพราะถึงเวลาเลิกเรียนพอดี ใช่แล้ว...ซายเป็นนักศึกษามาฝึกสอนวิชาภาษาอังกฤษที่โรงเรียนนี้ และเขาก็ได้รับหน้าที่ให้สอนวิชาภาษาอังกฤษกับนักเรียนม.6 เป็นเวลาหนึ่งเทอม ซึ่งนับๆ ดูแล้วเขามาสอนที่นี่ได้สองเดือนกว่าแล้ว ทำให้ซายพอรู้จักและสนิทสนมกับนักเรียนในห้องเป็นอย่างดี โดยเฉพาะพอใจและบีม ที่เหมือนเป็นลูกศิษย์คนโปรดของเขาเลย ทั้งคู่เป็นเด็กดี เด็กน่ารัก ชอบมาช่วยงานเขาในห้องพักครูเวลาที่มีเวลาว่าง ดังนั้นการที่พอใจไม่มาโรงเรียนวันนี้ ซายจึงรู้ดี อีกทั้งซายยังรู้ว่าครอบครัวของพอใจมีปัญหา เขาพร้อมเสนอตัวช่วยพอใจเสมอ แต่อีกฝ่ายก็ปฏิเสธด้วยความเกรงใจ เขาก็เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากให้กำลังใจอยู่ห่างๆ เท่านั้น
“ครูซายครับ มีคนมาขอพบครับ” พอซายกลับมาถึงห้องพักครู ก็มีนักเรียนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาเขา
“พบที่ไหนครับ?”
“หน้าโรงเรียนครับ” ซายพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกจากห้องพักไปยังหน้าโรงเรียนตามที่นักเรียนบอก แม้ว่าจะงุนงงไม่น้อยที่จู่ๆ ก็มีคนมาพบ แถมยังบอกให้ไปหาที่หน้าโรงเรียนอีกด้วย
“อ๊ะ...” ซายอุทานออกมาทันทีเมื่อเห็นใครบางคนที่ยืนพิงรถอยู่หน้าโรงเรียนของเขา อีกฝ่ายเมื่อหันมาเจอซายก็ส่งยิ้มให้นิดๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหา
“ไม่เจอกันนานเลยนะครูซาย”
“คลื่น...กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ซายถามอีกฝ่ายขึ้นอย่างตกใจ ใช่แล้ว...ซายรู้จักกับคนตรงหน้าดี เพราะเราสองคนเป็นเพื่อนร่วมห้องกันสมัยมัธยม แต่พอขึ้นมหาวิทยาลัยอีกฝ่ายก็ไปเรียนที่อังกฤษ จากนั้นเขาก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของอีกฝ่ายอีกเลย ไม่สิๆ มีได้ยินบ้างนิดหน่อยจากแดนเพื่อนสนิทของคลื่นนั่นเอง เพราะแดนเรียนอยู่มหาวิยาลัยเดียวกับเขา บางครั้งก็มีเลี้ยงรุ่นกันขำๆ สำหรับคนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันอะไรแบบนี้
“ได้สักพักแล้วละ”
“ไม่เห็นติดต่อกันมาบ้างเลย คิดว่าลืมกันไปแล้วนะเนี่ย” ซายว่าด้วยท่าทางกระเง้ากระงอด
“ก็มาหาแล้วนี่ไง” คลื่นว่าพร้อมส่งยิ้มนิดๆ
“สงสัยต้องคุยกันยาวแล้วแหละ”
“แล้วครูซายว่างมั้ยล่ะ?”
“ว่างสิ เลิกเรียนแล้วนี่นา” ซายตอบยิ้มๆ
“งั้นไปหาอะไรกินกันเถอะ” ซายพยักหน้ารับก่อนจะขอตัวกลับไปเอาของแล้วออกมาเจอคลื่นที่รออยู่หน้าโรงเรียนทันที จากนั้นคลื่นก็พาซายขับรถมากินข้าวที่ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองทันที
“สี่ปีแล้วเนอะที่ไม่ได้เจอกัน คลื่นเปลี่ยนไปเยอะมากกกกกก” ซายลากเสียงยาวเพื่อเป็นตัวบ่งบอกว่ามากจริงๆ ซึ่งซายก็เป็นแบบนี้แหละ เป็นคนที่น่ารักและมีท่าทางร่าเริงสดใสตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่คลื่นแพ้ทางอย่างมาก
“เปลี่ยนไปในทางที่ดีหรือเปล่า?” คลื่นเลิกคิ้วถาม
“ก็ต้องในทางที่ดีสิ โดยเฉพาะความหล่อ...หล่อขึ้นสุดๆ” ไม่พูดเปล่าซายยังชูนิ้วเยี่ยมให้กับอีกคน ทำให้คลื่นหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“แต่ซายไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” คลื่นว่า
“อ้าว...หมายความว่าไงเนี่ย?” ซายทำหน้างอ คลื่นไม่ตอบออกมาเพียงแค่ส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเท่านั้น ใช่...ซายไม่เปลี่ยนไปเลย น่ารักยังไงก็ยังคงน่ารักอยู่อย่างนั้น แถมยังทำให้เขารู้สึกดีไม่เปลี่ยนแปลง ความจริงเขาก็ไม่กล้าที่จะมาเจออีกคนหรอก อย่างที่แดนมันด่าเขาว่าป๊อดนี่แหละ แต่หลังจากที่เกิดเรื่องที่ร้านเหล้าวันนั้น เขาก็รู้สึกว่าตัวเองแปลกๆ ไปกลิ่นโอเมก้าของอีกฝ่ายมันติดอยู่ที่ปลายจมูกของเขาจนทำให้เขาว้าวุ่นไปหมด เขารัทและไปลงกับโอเมก้าคนหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาดีขึ้น จนคิดว่าคนที่จะทำให้เขาหายอาการว้าวุ่นนี้ได้ก็น่าจะเป็นคนตรงหน้า และมันก็ใช่...พอได้มาเจอซาย เขาก็ลืมเรื่องใครคนหนึ่งไปเสียสนิท เพราะตอนนี้...เวลานี้...เขาอยากโฟกัสอยู่กับคนตรงหน้าจริงๆ!
อินังคลื่น!!! ด่าได้แต่อย่าแรงมากนะคะ เพราะเฟิร์นรักอิมเมจ 5555555 ก็อย่างที่เคยบอกว่าเรื่องนี้ดราม่าสุดแล้ว น่าจะพอเดาๆ กันได้นะ
___จางบิวตี้___