ตอนที่ 22
อ่อนแอ
ตึง! ตึง!
กึก!
ร่างสูงหยุดวิ่งเมื่อมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน ใบหน้าหล่อเหลาชื้นเหงื่อมองสภาพของทุกคนที่อยู่หน้าห้อง ทางซ้ายมีรุ่นน้องคนคุ้นตาอย่างธัญซึ่งน่าจะเป็นคนที่พาธามขับรถออกมานั่งอยู่ข้างๆกับสิงห์ มือหนากำเข้าหากันเมื่อรู้ว่าน้องชายรู้ข่าวของธามก่อนตัวเอง ส่วนทางขวา…
“คุณย่า” เสือพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบาแต่ที่น่าตกใจกว่าคือคนที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆคุณย่านั่นไม่ใช่ใครแต่เป็นแม่ของธาม
“เสือตามย่าออกมาเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงแข็งกร้าวเอ่ยขึ้นกับหลานชาย เมื่อเธอพึ่งรู้ว่าเสือไปทำอะไรมา
“แต่ย่าครับตี้เป็นอะ…”
“ตามย่าออกมาเดี๋ยวนี้!!!!!”
ใบหน้าหล่อเหลาเม้มปากแล้วจำใจตอบตกลง “ครับ”
คุณหญิงศิริวรรณผู้มีศักดิ์เป็นย่าพาเขาออกมาบริเวณสวนดอกไม้ของโรงพยาบาล มือบางจับหลานชายให้นั่งลงกับม้านั่งในขณะที่ตนยืน
เพี้ยะ!
“อ๊ะ!” เสือร้องเล็กน้อยเมื่อโดนตบเข้าที่บ่า
เพี้ยะ! เพี้ยะ!
“ที่ย่าบอกทำไมไม่ฟัง อยากโดนลงโทษมากใช่ไหมเสือ”
“…”
“ทำไมต้องไปหาเรื่องน้อง เมื่อวานมันยังไม่พออีกหรือ”
“…”
“แล้วเรายังไปโกหกแม่ของธามว่าเป็นคู่หมั้นของธามอีก รู้ไหมว่าแม่ธามเขาโทษตัวเองว่าเป็นคนทำให้ลูกชายเป็นแบบนี้”
“…”
“ย่าจะทำยังไงกับเราดีเสือ” คนเป็นผู้ปกครองต้องถอนหายใจก่อนยกมือขึ้นมานวดขมับคลายกังวนเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลาไม่ตอบอะไรจนกระทั่งมือหนาเอื้อมไปกอดแล้วซุกใบหน้าเข้ามาเอวของคนเป็นย่า
“ตี้จะเป็นอะไรไหมครับ”
“…”
“ผมเป็นห่วงเขา”
ประโยคดังกล่าวทำให้คนเป็นย่าพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ลูบศีรษะของหลานชายคล้ายปลอบประโลม
“ฟื้นแล้ว! ฟื้นแล้ว! ไปเรียกคุณหมอมาที!”
“ธาม! ธาม! ฟื้นแล้วหรือลูกได้ยินแม่ไหม?!”
เสียงอึกระทึกดังไปทั่วห้องขนาดใหญ่เมื่อร่างบางบนเตียงเปิดเปลือกตาที่ปิดนานถึงสามวันขึ้นมาจากการหลับใหล ผู้คนภายในห้องกรู่รุมเตียงล้วนแล้วแต่มีสีหน้าดีอกดีใจขณะมองใบหน้าเชียวซีดเซียวของผู้ป่วย
ฟื้นแล้ว ? เขาฟื้นแล้ว ?
นัยน์ตากลมโตหรี่ลงเพราะแสงเล็กน้อยก่อนค่อยไล่สายตามองผู้คนที่ยืนล้อมรอบเตียง เขาเห็นแม่ เห็นน้อง เห็นกิ้ง เห็นเมฆ เห็นคุณย่าของเสือ เห็นแม่นมของเสือ แต่ไม่เห็นเสือ
น้ำตาสีใสไหลรินลงมา สร้างความตกใจให้กับผู้คนที่มองเขาอยู่
“ธามเป็นอะไรเจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูกแม่”
“พี่ธามเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม เจ็บหรือคะ ?”
“หมอ! หมอ! หมอเข้ามาดูหลานฉันเดี๋ยวนี้!”
ความวุ่นวายเกิดขึ้นมากกว่าเดิม คุณหมอฝีมือนับสิบคนรีบวิ่งเข้ามาล้อมรอบเตียงอย่างรวดเร็วตามคำสั่งของคุณหญิงศิริวรรณผู้มีศักดิ์เป็นถึงแขกระดับวีไอพีเมื่อสักครู่ ทว่าในขณะที่เหล่าชายหนุ่มในชุดขาวกำลังจะลงมือตรวจ ใบหน้าเรียวก็ส่ายหน้าเบาๆบ่งบอกว่าไม่ต้องการ
เขาไม่ได้เจ็บ เขาไม่ได้ปวด
เขาแค่อยากร้องไห้ ไม่ได้เสียใจที่ไม่เห็นผู้ชายคนนั้นเป็นคนแรกหลังจากที่ฟื้น
ปัง!!
ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างรุนแรง ผู้มาเยือนคือเจ้าของร่างสูงกว่าร้อยหนึ่งแปดสิบในชุดนักศึกษาหลุดลุ่ย ใบหน้าหล่อเหลาและตัวตามชื้นไปด้วยเหงื่อ ขายาวรีบวิ่งไปที่เตียงโดยมีเหล่าคุณหมอที่กำลังยืนล้อมรอบคอยถอยออกห่างอย่างรู้งาน ธามเห็นนัยน์ตาคมคู่นั้นกำลังเบิกกว้าง ริมฝีปากที่แห้งผากเผยรอยยิ้ม จากนั้นมือหนาก็เข้ามารวบตัวเขาเข้าไปกอด ซุกใบหน้าที่ซอกคอทำให้ได้กลิ่นอ่อนๆจากเหงื่อกับเสียงลมหายใจที่ยังคงหอบพร่าซึ่งอาจจะเป็นเพราะ… วิ่งมา
“ฟื้นแล้วใช่ไหม”
เขาฟื้นแล้วจริงๆ
ฟื้นจากนิทราที่เงียบสลบ กลับสู่ความจริงที่เจ็บปวด
“หมอ! หมอทำอะไรสักอย่างสิ! ลูกฉันเหมือนร่างไร้วิญญาณ กลางวันนอนหลับ กลางคืนร้องไห้ ทำอะไรสักอย่างสิ!”
“คือใจเย็นๆก่อนนะครับ เรื่องนี้หมอช่วยไม่ได้จริงๆมันเป็นเพราะจิตใจของคนไข้”
“งั้นก็ทำอะไรสักอย่างสิ! ธามลูกฉันเป็นอย่างนี้ รู้ไหมคนเป็นแม่น่ะมันเจ็บแทนจนจะตายอยู่แล้ว ฮือ”
เสียงโวยวายที่ดังมาจากห้องรับรองแขกระดับวีไอพีทำให้มือหนาที่กำลังจะบิดกลอนประตูให้เปิดออกชะงักกะทันหัน ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองจริงๆแล้วเขาตั้งใจจะมาหาแม่ของธามก่อนจะเข้าไปเยี่ยม แต่เข้าไปตอนนี้คงจะไม่เหมาะสมนัก ร่างสูงหมุนตัวกลับแล้วเดินไปอีกทาง เดินตรงไปยังห้องที่อยู่ปลายสุดของทิศตะวันตกห้องขนาดใหญ่ที่รองรับเฉพาะคนไข้ที่เป็นคนในครอบครัวหรือคนที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูล ‘อัครมหาภูวสถิต’ เท่านั้นถึงเข้าไปพักที่ห้องนี้ได้
นัยน์ตาคมเหล่มองนางพยาบาลที่ทำหน้าที่เฝ้าห้องเพื่อมีเรื่องฉุกเฉิน หญิงสาวรีบลุกออกจากที่นั่งทันทีที่เห็นเขา
“คุณแม่ของคนไข้พึ่งจะออกไปเมื่อสักครู่นี้ค่ะ”
“เปิดประตูให้ผมที” เสียงทุ้มพูดเบาๆขณะมองประตูเลื่อนที่ตั้งขวางอยู่เมื่อเดินเข้าไปทางด้านในจึงจะเจอห้องพัก เพราะใช่ว่าจะเปิดให้เข้าเยี่ยมได้ทุกคน อีกทั้งยังมีเวลาจำกัดยกเว้นเขาคนหนึ่งที่ข้อกำหนดทั้งหมดไม่มีผลอะไรกับสิงห์ แน่นอนว่าเรื่องนี้คุณพ่อก็เป็นคนช่วยอีกตามเคย
หญิงสาวพยักหน้าตอบรับเล็กน้อยก่อนจะเดินไปกดให้ประตูเลื่อนที่ปิดอยู่เปิดออก ร่างสูงเดินเข้าไปยังภายในผ่านระบบสแกนตัวตนซึ่งมีเอาไว้กันคนนอกอีกครั้งหนึ่งจนถึงห้องพัก มือหนาจับลูกปิดประตูแล้วเปิดออกเผยห้องขนาดใหญ่ที่บัดนี้เต็มไปด้วยนางพยาบาลนับสิบกับคนไข้อีกหนึ่งคนที่กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียง แม้ในห้องจะเงียบแต่น่าแปลกที่ไม่มีเสียงสะอื้นดังมาให้ได้ยินเหมือนอย่างเมื่อวันก่อน ธามเป็นอย่างที่คุณน้า(แม่ของธาม)บอกกลางวันหลับ กลางคืนร้องไห้ ร่างกายผอมลงทุกวันเพราะทานอาหารไม่ตรงเวลาบวกกับที่ไม่ยอมทานนอกเสียจากว่าจะบังคับไม่ว่าใครเรียกก็ไม่ตอบรับ ไม่ตอบโต้ เหมือนไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งเขาก็ไม่สามารถที่จะทำให้อีกฝ่ายหยุดร้องไห้ได้
เหมือนกับตุ๊กตาที่มีร่างกายแต่ไร้ซึ่งจิตใจดังที่ได้ยินเลยจริงๆ
“ให้ยานอนหลับหรือครับ”
“ค่ะ”
สิงห์เดินเข้าไปใกล้เตียงแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆคนไข้ ขณะมองใบหน้าหวานที่กำลังหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา มือหนาเอื้อมไปแตะที่หน้าผาก ลากลงมาตามแก้ม ลำคอ กระดูกไหปลาร้าแล้ววกขึ้นไปแตะที่แก้วขาวเนียนใหม่
“ออกไปก่อน” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ ทันใดนั้นหญิงสาวในชุดขาวทุกคนในห้องก็พากันพยักหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ นัยน์ตาคมเหล่มองเล็กน้อยจนกระทั่งนางพยาบาลคนสุดท้ายออกไปจากห้องเรียบร้อยดีแล้ว คนตัวสูงจึงแนบริมฝีปากลงกับริมฝีปากของคนที่กำลังหลับอยู่ สัมผัสนุ่มทำให้ลิ้นร้อนอยากลุกล้ำเข้าไปหากทำได้แค่เพียงหักห้ามใจแล้วถอนตัวออกมา ข้อมือบางถูกยกขึ้นก่อนจะโดนประทับจูบเบาๆที่หลังมือ นัยน์ตาสีฟ้าเข้มมองอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนหลังจากนั้นจึงวางมือบางนั้นลง จัดผ้านวมของอีกฝ่ายให้ดีกว่าเดิม จากนั้นจึงหมุนตัวกลับแล้วเดินออกจากห้องไป
ขายาวเดินออกสู่ทางเดินแล้วให้นางพยาบาลที่ยืนรออยู่ด้านนอกกลับไปทำงานตามเดิม
สิงห์เดินออกมาจนถึงลานจอดรถแล้วรีบก้าวขึ้นรถคันหรู รีบเคลื่อนตัวรถออกจากเขตโรงพยาบาลด้วยความเร็วสูงก่อนรถคันหรูจะมาหยุดอยู่แถวสวนสาธารณะ ร่างสูงเดินลงมาจากรถทันที เส้นผมสีดำสนิทพลิวไปตามแรงลมเพราะใกล้เข้าสู่ฤดูหนาว สิงห์เดินมาหยุดตรงม้านั่งพร้อมทิ้งตังลงนั่งมีแสงไฟสลัวๆจากโคมไฟที่อยู่ไม่ไกลนักคอยให้แสงสว่าง มือหนาหยิบกล่องบุหรี่กับไฟแช็กที่ถือติดมือออกมาจากรถขึ้นมาสูบ ขณะเดียวกันที่สิงห์ใช้มืออีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน
เขาอยากให้ธามอ่อนแอ แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้
อยากให้กลับมาสดใสแต่จิตใจยังอ่อนแอ ไม่ใช่ทั้งร่างกายและจิตใจจะอ่อนแอไปพร้อมๆกัน
ควันสีทะมึนพ่นออกจากรูจมูก สิงห์ชักสีหน้าเล็กน้อยเมื่อคนที่เขาต่อสายโทรหานั้นกลับไม่ยอมรับสายสักที
ติ๊ด!
(สวัสดีครับคุณสิงห์)
“เกรย์” เสียงทุ้มพูดเป็นภาษาอังกฤษ แค่เรียกชื่อหมอนี่ก็สามารถนึกใบหน้านั่นออกมาได้ทันที สุนัขผู้ซื่อสัตย์ของพ่อแต่สำหรับเขาไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่
(นายท่านประชุมอยู่นะครับ)
คำพูดนั้นทำให้สิงห์เริ่มคิดได้ว่าเขาโทรไปผิดเวลา ลืมไปเสียสนิทว่าเวลาที่ไทยกับต่างประเทศมันไม่เหมือนกัน
“งั้นไม่เป็นไร ถ้าพ่อวางเมื่อไหร่โทรมาบอกฉันด้วยนะ”
(มีอะไรหรือเปล่าเกรย์ คุณสิงห์โทรมาน่ะครับ งั้นก็เอามาให้ฉันรับสิ ว่าไงล่ะสิงห์)
“ครับพ่อ”
(มีอะไรล่ะลูกชายหรือจะมาถามเรื่องพี่ชายตัวดีของเรากันล่ะ)
“เปล่าครับ”
(หืมงั้นมีอะไรอีก)
“ผมอยากให้พ่อ…” สิงห์เว้นวรรคเล็กน้อย “ช่วยย้ายธามออกจากโรงพยาบาลไปเกาะส่วนตัวให้ที”
ถ้าธามยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะก็ เขาจะเป็นคนเปลี่ยนธามเอง
เปลี่ยนทุกอย่างทั้งร่างกายและจิตใจ
ประมาณหนึ่งอาทิตย์ก่อน
วันที่ธามเข้าโรงพยาบาล
ครืด~
แรงสั่นของโทรศัพท์ทำให้มือหนาต้องไปหยิบมันออกจากกระเป๋ามากดดู นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจ้องเบอร์รายชื่อก่อนเดินออกมาจากบริเวณห้องไอซียูแล้วกดรับ
‘ครับแม่’
(สิงห์ หนูธามเป็นยังไงบ้าง)
‘ไม่ทราบครับ คุณหมอยังไม่ออกมา’ มือหนาเผลอกำหมัดแน่นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองช่วยอะไรไม่ได้เลย
(เดี๋ยวแม่จะกลับประเทศไทยให้เร็วที่สุด)
‘เดี๋ยวแม่ครับ…’ สิงห์เอ่ยขัดก่อนนึกไปถึงวันที่เขาย้ายมาที่คอนโดของพี่ชายครั้งแรก ตอนคุยโทรศัพท์และได้เอ่ยถามมารดาไปว่า ‘แฟนพี่เสือ...’
(…)
‘หน้าเหมือนคู่หมั้นผมเลยนะครับ’
หากตอนนั้นไม่ได้รับคำตอบ
‘คราวนี้แม่มีคำตอบให้ผมแล้วหรือยังครับ’
(แม่จะว่ายังไงดีล่ะสิงห์ คือเราก็ผิดและพี่เราก็ผิดไม่ว่าจะเป็นใครก็ผิดคงต้องไหนหนูธามเลือกแล้วล่ะ…)
เปลือกตาสีไข่หลุบลงต่ำ อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นมาทันที ถ้าให้ธามเลือกมันแน่อยู่แล้วว่า… ไม่มีทางที่จะเลือกเขา
(แม่ว่า… อ๊ะ! คุณคะ ว่าไงเจ้าลูกชาย)
น้ำเสียงของแม่เปลี่ยนไปจากเสียงหวานกลับกลายมาเป็นทุ้มแทนนั่นทำให้เขารู้ได้ไม่ยากว่าคนที่กำลังรับโทรศัพท์อยู่ตอนนี้คือ…
‘คุณพ่อ’
(ว่าไงสิงห์ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า)
ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มเผยรอยยิ้ม เขาสนิทกับพ่อมากกว่าแม่ดังนั้นจึงคุยกับพ่อได้ถูกคอกว่า แต่ที่แม่พูดมาเมื่อสักครู่มันก็ถูกดังนั้นเขาก็เลยอยาก… ขอโอกาส ริมฝีปากบางถอนหายใจก่อนพูดในสิ่งที่ตนคิดให้ผู้เป็นพ่อฟัง
‘พ่อครับ’
(…)
‘จับพี่เสือไปอยู่ต่างประเทศสักเดือนให้ผมที’
หนึ่งเดือนมันอาจจะเร็วสำหรับใครบางคนแต่สำหรับเขาละมันนานเกินพอ
‘หนึ่งเดือนอย่าให้กลับมาประเทศไทย หรือติดต่อกับธามโดยเด็ดขาด’
ยิ่งในสภาพที่จิตใจของธามเป็นแบบนี้ ความเชื่อมั่นต่อเสือย่อมลดลงตามไปด้วย ถือเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอ หากไม่ได้รับการติดต่ออีกล่ะก็…
เผลอๆอาจจะเลิกรักไปเลยก็ได้
(เอาอย่างนั้นหรือสิงห์)
‘ครับ’
สิงห์จึงตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ขอโอกาสให้ตัวเองแทน มันอาจจะฟังดูเลวร้ายเพราะเล่นกับหัวใจช่วงที่คนกำลังอ่อนแอที่สุด แต่ถ้าต้องเป็นมารร้ายแล้วได้มา… เขาก็ยอม ในเมื่อพี่ชายเล่นไม่ซื่อก่อนสิงห์ก็จะขอเล่นไม่ซื่อบ้าง ถ้าในหนึ่งเดือนธามยังไม่ยอมปล่อยใจให้แม้แต่นิดบ้างแล้วล่ะก็
เขาจะเป็นคนถอยจากสองคนนั่นเอง
ร่างสูงเงียบนิ่งรอปลายสายตอบกลับมา
(พ่อ…)
‘…’
(ตกลง)
อุ่น...
ความรู้สึกอุ่นนี่มาจากไหน
ธามค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อสิ่งที่ตัวเองเห็นนั้นไม่ใช่เพดานสีขาวของโรงพยาบาลอย่างครั้งก่อนๆ แต่เป็นสีน้ำตาลเหมือนไม้แทน
มือบางยันตัวเองขึ้นจากเตียง
ที่นี่มันที่ไหน ? ไม่ใช่โรงพยาบาลนี่
ห้องขนาดใหญ่ เตียงนอนขนาดใหญ่ที่มีเสาทั้งสี่มุม พื้นและกำแพงเป็นหินอ่อน ช่างดูคุ้นตาเหลือเกิน เขามองหน้าต่างสีใสบานใหญ่เกือบเท่ากำแพงถูกเปิดอ้าออกให้แสงแดดซึ่งน่าจะเป็นแสงที่ให้ความรู้สึกอุ่นกับเขาอยู่เมื่อสักครู่และกลิ่นเค็มที่ติดมากับสายลม ออกจากหน้าต่างก็เป็นระเบียงเล็กๆกับทางลงไปยัง
...ทะเล ?
ขาเรียวก้าวลงจากเตียงแล้วเดินตรงดิ่งออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดอยู่ เห็นทะเลสีคราม แสงแดดที่สะท้อนกับน้ำสีใส เสียงนกร้องและเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ความเงียบและมากกว่าสิ่งใดคือความรู้สึกสงบ
แอด
เสียงประตูเปิดทำให้ใบหน้าเรียวต้องตวัดไปมองทางด้านหลัง ร่างสูงซึ่งเป็นผู้มาเยือนดูแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขากำลังยืนอยู่ตรงนี้
“วันนี้ตื่นเร็วจังนะครับ” เสียงทุ้มว่าขณะเดินเข้ามาใกล้แล้วลูบศีรษะของเขาเบาๆ “ถ้าตื่นแล้วก็ไปทานข้าวกันดีกว่านะครับ” ว่าจบมือหนาที่ลูบศีรษะอยู่ก็ค่อยๆลากต่ำลงมาจูงมือแทน ฝ่ามือหนาประสานนิ้วทั้งห้านิ้วเข้ามาพร้อมกำแน่นๆแล้วพาเดินออกไปยังด้านนอกห้อง ทำให้เห็นเป็นภาพของบ้านน่าอยู่ขนาดกลางไม่ใหญ่จนเกินไปและไม่เล็กจนเกินไป
สิงห์พาเขามาถึงโต๊ะอาหารที่มีชามโจ๊กน่าทานส่งกลิ่นหอมฉุนตักเอาไว้รออยู่แล้ว เจ้าของใบหน้าคมคายบังคับให้เขานั่งลง ในขณะธามยังคงนิ่งได้แต่มองชามโจ๊กที่หน้าตาน่าทานด้วยสายตาไร้อารมณ์ ใบหน้าเรียวส่ายหน้าปฏิเสธไปมา เขาไม่อยากทานไม่ใช่ไม่หิวแค่ไม่มีอารมณ์จะทาน ทว่าอีกฝ่ายนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธกลับมาอีกเช่นเดียวกัน
“ทานให้ผมหน่อยสิครับ นิดเดียวก็ได้” น้ำเสียงอ่อนโยนราวกำลังอ้อนวอนแต่เขาก็ส่ายหน้าปฏิเสธเหมือนเดิมอีกครั้ง เขามองไปรอบๆตัวเองอย่างนึกสงสัยแปลกที่ไม่เห็นสาวใช้เดินป้วนเปี้ยนแบบที่ควรมีแถมที่นี่ที่ไหนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ รู้แค่ว่าเป็นทะเล แต่เหมือนสิงห์จะรู้ทันความคิดเพราะเมื่อธามเริ่มมองไปรอบตัวเสียงทุ้มก็รีบอธิบายมาทันที “ที่นี่คือบ้านชายทะเลบนเกาะส่วนตัวผม ผมเป็นคนพานายออกจากโรงพยาบาลเอง ที่นี่น่ะนอกจากเราสองคนแล้วก็ไม่มีคนอื่นหรอกครับ”
“…”
“อยู่ที่นี่มีกฎหนึ่งข้อคือผมเป็นเจ้าบ้านนายต้องทำทุกอย่างที่ผมบอกนะ”
“…”
“ที่นี่ไม่มีอินเตอร์เน็ตนะครับ ออกจะน่าเบื่อสักหน่อยแต่เวลาที่อยู่ที่นี่นายจะมีอิสระทุกอย่าง ยกเว้นถ้าจะลงทะเลช่วยมาบอกผมก่อนนะครับ”
“…”
“มีอะไรที่อยากพูดหรือเปล่าธาม” พอโดนถามกลับธามก็ส่ายหน้าไปมา “งั้นอย่างแรกทานอาหารให้ผมก่อนแล้วกันนะครับ”
นัยน์ตากลมโตหลุบมองอาหารตรงหน้าทันทีที่เสียงทุ้มพูดจบ มือบางค่อยๆหยิบช้อนขึ้นมาตักอาหารเข้าปากอย่างจำใจเพราะยังไงเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธกฎที่อีกฝ่ายตั้งเอาไว้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
ครืด~
เสียงโทรศัพท์สั่นบนโต๊ะทำให้ธามที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากอีกครั้งหยุดชะงัก นัยน์ตากลมโตเงยขึ้นมองอย่างสงสัยแต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินเลี่ยงไปคุยที่อื่นจึงเลิกสนใจแล้วหันมาสนใจอาหารตรงหน้าแทน
“มีงานอะไรเหลืออีกหรือเปล่า”
“ถ้าเฉพาะของวันนี้ก็หมดแล้วครับท่าน”
“งั้นก็ดีแล้ว…. เรื่องของเสือล่ะ” คำถามที่ทำให้คนฟังต้องถอนหายใจเล็กน้อยก่อนตอบ
“ผมว่านายท่านควรเปลี่ยนประตูก่อนที่เขาจะพังมันออกมา”
“อะไรกันเป็นผู้ใหญ่เสียเปล่าแต่ควบคุมตนเองไม่ได้” เสียงทุ้มว่าปนตำหนิอย่างไม่ใส่ใจเล็กน้อย หากไม่นานนักก็โดนคู่สนทนาตอกกลับมา
“สมัยวัยรุ่นตอนที่นายท่านแยกจากนายหญิงถ้าเอามาเปรียบกับคุณเสือก็ไม่ได้ต่างกันนะครับ แต่คุณเสือออกจะหนักกว่าตรงที่ไม่ฟังใครเลย”
ใบหน้าคมคายของคนที่ได้ยินแสดงอาการบึ้งตึงเล็กน้อย “ก็คนที่จับตัวเธอไปน่ะมันคู่อริฉันนี่”
“งั้นสำหรับคุณเสือคนที่จับตัวธามไปตอนนี้ก็เหมือนเป็นคู่อริของเขานะครับ”
“นั่นแหละปัญหา” คนที่เป็นพ่อได้แต่ทำหน้าลำบากใจ “เอาเถอะต่อสายสิงห์ให้หน่อย”
เกรย์พยักหน้ารับเล็กน้อย มือหนาหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูของเจ้านายออกมาจากกระเป๋าแล้วกดหมายเลขที่ต้องการโทรออกจากนั้นจึงยื่นให้กับคนสั่งอีกที รอไม่นานนักปลายสายก็รับ
(ครับพ่อ)
“เรียบร้อยดีหรือเปล่า แล้วธามเป็นยังไงบ้าง”
(เรียบร้อยดีครับ ธามกินข้าวอยู่ครับ แล้วพ่อล่ะ)
“ยังไม่ได้เข้าไปดูเสืออีกเลย แต่อีกเดี๋ยวคงจะพังห้องได้แล้ว”
(พ่อคุมพี่เขาให้อยู่สิ)
“ก็พี่เราร้ายน้อยสักที่ไหน พ่อบอกเอาไว้ก่อนนะสิงห์ เสือน่ะเก่งเลยไม่แน่ใจว่าจะกักตัวเอาไว้ได้อีกนานเท่าไหร่”
(ครับ แต่ยังไงผมก็ขอให้นานที่สุดนะ)
“โอเค”
“นายท่านครับมีคนรายงานมาว่าคุณเสืออาละวาดหนักอีกแล้ว”
“อย่างนั้นหรือ” ใบหน้าคมคายพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะหันไปบอกกับปลายสาย “งั้นพ่อไปก่อนนะสิงห์”
(ครับพ่อ)
มือหนากดตัดสายทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ร่างสูงลุกให้ยืนจากเก้าอี้ขนาดใหญ่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราวเหนื่อยใจ
“เอาล่ะ! ได้เวลาไปหาลูกชายอีกคนแล้ว”
ปัง!! ปัง!!
เสียงอึกระทึกโครมครามดังมาจากด้านในห้องสุดหรูจนทำให้บอร์ดี้การ์ดชุดดำสองคนที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูห้องเอาไว้ถึงขนาดต้องทำหน้าหวาดกลัว ก่อนจะเหล่สายตาไปมองประตูพร้อมๆกัน เสียงอาละวาดนี่ดังมานับชั่วโมงแล้ว ถ้าไม่ติดว่ามีประตูบานใหญ่ล็อครหัสผ่านอย่างดีขวางเอาไว้ไม่ให้คนที่อยู่ภายในห้องออกมา พวกเขาก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะสามารถรักษาชีวิตตัวเองไปได้นานแค่ไหน หลุดออกมาเมื่อไหร่แค่เผลอนิดเดียวล่ะก็อาจจะได้ไปเฝ้ายมบาลที่ยมโลกก็เป็นได้
“เขาเป็นยังไงบ้าง”
“นายท่าน…” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้สองหนุ่มต้องโค้งหัวรับทันที ร่างสูงในชุดสูทด้วยท่าทางมีอำนาจ นัยน์ตาสีครามเข้มมองประตูบานใหญ่ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเมื่อได้ยินเสียงโครมครามที่ดังมาจากด้านใน “สมกับเป็นเสือ เหมือนพ่อจริงๆ”
“…”
“เปิดประตูสิ” เสียงทรงอำนาจสั่งเป็นผลให้ร่างสูงในชุดดำต้องจำใจค่อยๆใส่รหัสผ่านเพื่อเข้าไป ไม่นานนักประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกเผยสภาพห้องที่เคยหรูหราระดับโรงแรมห้าดาวบัดนี้กลับเละเทะถึงขนาดที่ว่าโซฟาทุกชิ้นแทบจะไม่เหลือทรงเดิม แก้วและแจกันถูกโยนลงพื้นแตกรวมถึงไส้หมอนที่กำลังลอยว่อนไปทั่วห้อง เสือตวัดใบหน้ามามองทันทีที่ประตูเปิดออก นัยน์ตาคมสีครามเข้มสองคู่สบประสานเข้าหากัน ขาเรียวเดินตรงดิ่งมาหาอีกฝ่ายแต่แล้วก็โดนกันไว้ด้วยร่างสูงผู้ที่เป็นมือขวาของผู้ชายคนนี้
“เกรย์ออกไปก่อน” พอคนพ่อสั่ง มือขวาที่รู้งานก็ถอยออกไปตามคำสั่งทันที ใบหน้าหล่อเหลาแบบผู้ใหญ่หันมามองเขา เสือเห็นใบหน้าที่คล้ายคลึงกันอย่างกับถอดแบบออกมาเพียงแต่ว่าอยู่คนละช่วงอายุ “ว่าไงล่ะลูกชายอาละวาดพอใจหรือยัง”
“ผมจะออกไปจากที่นี้!!” น้ำเสียงแข็งกราวตวาดใส่ นัยน์ตาคมเหล่มองประตูที่เปิดอ้าออก ขายาวรีบเดินตรงไปหากโดนผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาขวางเสียก่อน “ถอยออกไป… ครับ”
“จะออกไปน่ะรู้หรือยังว่าตัวเองอยู่ที่ไหน”
ไม่… เขาจะรู้ได้ยังไงก็ในเมื่ออีกฝ่ายเล่นจับมาขังเอาไว้ในห้องที่ไม่มีหน้าต่างแบบนี้ แต่แล้วยังไง ? ไม่รู้แล้วจะทำไม ออกไปจากที่นี้ก่อนให้ได้แล้วค่อยว่ากัน
“ถอยออกไป”
“เสือฟังก่อนสิ”
“ถอย-ออก-ไป”
“…”
“…”
“เฮ้อ! ลูกชายคนนี้ร่างสูงถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นขมับ นัยน์ตาคมพอเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเพื่อผ่านไปแต่ทว่า…
พรึบ!
ตุบ!
เสือเบิกตากว้างเมื่อร่างของตัวเองกำลังลอยตีลังกากลางอากาศก่อนจะตกลงไปนอนราบนพื้นพร้อมอีกคนที่กำลังยืนคร่อมเขาเอาไว้อยู่ นัยน์ตาคมสีครามเข้มที่เป็นต้นแบบดีเอ็นเอหรี่ตามองแล้วส่ายหน้าเบาๆ “หัดน่ารักเหมือนน้องเราบ้างสิ คุณย่าไม่ได้สอนหรือว่าให้ทำตัวน่ารักกับผู้ใหญ่น่ะ”
“คนที่ไม่เคยเลี้ยงลูกอย่างพ่อมันจะไปรู้อะไรล่ะ!!”
“…”
“ปล่อยผมไปซะ!”
“เสือ”
“เรียนแพทย์ก็เรียนให้แล้ว จะให้เรียนบริหารอีกก็ยอมแต่ปล่อยผมไปสักที”
เขาต้องไปหาเมีย ต้องไปหาตี้ เดี๋ยวนี้!!!
“ไม่ได้หรอก” เสียงทุ้มที่ปฏิเสธเหมือนเป็นการตัดความหวังของเสือให้สิ้นลง นัยน์ตาคมสั่นระริกฉายแววผิดหวังแต่สักพักก็กลับมาเป็นปกติ “ถ้าอยากออกจากที่นี้ก็คงต้องรออีกหนึ่งเดือน เรื่องมหา’ลัยพ่อจัดการเอาไว้ให้แล้ว”
“แบบนี้ความคิดของมันอีกใช่ไหม!”
“ใช่เป็นความคิดของสิงห์”
“พ่อ!!”
“เสือเราแย่งของน้อง เราต้องยอมรับผิดและให้โอกาสน้องบ้าง ธามไม่ได้เป็นของเรามาตั้งแต่ต้นแล้ว”
“หยุดพูดได้แล้ว! ผมจะออกไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้!”
“กักตัวเสือเอาไว้”
“ปล่อยผม!! เดี๋ยวนี้!!” ร่างสูงดิ้นทันทีที่สองแขนของเขาถูกจับก่อนจะถูกโยนกลับเข้าห้อง เสือเห็นสายตาของพ่อที่มองมาอย่างเหนื่อยใจ
“ถ้าอยากออกไปมีทางเดี๋ยวก็คือต้องหนีออกไปให้ได้”
“หยุดทำแบบนี้สักที!”
“หรือไม่ก็ให้แม่เราช่วยอีกนั่นแหละ”
“พ่อ!!”
“ถ้าไม่อย่างนั้นก็รออยู่ในนี้ไป ถ้าธามเขารักเราจริงก็คงไม่ทิ้งลูกไปหรอก”
“บัดซบ!!” เสือกัดฟันกรอด “พ่อเล่นกับความอ่อนแอของธาม!!”
“ไว้พ่อจะมาใหม่”
ปัง!!
สิ้นเสียงประตูบานใหญ่ก็ถูกปิดอีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงเสียงโวยวายที่ดังตามท้ายแผ่นหลังกว้างทรงอำนาจ
หายไปนานแต่กลับมาพร้อมข่าวดีนะ 55555
1.เมียหมอจะเปิดพรีแล้วค่ะ เรายังไม่รู้ว่าจะเปิดตอนไหนแล้วแต่สำนักพิมพ์แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงที่แต่งตอนพิเศษภายในเล่มอยู่จ้าเหลืออีกนิดเดียวเท่านั้น
2.เพราะเนื้อหามันยาวมากดังนั้นจะมีแยกเป็นสองเล่มนะคะ ราคารวมสองเล่มประมาณ 500-600 (ไปถามทางสำนักพิมพ์มาแล้วค่ะ)
3.เรื่องนี้จะมี ebook ค่ะ แต่ใครจะรอ ebook ต้องรอหลังจากขายหนังสือแบบเล่มเสร็จก่อนนะคะ
4.ปกมาแล้วแต่ยังไม่ขออวดแต่เห็นครั้งแรกน้ำตาจะไหล ; w ; น่ารักมาก
5.มาช่วยกันอุดหนุนหน่อยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ยังรักนักอ่านเสมอแค่อัพช้าจะโทษเราก็ได้ค่ะ
ไม่มีอะไรจะแก้ตัวเพราะไม่อยากจะแก้แล้วแต่ถ้าบอกว่ามีข้อแก้ตัวไหมมีเป็นกองคะ
ส่วนใหญ่แล้วติดสอบหลังสอบเสร็จโครงงานหลากวิชา โครงงานเสร็จสอบอีก โอ๊ยเนาะชีวิต
เพราะอย่างนั้นเราเลยมาร่วมสู้ๆไปด้วยกันกับพี่เสือ ธามและนักเขียนค่ะทุกคน 555555