ชื่อตอน : ผมกลายเป็นเมียพี่รอง ภาค 2 : ตอนที่ 12 รอยช้ำจากอดีต
คำค้น : Sugar Boy SS2,ผมกลายเป็นเมียพี่รองภาค 2,นทีเลย์,boy's love,Platinunx
หมวดหมู่ : นิยาย y
คนเข้าชมทั้งหมด : 1.8k
ความคิดเห็น : 6
ปรับปรุงล่าสุด : 05 ม.ค. 2559 18:57 น.
× 0
× 0
× 0
ผมกลายเป็นเมียพี่รอง ภาค 2 : ตอนที่ 12 รอยช้ำจากอดีต
Sugar Boy SS2 : Chapter 12
"ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย เลย์..."
เพี๊ยะ!
ด้วยความตกใจที่อยู่ๆชายเจ้าของเสียงก็ยื่นมือเข้ามาแตะที่ไหล่จะทำให้ผมผวาปัดมือของเขาออกแรง แววตาหวานที่ฉ่ำน้ำตาจากการร้องไห้ของผมมองอีกฝ่ายสายตาดุกร้าว ซึ่งนั่นก็ทำให้วีหน้าถอดสีลงไปอย่างรู้สึกผิด
"วี...วีขอโทษ" อีกฝ่ายเอ่ยขอโทษเสียงสั่นๆ ผมหลับตาสงบสติตัวเองลงแล้วยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่เปรอะเปรื้อนบนใบหน้าออกจนหมด
"ช่างเถอะ ผมไม่คิดมากหรอก เห็นงี้ผมก็จูบสาวมาเยอะอยู่นะ ฮ่าๆๆ" ผมฝืนหัวเราะไปอย่างนั้น
"แต่...วีทำเลย์ร้องไห้" ใช่ ผมจูบผู้หญิงมาตั้งมากมาย แต่ทำไมถึงได้สะเทือนใจกับจูบเมื่อกี้มากนักนะ เพราะผมหวังอยากให้มันเป็นพี่ทีไม่ใช่คนอื่นล่ะมั้ง ให้ตายสิ บ้าชะมัด
"เลย์...ยังคิดถึงพี่ทีอยู่ใช่มั้ยครับ" วีถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผมเงียบไป ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนหันหนีไปทางอื่น
"ผมอยากกลับแล้ว" ผมเปลี่ยนเรื่องอย่างโจ่งแจ้ง
"งั้นให้วีไปส่งนะ"
"ไม่เป็นไร ผมจะกลับเอง" ผมปฏิเสธอีกฝ่าย
"แต่วีเป็นคนพาเลย์มา วีก็ต้องไปส่งเลย์สิ...นะครับ ถ้าเลย์ไม่ให้วีไปส่งวีคงไม่ให้อภัยตัวเองแน่ที่ทำให้เลย์ร้องไห้แบบนี้ นะครับ" วีขอร้องเสียงนุ่มไม่หยุดปากจนผมชักรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาแปลกๆ
"แต่..."
"นะครับ นะๆๆ นะครับเลย์"
"เฮ้อ! อ่า ก็ได้ครับ" ผมจำต้องยอมๆให้เขาไปส่งเพื่อตัดรำคาญ จากนั้นเราทั้งคู่ก็พากันเดินออกจากห้างกลับยังรถของวีทันที โดยที่ผมเอาแต่เดินทิ้งระยะห่างกับอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา และพอกลับมาถึงรถผมก็รีบขึ้นไปนั่งเงียบๆสายตาทอดมองออกไปนอกรถตลอดทางที่วีเป็นคนขับมาส่งจนในที่สุดก็มาถึงบ้านหลังใหญ่ราวคฤหาสน์
"ขอบคุณมากครับ ขอบคุณสำหรับอาหารและหนังที่เลี้ยงด้วยนะ" ผมหันไปบอกเมื่อรถเก๋งเคลื่อนตัวมาจอดอยู่หน้ารั้วประตูบ้าน
"เอ่อ เลย์ครับ" วีเรียกรั้งผมไว้ขณะที่ผมกำลังจะลงจากรถ
"ไม่ว่าจะยังไง วีก็ยังจะจีบเลย์ต่อนะครับ วี...จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกนะครับ ถึงคู่แข่งของวีจะเป็นพี่ทีก็ตาม" อีกฝ่ายบอกเสียงจริงจัง ขณะนั้นผมได้แต่นั่งฟังสิ่งที่เขาพ่นออกมาเงียบๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรซักคำ พอได้ยินทุกอย่างหมดแล้ว ผมก็ลงจากรถไปทันที
"ดูแลตัวเองด้วยนะครับ วีรักเลย์นะ" อีกฝ่ายโผล่หน้าออกมาบอกรักผมอีกครั้งก่อนจะขับรถเคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณบ้าน
"เฮ้อ!!" พอรถของวีพ้นรัศมีของการมองเห็นไปแล้วผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเหนื่อยๆ ดูๆไปเขาก็ดูเป็นคนดีมากนะ ใจดีและอ่อนโยนมากด้วยแต่ว่า...ทำไมเขาถึงให้ความรู้สึกน่าเบื่อกับผมมากมายขนาดนี้ก็ไม่รู้ ทั้งๆที่เขาดูใจดี พูดเพราะ สุภาพ ปากหวาน แต่ผมกลับรู้สึกว่าผมไม่ชอบมันเลย...
"อ้าว ไอ้เลย์ ไปเถลไถลที่ไหนมาหะมึง" พอผมเข้ามาในบ้านก็ได้ยินเสียงยักษ์มารดังเข้าหูมาเลย เมื่อมองไปยังต้นเสียงก็พบว่าไอ้พี่ชายตัวดีมันกำลังนั่งจิบกาแฟไขว่ห้างอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนชุดโต๊ะรับแขกด้วยท่าทางที่ดูคุณช๊ายคุณชายจนหน้าหมั่นไส้ แถมข้างๆยังมีคุณพ่อเลี้ยงรังสีอำมหิตพวบพุ่งรอบกายนั่งทำท่าทางแบบนี้กันอยู่ด้วยอีก เฮ้อ ไม่แปลกเลยจริงๆที่สองคนนี้ทำงานด้วยกันได้...ไม่สิ ต้องบอกว่าสามคนต่างหาก ถ้ารวมพี่ทีเข้าไปด้วย
เสียอย่างเดียวที่ทำให้พี่ทีแตกต่างจากสองคนนี้อ่ะนะ คือ...
พี่ทีมันออกแนวโหดๆเถื่อนๆมากกว่าคุณชายเนี่ยสิ
"จะว่าไป ทำไมวันนี้กูคิดถึงแต่พี่ทีวะเนี่ย" ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาพี่ชายตัวดี
"กินไรมายัง" พี่เวย์วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะกระจกแลวเอ่ยถามมเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้
"กินแล้ว แต่กูจะรักมึงมากเลยถ้าใจดีเซอร์วิสทำแพนเค้กให้กูกินก่อนนอน"
"เรื่องสิ" กะแล้วว่ามันต้องไม่คิดจะทำให้
"เหอะ ไอ้พี่ชายใจร้าย ถ้าเป็นพี่ทีอ่ะต้องทำให้กูแน่" ผมหลุดพูดถึงพี่ทีออกไปอีกแล้ว เอาอีกแล้ววันนี้ ตั้งแต่โดนจูบก็เอาต่นึกถึงพี่ทีอยู่ตลอดเลยยยย
"เออ กูไม่ใช่ไอ้ทีหนิ ที่จะใจดีแต่กับเมียรักเมียคนเดียวจนแม้แต่เพื่อนก็ยังไม่อยู่ในสายตา" ไอ้เวย์บ่นใหญ่ ผมยืนมองมันนิ่งไปซักพักก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปจับให้มันหันหน้ามาหาแล้วโน้มตัวลงไปหอมแก้มมันแรงๆหนึ่งที
"เหี้ย!! ไรวะ!" ไอ้เวย์โวยวายเสียงดังจนพ่อเลี้ยงเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์มามองพวกเราสองคน
"หอมแก้มกูทำไม อย่าบอกนะว่ามึงพิศวาสกูน่ะ เฮ้ยๆๆ อย่านะเว้ย กูไม่ใช้เมียร่วมกับเพื่อน"
"ปัญญาอ่อน พิศวาสพ่องดิ คิดได้ไง" ผมด่ากลับ
"แล้วมึงมาหอมแก้มกูทำห่าไร ฮื่ยย" พี่เวย์ทำท่าขนลุก ซึ่งผมก็รู้สึกได้ว่าพ่อเลี้ยงมองเราอยู่ตลอด ไม่สิ รู้สึกว่าแกจะมองพี่เวย์มากกว่า นี่ผมมากวนสมาธิอ่านหนังสือแกป่าวเนี่ย น่ากลัวว่ะ
"เหอะน่า แค่ยืมล้างปากเฉย ถึงจะเทียบพี่ทีไม่ได้แต่ก็พอใช้แทนกันได้ล่ะนะ" ว่าไปก็เดินเฉิดฉายออกไปจากคนทั้งสองเพื่อกลับขึ้นห้องตัวเอง
"นี่มึงเห็นกูเป็นตัวแทนหรอ ไอ้เด็กแสบเอ๊ย" เสียงพี่เวย์ไล่หลังตามมา แต่ผมหรือจะสนใจ แววตาที่ดูแพรวพราวแลดูเจ้าเล่ห์อย่างเมื่อกี้ของผมค่อยๆเปลี่ยนไปทีละน้อย เมื่อเดินกลับมาถึงห้องตัวเองมันก็ได้กลับกลายเป็นสายตาเศร้าสร้อยจนมองไม่เห็นเค้าความร่าเริงอยู่เลย
ความจริง...ถึงจะจูบแก้มพี่เวย์ไปผมก็ยังไม่หายรู้สึกแย่กับจูบของวีเลย
ผมไม่ชอบเลย ไม่ชอบทุกสัมผัส ที่ไม่ใช่ของพี่ที
แป้ก
ผมเปิดไฟห้องนอนขึ้นให้ภายในห้องมีแสงสว่างหลังจากเข้ามาแล้วก็เอาแต่ยืนคิดฟุ้งซ่านอยู่ในความมืดนาน
"หืม กระเป๋า? พี่เวย์เก็บเสื้อผ้ามาให้แล้วหรอ" ว่าแล้วก็เดินเข้าไปหากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของผมเองที่วางอยู่บนที่นอนทันที พอค้นออกดูก็พบว่าพี่เวย์เก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นมาให้ผมครบหมดทุกอย่างเลย ยกเว้น...
"หืม อ้าว เสื้อตัวโปรดกูหายไปเนี่ย" ผมทั้งลื้อทั้งค้นเสื้อผ้าข้าวของออกมาจนเกลี้ยงกระเป๋าแต่ก็ยังหาเสื้อตัวโปรดไม่เจอเลย เห็นก็เพียงแต่...
"นี่เสื้อพี่ทีนิ มาอยู่นี่ได้ไงฟะ" ผมหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวของอดีตคนรักมาไว้ในมือ แววตาหวานจ้องมองที่มันนิ่งไปนานจนอยู่ๆก็เริ่มรู้สึกร้านผ่าวที่ข้างแก้มทั้งสองเมื่อนึกถึงชายเจ้าของเส้อตัวนี้ขึ้นมา เสื้อผมหายไป 1 ตัว แต่กลับมาเสื้อของพี่ทีอยู่ในกระเป๋าของผม 1 ตัว อ่า...นี่มันหมายความว่าไงเนี่ย!?
..
..
..
..
..
*Way Part*
อะไรของมันฟะ อยู่ๆก็มาหอมแก้มผม เล่นเอาขนลุกไปเลยทีเดียว ผมได้แต่นึกในใจหลังจากที่เจ้าน้องชายตัวดีที่เพิ่งมาวางระเบิดลูกใหญ่ให้เดินกลับห้องไป เฮ้อ สุดท้ายมันก็ยังนึกถึงไอ้ทีอยู่ตลอดเลยล่ะสินะ ว่าแล้วเชียว มันสองตัวต่างคนต่างก็ยังรักกันอยู่ แล้วยังจะมาทำเป็นดื้อด้านไม่ยอมกลับไปคืนดีกันเพราะปัญหาไม่เป็นเรื่องอย่างเรื่องสายเลือดซะได้
"มองอะไรครับ" ผมข่มเสียงเข้มถามพ่อเลี้ยงตัวเองที่มองมาสายตานิ่งๆ
"ปกติแกกับน้องหอมแก้มกันแบบนั้นด้วยหรอ"
"หะ?" ผมนี่งงเลยครับ นี่เขาสงสัยอะไรเนี่ย ปกติไม่เคยเห็นอยากรู้อยากเห็นเรื่องอะไร ทำไมอยู่ๆมาถามเรื่องนี้ได้
"เอ่อ ก็เปล่าหรอก ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไรมาถึงมาหอมแก้มผมงี้ แค่คิดยังขนลุกเลย" พอสิ้นคำชี้แจงจากผมอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับรู้งึกหงักแล้วกลับไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อหน้าตาเฉย เอ่อ...อะไรของเขาวะ =_=?
"ผมขอตัวขึ้นไปดูไอ้เลย์ก่อนนะ" ผมบอก พ่อเลี้ยงพยักหน้าให้ส่งๆผมจึงวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วลุกเดินขึ้นไปหาไอ้น้องชายตัวแสบที่ห้อง
แกร๊ก แอดดด
พอมาถึงผมก็ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปในห้องของน้องชายตัวเองเลยโดยไม่ได้เคาะเพื่อให้เจ้าของห้องรู้สึกตัว ทำให้เข้ามาเห็นตอนที่เลย์มันกำลังกอดอยู่กับเสื้อหัวหนึ่งอยู่พอดี ซึ่งผมก็พอจะรู้ล่ะนะว่ามันเป็นเสื้ออะไร และก็กะไว้แล้วว่ามันต้องทำงี้ เหอะๆ
"กะไว้แล้วว่ามึงต้องกอดมัน ฮ่าๆๆ เป็นไง พอใจกับของขวัญจากกูมั้ย" ผมถามเมื่อเห็นว่าเลย์สะดุ้งตกใจไปนิดเมื่อรู้สึกตัวว่าผมเปิดประตูเข้ามาแล้วรีบเก็บเสื้อตัวนั้นลงทันที
"อะไร" เลย์ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
"กูเห็นนะ ว่ามึงกอดเสื้อไอ้ทีอยู่" ผมพูดแทงใจดำ ทำให้แก้มใสๆของไอ้คนตัวเล็กกว่ามันแดงระรือขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
"บ้าหรอ นี่ไม่ใช่...เอ๊ะ เดี๋ยวนะ มึงรู้ได้ไงว่าเสื้อไอ้ที แล้วที่บอกว่าของขวัญเมื่อกี้คืออะไร" เลย์ถามคาดคั้นผมหน้าตาย ซึ่งผมก็หัวเราะลั่นออกมาทันที
"มึงจงใจเอาเสื้อมันมาแล้วเก็บเสื้อกูไว้ให้มันใช่มั้ย ไอ้พี่เวร!"
"ถ้าอยากได้เสื้อตัวนั้นคืนก็ไปตามเอาคืนจากมันเองแล้วกัน กูไม่ช่วยนะ" ผมยักไหล่ทำมือโบ๋เบ๋ ไอ้น้องชายตัวแสบที่ช่วงนี้ดูซึมๆหงอยๆผิดปกติมองผมคิ้วกระตุกไปเลยทีเดียว
"กูพึ่งรู้ว่ามึงมีนิสัยแบบนี้...ชอบทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่ชัก ยุ่งไม่เข้าเรื่อง" เลย์มุ่ยหน้าใส่ มันคงคิดว่าทำหน้าแบบนั้นแล้วจะทำให้คนอื่นรู้สึกผิด แต่ไม่เลย มันทำหน้าแบบนั้นทีไรมันทำให้คนอื่นคิดว่ามันน่ารักมากต่างหากล่ะ เฮ้อๆ
"เอ๊า นี่มึงไม่รู้หรอ หึหึ ดูแลให้ดีๆล่ะ จะเอาไว้กอดหอมดอมดมยังไงก็เรื่องของมึงเลย คิดว่าไอ้ทีมันก็คงชอบของขวัญจากกูไม่น้อยไปกว่ามึงเลยล่ะ ฮ่าๆๆๆ" ว่าแล้วผมก็หัวเราะลั่นเดินโบกมือบ๊ายบายลาน้องชายออกมาจากห้องอย่างมือความสุข พร้อมปิดประตูแล้วล็อคให้ด้วยอย่างดี เฮ้อ...กูช่วยพวกมึงได้เท่านี้แหละนะ ไอ้ที...ไอ้เลย์...
*End way part*
..
..
..
..
..
ถึงจะหมั่นไส้ไอ้พี่ชายที่มันทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่ชักมากแค่ไหนก็ตาม แต่สุดท้าย...
...ผมก็ใส่มัน...
ผมเดินมาทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงกว้างหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ซึ่งใช้เวลาไปร่วมชั่วโมงเพราะมั่วจะคิดฟุ้งซ่านในห้องน้ำและออกมาต่อด้วยการยืนลังเลเรื่องเสื้อผ้า ใจก็อยากใส่ของพี่ที แต่ใจก็ไม่กล้าพอ ไปๆมาๆ สุดท้ายผมก็เลือกที่จะใส่มัน...
"อบอุ่น...เป็นบ้าเลยว่ะ" ผมพึมพำออกมาพร้อมพลิกตัวนอนตะแคงข้าง วงแขนทั้งสองข้างโอบกอดตัวเองไว้แน่น ขายาวค่อยๆขดเข้ามาหากันช้าๆ เปลือกตาค่อยๆปิดลง ใช้แต่เพียงจมูกและผิวหนังรับรู้สัมผัสของพี่ทีจากเสื้อเท่านั้น แม้แต่เสื้อของเขาที่มีกลิ่นติดอยู่อ่อนๆ ยังทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นได้มากมายขนาดนี้เลย ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกพี่ทีกอดอยู่เลย เพียงแต่...เป็นแค่กอดจอมปลอมในจินตนาการของผมที่ช่วยลดความหนาวเย็นของอากาศรอบๆกายลงได้เพียงน้อยนิด ถ้าหากเป็นพี่ทีตัวจริง ผมคงรู้สึกอบอุ่นทั้งกายและใจได้มากกว่านี้
"พี่จะใส่เสื้อของผมเหมือนที่ผมใส่เสื้อของพี่รึเปล่า พี่ที..." ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆ ภาพเบื้องหน้ามันมีแต่เพียงความว่างเปล่า กรอบตาที่เพิ่งแห้งสนิทจากการร้องไห้ในห้องน้ำค่อยๆร้อนผ่าวขึ้นมาอกีครั้ง ก่อนที่น้ำตาใสจะไหลอาบลงมาอีกช้าๆเมื่อได้พบกับความจริงที่ว่า...เขาอยู่แค่ในจินตนาการของผมเท่านั้น ณ ที่ตรงนี้ไม่มีเขาอยู่ และเบื้องหน้าผมมีแต่เพียงความว่างเปล่า ทั้งๆที่อยากให้ตรงหน้า มีภาพของคนที่ผมรักกำลังนอนสบตากับผมในยามที่ลืมตาขึ้นมาแท้ๆ
ครืดดด ครืดดด
ขณะที่ผมกำลังร้องไห้อยู่ จู่ๆโทรศัพท์ก็สั่นเรียกเมื่อมีสายเข้ามา ผมปาดเช็ดน้ำตาที่ใบหน้าออกแล้วเอื้อมมือไปหยิบมือถือมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์จากต่างประเทศที่ไม่รู้จัก แถมเป็นเบอร์จากประเทศบ้านเกิดผมเสียด้วยสิ
"กูไม่มีเพื่อนคนไหนไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้นี่นา" ผมพึมพำกับตัวเองแล้ววางโทรศัพท์ลงทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะลุกเดินไปเปิดทีวีดู แต่พอกลับมานั่งหลังอิงหัวเตียงสายที่ว่าก็ยังโทรจิกมาอีกไม่หยุด ซึ่งผมก็กดปิดเสียงทำเป็นไม่สนใจต่อไป นานหลายสิบนาทีผ่านไป ผมปิดทีวีลงแล้วตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู หวังจะเปิดเฟสทักไปชวนคุยกับไอ้แบล็คแก้เซ็ง แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างนั้นก็ต้องผงะไปทันทีเมื่อได้เห็นมิสคอลจากสายก่อนหน้านี้
"15 สาย เอ่อ...ใครกันวะเนี่ย" ผมเริ่มรู้สึกสงสัยและอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาว่าเป็นใครกันแน่ที่โทรมาหาผมจากประเทศนั้น จึงลองต่อสายโทรกลับไป รอไม่นานอีกฝ่ายก็รับ
"ฮัลโหล ใครครับ ผมเห็นเบอร์นี้โทรเข้ามาตั้ง 15 สาย..." จะว่าไปพูดภาษาไทยแล้วเขาจะฟังผมรู้เรื่องมั้ยเนี่ย แต่...ต่อให้ต้องพูดภาษาบ้านเกิด ผมตอนนี้ก็พูดไม่ได้แล้วล่ะ เพราะลืมมันไปหมดแล้ว ฮ่าๆๆๆ
[นากิ...นากิโอะใช่มั้ย]
"เอ๊ะ?" พอได้ยินเสียงพูดที่เป็นภาษาไทยแต่ฟังดูแปร่งๆผมกถึงกับนั่งทื่อไปทันที ดวงตาสวยที่แดงก่ำเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ใช่ เขาเรียกชื่อเก่าผม หรือว่าจะเป็น...
"โต้!?..." ผมเรียกปลายสายน้ำเสียงเข้มแต่ติดจะสั่นๆเล็กน้อย
[ดีใจจังที่ได้คุยกันซักที]
"ทำไม" ผมถามเสียงอ่อน ตลอดมาเพราะผมโกรธที่คุณพ่อไม่ยอมมารับผมกลับ ผมคิดว่าคุณพ่อทิ้งผมผมจึงปิดกลั้นทุกช่องทางการสื่อสารกับคุณพ่อไปจนหมด
[พ่อคิดว่าใช้เบอร์เดิมโทรมาหานากิ นากิคงไม่ยอมรับ พ่อก็เลย...ความจริงพ่อก็แอบหวั่นๆนะว่าต่อให้เปลี่ยนเบอร์นากิก็คงไม่ยอมรับอยู่ดีเพราะเป็นสายจากญี่ปุ่น นากิก็คงพอจะเดาออกว่าเบอร์ใคร] ใช่ ผมน่าจะเดาออกตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นใคร แต่เมื่อกี้ผมมัวแต่คิดเรื่องอื่นจนลืมไปเสียได้
[พ่อขอโทษนะครับ ที่ตอนเด็กๆพ่อไม่ได้ติดต่อมาหานากิเลย] คุณพ่อพูดต่อ ซึ่งผมก็ยังคงเงียบฟัง ไม่ปริปากพูดอะไรออกไปเลยแม้แต่น้อย
[พ่อตกลงกับคุณแม่เราว่า ห้ามไม่ให้พ่อติดต่อหานากิจนกว่านากิจะอายุครบ 18 แต่พอพ่อพยายามติดต่อหานากิหลังจากนั้น นากิก็ไม่ยอมรับสายจากพ่อเลยซักครั้งเดียว...พ่อขอโทษ]
"พ่อทิ้งผม..." ผมพูดเสียงสั่นๆ
"ผมเคยโง่รอพ่อมาตลอด แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว พ่อทิ้งผมไปแล้ว แค่นี้นะครับ" ว่าแล้วผมก็ตัดสายอีกฝ่ายทิ้งไปเสียดื้อ แย่จริง นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย ทั้งเรื่องคุณแม่ เรื่องพี่ที แล้วยังเรื่องคุณพ่ออีก...จะบีบผมให้ช้ำตายกันเลยใช่มั้ยครับ!
"ฮึก..."
---- To be continued ----
วันจันทร์-อังคารหน้ารอพบกับ ตอนที่ 13-14 ต่อเลยนะคับ คงไม่นานไปนะ ความจริงมีคิวต่อไปวันศุกร์ แต่อาจจะอัพหรือไม่อัพขึ้นอยู่กับอารมณ์ไรท์ เอาที่แน่นอน ชัวร์ๆก็วันจันทร์-อังคารแหละนะ