เท้าทั้งสองข้างของฉันก้าวเข้าไปยังห้องโถงใหญ่ที่ใช้สำหรับจัดเลี้ยงภายในโรงแรมหรูชื่อดัง ผู้คนภายในงานแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง การพูดคุยกันด้วยเรื่องของธุรกิจที่ทำเงินได้หลายร้อยล้านด้วยท่าทางปกติทำให้ฉันที่แอบได้ยินถึงกับหยุดเดินและชะงักด้วยความตกตะลึง จำนวนเงินขนาดนั้นยังสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเป็นเรื่องทั่วๆ ไปได้ยังไงกันน่ะ นั่นมันเงินเป็นหลักร้อยล้านเลยนะ!
“เมเบล”
เสียงเข้มต่ำของร่างสูงใหญ่ที่เดินนำหน้าอยู่ ทำให้ฉันหันไปมองเขาหลังจากที่เริ่มตั้งสติของตัวเองได้อีกครั้ง ฟินิกซ์ยกคิ้วเข้มข้างหนึ่ง และมองใบหน้าของฉันด้วยความสงสัย ฉันกะพริบตาสองสามทีแล้วเดินเข้าไปยืนข้างเขาทันที
“นายเรียกฉันทำไม”
”บอกว่าอย่าห่างจากฉันไง“
ฟินิกซ์มองฉันด้วยสายตาคมดุดันเหมือนกำลังไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเงยหน้าจ้องมองเขาด้วยความหงุดหงิดไม่ต่างกัน
“ห่างแค่สองสามก้าวเองนะ งั้นทำไมนายไม่ใส่กุญแจมือฉันไว้เลยล่ะ”
“อย่าท้าทายเมเบล เธอรู้ดีว่าถึงแม้จะเป็นที่นี่... ฉันก็ทำได้”
ฟินิกซ์โน้มลงมากระซิบที่ข้างใบหูของฉันด้วยเสียงเข้มต่ำเรียบนิ่งอย่างข่มขู่ ฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ และกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเอาไว้ทันที ให้ตายสิ ฉันเกลียดคนอย่างฟินิกซ์จริงๆ
“ไอ้ฟินิกซ์”
ครูสที่เพิ่งมาถึงเรียกฟินิกซ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าทุกครั้ง ฟินิกซ์ละสายตาคมจากฉัน และหันไปหาเพื่อนของตัวเอง ฉันขมวดคิ้วมองพวกเขาทั้งสองคนด้วยความสงสัย ทำไมต้องทำท่าทางเหมือนกำลังมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่อย่างนั้นแหละ
“ว่าไง แล้วคาร่ากับแคลล่ะ”
“ไอ้มาร์คัสพาตัวกลับไปแล้วน่ะ นี่กูก็เพิ่งโดนมันโวยวายใส่ที่พาเมียกับลูกมันมาที่นี่” ครูสบ่นพึมพำคำหยาบคายออกมาอีกหลายประโยคอย่างหัวเสีย จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“รับมันเป็นพี่เขยเองหนิวะ แล้วเรื่องนั้นล่ะ”
ฉันเงยหน้ามองใบหน้าคมคายของฟินิกซ์ที่ดูเคร่งเครียดอีกครั้ง เขาเหลือบสายตาคมมองไปรอบๆ งานพร้อมกับคิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่าหงุดหงิด
“สองคนนั้นมาที่นี่จริงๆ แต่ตอนนี้คงอยู่ที่ไหนสักที่ในโรงแรม”
ฟินิกซ์พยักหน้ารับเล็กน้อย แล้วท่อนแขนแข็งแรงก็โอบรอบเอวบาง พร้อมกับดึงตัวฉันให้เข้าไปใกล้เขามากขึ้นกว่าเดิมด้วยความรวดเร็วจนฉันตั้งตัวไม่ทัน บ้าชะมัด
“อือ กูก็คิดไว้อยู่แล้วว่ามันต้องมา”
สายตาคมดุดันของฟินิกซ์ดูน่ากลัวมากขึ้น ฉันเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น และพยายามดึงฝ่ามือใหญ่ที่จับอยู่ที่รอบเอวบางของตัวเองออก แต่เขากลับจับมันไม่ปล่อยเลย ให้ตายเถอะ!
“เมเบลก็อย่าออกห่างจากไอ้ฟินิกซ์ล่ะ” ครูสหันมาบอกฉันพร้อมกับยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ฉันชะงักมือที่กำลังจิกเล็บลงไปยังมือใหญ่ของฟินิกซ์ แล้วหันไปมองครูสด้วยความมึนงง
“ทำไมล่ะ หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ”
“เรื่องนั้นไปถามไอ้ฟินิกซ์แล้วกันนะ ขอตัวไปหาอะไรจิบให้หายคอแห้งหน่อยแล้วกัน”
ฉันกะพริบตาปริบๆ มองครูสที่ขยิบตาข้างหนึ่งส่งมาให้แล้วเดินไปทางเคาน์เตอร์เครื่องดื่มที่มีบาร์เทนเดอร์คอยเสิร์ฟเครื่องดื่มอยู่อย่างอารมณ์ดี เรื่องที่ครูสบอกกับฉันเมื่อกี้มันเป็นเรื่องอะไรกันน่ะ…
“เรื่องที่ครูสพูดมันหมายความว่าไง”
ฉันหันขวับไปมองฟินิกซ์ที่พาฉันเดินมายังระเบียงกว้าง ซึ่งไม่มีคนอยู่ด้วยความสงสัยไม่หาย เขาเหลือบสายตาคมมองมาทางฉันแล้วยกแก้วเครื่องดื่มในมือใหญ่ขึ้นจิบอย่างไม่สะทกสะท้าน
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้”
ฉันกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเอาไว้แน่นอย่างขุ่นเคือง จากนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เพื่อควบคุมสติของตัวเองอีกครั้ง อย่าจจะจิกเล็บไปที่ฝ่ามือใหญ่ของเขาจนให้เลือดมันไหลหมดตัวตอยไปเลย น่าโมโหที่สุด!
“แต่ว่านายไม่ให้ฉันออกห่างเองนะ ฉันจำเป็นต้องรู้…”
ฉันชะงักและคำพูดที่กำลังจะบอกกับฟินิกซ์ทั้งหมดต้องหยุดลง ทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นสองคนที่อยู่ด้านล่างตรงสวนของโรงแรม สองคนนั้นอยู่ด้วยกันได้ยังไงน่ะ แล้วทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ในที่แบบนี้ได้ล่ะ ในเมื่อฉันได้ยินจากครูสมาว่าทุกคนที่อยู่ในงานเลี้ยง และได้รับเชิญให้มาที่นี่ส่วนใหญ่ทำงานคล้ายๆ กับทั้งเขาและฟินิกซ์ แต่ทำไมสองคนนั้นถึงได้โผล่มาที่นี่กันล่ะเนี่ย…
“เธอรู้จักสองคนนั้นมั้ยเมเบล”
เสียงเข้มต่ำที่ดังอยู่ด้านหลังทำให้ฉันยืนนิ่งอย่างทำตัวไม่ค่อยถูก และมือก็จับแก้วไวน์เอาไว้แน่นมากกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว ฉันสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดเอือกใหญ่แล้วรวบรวมสติของตัวเองอีกครั้ง เพื่อตามคำถามของฟินิกซ์
“ผู้หญิงคนนั้นคือเคที่ เพื่อสมัยเรียนของฉัน ส่วนอีกคนก็…ไบรตัน”
ฉันตอบออกมาเสียงเบาเหมือนกำลังพึมพำกับตัวเองซะมากกว่า ฉันไม่รู้ว่าฟินิกซ์จะรู้จักเคที่หรือเปล่า สมัยเรียนเฟรย่าไม่ค่อยพูดเรื่องครอบครัวให้พวกเราฟังเท่าไหร่นัก และฉันคิดว่าเธอก็คงไม่ได้พูดคุยเรื่องเพื่อนให้ครอบครัวตัวเองฟังเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่เฟรย่าจะพักอยู่ที่คอนโดใกล้ๆ มหา’ลัย ส่วนเรื่องไบรตัน ฉันก็ไม่แน่ใจอีกเหมือนกันว่าเธอจะบอกครอบครัวตัวเองหรือเปล่าว่าเขาเป็นแฟนที่กำลังคบอยู่…
“หึ แสดงว่าเธอรู้จักสองคนนั้นดีสินะ”