เฟื่องลดาไม่เคยได้รับของขวัญแพงๆ มาก่อนกลัวถูกปล้นจึงเลือกนั่งแท็กซี่กลับบ้านโดนค่าแท็กซี่ไปเกือบหนึ่งร้อย สิ้นเปลืองมาก เพราะปกติหล่อนนั่งรถเมล์ไปกลับบ้านกับที่ทำงานประหยัดได้มากกว่าครึ่งราคา เข้ามาในบ้านวางของเข้าไปสวัสดีท่านเจ้าสัวกับคุณนายแขไขก่อนจะไปช่วยท่านแต่งตัวให้ลูก
“วันนี้หลานสาวเจ้าสัวกลับจากเมืองนอก จัดที่ห้องอาหารใกล้ๆ นี่เอง ฉันจะพาหลานไปด้วยเธออยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”
“อยู่ได้ค่ะ หรือถ้ามีอะไรเฟื่องจะเรียกน้องยมมาอยู่เป็นเพื่อน คุณแขไขไม่ต้องเป็นห่วงเฟื่องนะคะ”
“จ้ะ”
“ไว้โอกาสหน้าฉันจะพาหนูไปด้วยนะจะได้ไม่เหงา”
“ไปให้ญาติคุณหญิงคุณนายซักประวัติน่ะเหรอครับพ่อ ผมว่าไม่เวิร์คนะ” รณภพเดินเข้ามาแย่งเฟื่องลดาอุ้มลูกหอมลูก สองคนยื้อแย่งพักหนึ่งสุดท้ายเขาก็ฉกลูกไปกอดได้สำเร็จ พ่อแม่ของรณภพแอบมองแล้วส่ายหน้าเอือมระอา นึกว่าจะปรับนิสัยได้แต่ลูกชายก็ยังนิสัยเหมือนเดิม แค่ดีกว่าเดิมขึ้นมานิดเดียว
“ไม่เป็นไรค่ะ เฟื่องเห็นด้วยกับคุณภพที่ว่าไม่ควรพาเฟื่องไปเปิดตัว คุณภพคงจะอายคนอื่นเขาน่ะค่ะ เพราะแค่วันนี้ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมใบละเป็นแสนให้เฟื่อง ยังไม่กล้าเอามาให้ด้วยตัวเองเลย” เหมือนจะถ่อมตัวแต่ไม่ใช่เลยเฟื่องลดาจงใจแซว
“จริงเหรอ” ท่านเจ้าสัวมองหน้าลูกสะใภ้
“จริงค่ะ กล่องวางอยู่ตรงนั้น”
ได้ของแล้วเงียบปากไว้ไม่เป็นหรือไงนะยัยคนนี้ ให้ตายเถอะ รณภพอายสายตาพ่อกับแม่จึงแกล้งพูดอะไรก็ได้ให้ดูเหมือนไม่แคร์ “ก็แค่ของก็อปเกรดเอเพราะฉันรู้ไงว่าเธอดูของไม่เป็น”
“เหรอคะ เขาก็อปสวยดีนะกลิ่นหนังหอมมาก”
“ไหน เฟื่อง มาให้ฉันช่วยเช็คของให้”
คุณแขไขพลอยนึกสนุกตามเฟื่องลดาไปด้วยขอดูกระเป๋าในกล่องสุดหรู จับจุดสังเกตแค่ไม่กี่จุดก็รู้แล้วว่าของแท้ร้อยเปอร์เซ็นแต่เจ้าตัวแค่แกล้งพูดไม่ให้หน้าแตก “โอ้โห เขาก็อปสวยอย่างที่เฟื่องพูดจริงด้วย เหมือนในช็อปเป๊ะเลย”
สองสาวก็มองหน้ากันแล้วหัวเราะ
เจ้าสัวหลุดยิ้มตามมองกระเป๋าสีดำใบสวยในมือเฟื่องลดา นับวันภรรยาของท่านก็ยิ่งเอ็นดูเด็กน่าสงสาร แล้วดูหน้าเจ้าคนปากแข็งตอนนี้สิ งอนใหญ่ ระบายใส่ใครไม่ได้ก็มาลงที่ลูกจับแก้มลูกดึงยืดไปมา แก้มช้ำหมดแล้วหลานรักของปู่
เจ้าสัววิทยากับภรรยาพาหลานน้อยมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับหลานสาวกลับจากอเมริกาด้วยวุฒิปริญญาโท ส่วนลูกชายขับรถแยกมาคนละคันเพราะอาจจะกลับช้าสักนิด ท่านตั้งใจจะอยู่ช่วงหกโมงเย็นไม่เกินสองทุ่มเพราะสุขภาพยังไม่ค่อยสู้ดีนัก และมีหลานมาด้วย เจ้าสัวรู้สึกไม่ไหวจึงขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำ
“คุณพ่อครับ มายืนทำอะไรตรงนี้ในงานยัยจีกำลังเริ่มแกะของขวัญแล้วนะ” ตาภพออกมาตาม ท่านยืนรับลมริมระเบียง ไอแค่กๆ ใส่ผ้าเช็ดหน้า รีบพับแล้วหันกลับมาตอบรับ
“ไปสิ พ่อลืมดูเวลา เกือบพลาดช่วงสำคัญ”
“ครับ คุณพ่อเข้าไปก่อนเลยนะ ผมขอลงไปเอาของขวัญแป๊บ เซอร์ไพร์สยัยจีเขาจะให้คนสุดท้าย” บอกแผนการแก่ท่านแล้วก็เดินอารมณ์ดีแยกไปอีกทางทำให้เจ้าสัวพลอยโล่งอกที่ลูกชายจับผิดไม่ได้ ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นถูกคลี่ออกมาอีกครั้งและพบว่ามันมีคราบเลือดติดมาด้วย อาการป่วยของท่านทรุดลงเรื่อยๆ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของบริษัท ท่านไม่ได้ยื้อสังขารแต่อยากขอเวลาอีกนิดเพื่อผลักดันลูกชายให้ส่องแสงสว่างจนเป็นที่ยอมรับนับถือในกลุ่มผู้ถือหุ้นรายอื่น เจ้าสัวมึนศีรษะเกือบล้มพนักงานร้านผ่านมาเห็นช่วยประคองไว้ได้ ท่านยกมือขึ้นบอกไม่เป็นไร ยังไหว รวบรวมสติแล้วกลับเข้าไปในห้องอาหาร
กระเป๋าแบรนด์กล่องส้มในตำนานสาวคนไหนเห็นเป็นต้องกรี๊ดให้ความหรูและความแพง รณภพก้มหยิบในรถตอนนั้นเองสายตาเขาบังเอิญมองลอดผ่านกระจกอีกฝั่งไปเห็นนายวอร์มกำลังคุยโทรศัพท์ มันยืนหลบๆ ซ่อนๆ อยู่หลังเสาชวนให้น่าสงสัย
“คุยกับใคร!” รณภพออกจากที่ซ่อนสร้างความตกใจให้วอร์ม ไอ้หมอนี่เป็นแฟนของน้องสาวของเขาเอง ไม่มีใครชอบมัน ผู้ใหญ่ตั้งใจจับแยกส่งยัยจีไปเรียนอเมริกาแต่ไอ้หมอนี่มันตื้อสมัครตามไปเรียนด้วย ยัยจีเรียนจบเป็นปีไม่ยอมกลับมาเพราะรอไอ้หมอนี่เรียนจบก่อน ติดแฟนจนน่าเกลียด เขาโคตรไม่ปลื้ม
“โธ่ พี่ภพ ตกใจหมดเลย มาทำอะไรตรงนี้”