‘ครับผมจะดูแลพาเพลินอย่างดีที่สุด’
ถอยคำสัญญาของหย่งเต๋อที่เขานั้นได้ให้ไว้กับผู้เป็นพ่อของพาเพลิน ยังคงดังกึกกองวนซ้ำไปซ้ำมาภายในห้วงความคิดของวันวาน พาเพลินโชคดีที่เธอพบเจอกับผู้ชายที่รักเธอและพร้อมจะดูแลเธอ ซึ่งต่างจากตัวของวันวานที่เธอมองไม่เห็นอนาคตของเธอกับต๋าเฉิงอยู่เลย แล้วไหนจะเรื่องของผู้หญิงคนนั้นอีกผู้หญิงที่เจอที่ Café วันนั้น ตอนนี้เธอไม่มั่นใจอะไรเลยกับความสัมพันธ์ในครั้งนี้
“วันวานค่ะ เป็นอะไรหรือเปล่าน้าพูดด้วยไม่ได้ยินเหรอ” ต๋าเฉิงที่สองสามวันมานี่เขาเห็นเธอแปลกไป เธอมองหน้าเขาและเหมือนคนมีคำถามอยู่ตลอดเวลา แต่สักพักเธอก็จะปรับมาเป็นสายตาที่เป็นปกติ เขาพยายามถามแต่เธอก็ไม่ยอมปริปากบอกเลย เขาเองก็ไม่สบายใจที่เห็นวันวานเป็นแบบนี้
“คุณน้าว่าอะไรนะคะ เมื่อกี้วันวานไม่ได้ยินค่ะ” วันวานที่นั่งมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างรถยนต์หลังจากที่เขากับเธอขับรถกลับจากสนามบินกำลังกลับคอนโดกัน ใจจริงทั้งสองคนอยากจะอยู่เที่ยวต่อที่ขอนแก่น แต่พอดีต๋าเฉิงอยากให้ครอบครัวของพาเพลินได้ทำความรู้จักกับหย่งเต๋อมากขึ้น เขาเลยชวนวันวานบินกลับในช่วงเย็นทันที
“เฮ้ออ วันวานเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ ช่วงนี้น้าเห็นวันวานชอบนั่งเหม่อลอย มองหน้าน้าเหมือนมีคำถามอะไรสักอย่าง มีอะไรไม่สบายใจไหม ไหนบอกน้ามาสิค่ะ” ต๋าเฉิงถอนหายใจ ก่อนที่เขาจะเหล่สายตามองวันวานพลางมองทางไปด้วย
“วันวาน……..” วันวานที่อ้ำอึ่งลังเลใจอยู่ว่าเธอควรจะถามเขาออกไปตามตรงดีหรือเปล่าเรื่องผู้หญิงคนนั้น
“ว่าไงค่ะ หื้ม?” ต๋าเฉิงหันหน้ามามองวันวานเพียงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองทางต่อ
“คือ……” เมื่อวันวานตัดสินใจจะเอ่ยถามเขาออกไปตามตรง แต่คำถามของเธอกลับต้องถูกเก็บงำไว้ดังเดิมเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของต๋าเฉิงที่ดังขึ้น ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือปรากฏชื่อของผู้หญิงคนหนึ่ง ‘หยิน’ วันวานมองชื่อนั้นพลันใบหน้าของผู้หญิงที่เดินควงแขนกับต๋าเฉิงก็ลอยเข้ามาในห้วงความคิดของเธอ
ติ๊ด ๆ
ต๋าเฉิงมองหน้าจอโทรศัพท์ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าวันวาน วันวานรีบหันหน้าไปทางหน้าต่าง เพราะเธอไม่อยากให้ต๋าเฉิงรู้ว่าเธอแอบมองอยู่ ต๋าเฉิงมองวันวานเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหยิบหูฟังบลูทูธขึ้นมาใส่ที่หูและกดรับสาย
“สวัสดีครับ” ต๋าเฉิงกรอกเสียงลงไปอย่างสุภาพ
[แหม! ทางการจังนะต๋าเฉิง วันนี้ว่างไหม ไปดินเนอร์กัน] เสียงใสเอ่ยกลับมา ต๋าเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่จะเหล่สายตาไปมองวันวาน วันวานก็นั่งทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่หูของเธอก็พยายามแอบฟังเสียงจากปลายสายถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ก็ตาม
“วันนี้ไม่สะดวกน่ะ ไว้วันหลังได้ไหมครับ” ต๋าเฉิงตอบกลับไป ก่อนที่เขาจะเหลือบมองวันวานอีกครั้ง
[ไม่ว่างเหรอ พอดีหยินมีเรื่องจะปรึกษานะ ไม่สบายใจเลยไม่มีใครให้คำปรึกษา] หญิงสาวจากปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยอย่างออดอ้อนต๋าเฉิง
“อืม…. งั้นทุ่มหนึ่งเจอกันก็แล้วกันนะ” สุดท้ายต๋าเฉิงก็ใจอ่อน เพราะเขาก็เป็นห่วงกลัวหญิงสาวจะคิดมากและอาจจะฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเองก็ได้ เพราะว่าหญิงสาวนั้นเป็นโรคซึมเศร้าเสียด้วย
[เย้! ดีใจจังเลย ต๋าเฉิงยังใจดีไม่เปลี่ยนเลยนะ หยินจะรอนะ งั้นเราเจอกันที่ นิคาชิโอ้ คลับนะ] หญิงสาวที่ปลายสายนัดสถานที่กับต๋าเฉิง
“นิคาชิโอ้คลับเหรอ” ต๋าเฉิงทวนสถานที่เสียงเบา เอาเข้าจริงเขาก็ไม่อยากไปที่นั้นเลย เผื่อมีคนของสายลมมาเห็นจะยิ่งเป็นปัญหากับเขาเข้าไปใหญ่ แค่ทุกวันนี้เขาก็แอบหวั่นใจเรื่องสายลมพ่อของวันวานอยู่เหมือนกัน
[ไม่ได้เหรอ ก็หยินชอบที่นั้น] หยินเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ
“อืม… ได้สิ เจอกันนะครับ” ต๋าเฉิงตอบกลับไปก่อนจะคลี่รอยยิ้มบาง ๆ และหลังจากนั้นเขาก็วางสายจากเธอไป
วันวานที่แอบได้ยินสถานที่นัดพบของเขา แต่เธอก็กลับทำเหมือนไม่ได้ยินและไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต๋าเฉิงที่ลอบมองวันวานเห็นเธอนิ่งไปจนเขาหวั่นใจ แต่เขาก็ไม่อยากให้วันวานไปในสถานที่อโคจรแบบนั้น เพราะเขาเป็นห่วงเธอ บางทีถ้าเขาจับตาดูเธอไม่ดี อาจจะเป็นอันตรายต่อเธอได้ แต่เขาจะบอกกับเธออย่างไรให้เธอไม่รู้สึกแย่หรือไม่สบายใจดีนะ
“วันวานค่ะ” ต๋าเฉิงเอ่ยเรียกหญิงสาวเสียงเบาหวิว
“คะ…” วันวานสูดหายใจลึก ๆ ก่อนที่เธอจะหันมาส่งยิ้มให้กับต๋าเฉิงอย่างปกติ ทั้ง ๆ ที่ลึกลงไปภายในจิตใจของเธอจะหวั่นไหวมากก็ตามที
“วันนี้วันวานทานข้าวคนเดียวได้ไหมคะ? พอดีน้ามีนัดกับ…..” ต๋าเฉิงที่กำลังจะบอกกับวันวาน แต่เขาก็ถูกวันวานขัดขึ้นโดยที่ยังไม่ทันพูดจบประโยคดีด้วยซ้ำ
“ได้สิค่ะ วันวานทานคนเดียวได้สบายอยู่แล้ว” วันวานตอบกลับชายหนุ่ม ก่อนที่เธอจะส่งยิ้มที่ถูกปั่นแต่งอย่างดีให้กับเขา เธอไม่อยากทำตัวงี่เง่าเป็นผู้หญิงใจแคบ และเธอเองก็อยากรู้เช่นกันว่าผู้หญิงคนนั้นจะใช่คนเดียวกับที่เธอเจอที่ Café วันนั้นหรือเปล่า
“ขอโทษนะคะ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้สึกผิดที่ต้องทิ้งวันวานให้อยู่ตามลำพัง ก่อนที่จะเอื้อมมือไปลูบผมวันวานอย่างแผ่วเบา แต่เขาก็ไม่อยากให้เธอไปในสถานที่อโคจรแบบนั้นจริง ๆ
“วันวานโอเคค่ะ” น้ำเสียงและรอยยิ้มที่ดูเหมือนว่าเธอนั้นปกติสบายดี แต่แท้จริงแล้วเธอไม่ได้รู้สึกดีตามมันเลย ยิ่งเขาอ่อนโยนกับเธอมันยิ่งทำหัวใจเธอเหมือนถูกบีบทำลายอย่างเชื่องช้า ใจหนึ่งเธอก็กลัวอีกใจหนึ่งเธอก็ต้องการรับรู้ความจริง แต่ไม่ว่าผลมันจะออกมายังไงก็ตามจะเสียใจหรือผิดหวัง เธอก็ยังอยากที่จะรู้ความจริงด้วยตนเอง และเธอคิดแล้วว่าเธอจะแอบตามเขาไป……