ระหว่างนั่งฟังพวกนั้นคุยกัน ผมไม่รู้จะทำอะไร เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูแก้เซ็ง แล้วก็เห็นบีบีลงรูปเช็กอินร้านอาหารหรูเมื่อสิบนาทีก่อน ผมกดถูกใจรูปถ่ายของบีบี ครุ่นคิดอะไรในใจสักพักก็ตัดสินใจทักไป
ตะวัน : อยู่ข้างนอกเหรอ
ผ่านไปสิบนาทีบีบีก็ยังไม่อ่านข้อความผม ผมมองหน้าจอที่ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวก่อนสลับไปเลื่อนหาเบอร์โทรอย่างลังเล ผมจดๆ จ้องๆ จะโทรไม่โทรอยู่ครู่หนึ่งก็กดออก เข้าไปก็อปปี้ชื่อร้านที่บีบีเช็กอินมาเสิร์ซดูในกูเกิ้ล อยู่ห่างจากโรงแรมประมาณสิบห้านาที ผมใจเต้นระทึก จู่ๆ ก็เกิดความคิดบ้าๆ ขึ้นมาในหัว หันไปสะกิดเดือนแล้วบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำก่อนลุกออกมา ไม่กล้าบอกความจริงว่าจะไปไหน กลัวไม่ได้ไป พูดเยอะเดี๋ยวใจเสาะเอง ผมรู้สึกผิดต่อเดือน แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะซิ่งสักหน่อย แค่แวะไปดูคนแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับ
ผมเปิด GPS แล้วขับรถออกจากโรงแรมอย่างไม่หวั่นไหว ใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีก็ถึงร้านตามที่คำนวณ ยังไม่ทันลงจากรถ พี่สาวผมก็ไลน์มาตามแล้ว ผมโกหกเจอเพื่อน ขอคุยกับเพื่อนก่อนแล้วจะรีบกลับไป โชคดีที่ร้านมีจอดรถสำหรับลูกค้าโดยเฉพาะ เลยไม่ต้องเสียเวลา ผมแลกบัตรจอดรถแล้วก็เดินดุ่มๆ เข้ามาในร้าน เพราะเป็นภัตตาคารหรู โต๊ะอาหารก็ถูกแบ่งออกเป็นโซนๆ มีทั้งหมดสามชั้น ซึ่งชั้นสามน่าจะเป็นห้อง VIP ผมตัดความเป็นไปได้เรื่องห้อง VIP ทิ้ง แล้วเดินวนชั้นหนึ่งจนแน่ใจว่าบีบีไม่ได้อยู่ที่นี่ค่อยขึ้นบันไดมาชั้นสองโดยมีบริกรเดินตามด้านหลัง ตอนแรกก็ต้อนรับผมดีอยู่หรอก แต่ผ่านไปสักพักเริ่มมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ชั้นสองของร้านผนังเป็นกระจก มองเห็นวิวด้านนอก บรรยากาศดูเป็นส่วนตัวกว่าชั้นล่าง คนบนนี้ก็บางตากว่า เพียงแค่ก้าวพ้นบันไดขึ้นมาผมก็สังเกตเห็นบีบีได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาเดินวนหาให้เหนื่อย หัวใจผมกระตุกวูบ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง ยืนละล่ำละลักอย่างไม่รู้จะเอาไงต่อ ผมอยากเดินเข้าไปถามแต่อีกใจก็บอกให้รอก่อน อย่าโผงผางทำอะไรโง่ๆ บริกรด้านหลังเอ่ยเรียกเบาๆ แต่ผมทำเป็นไม่สนใจ สายตาจับไปที่บีบีกับผู้ชายที่นั่งร่วมโต๊ะ ทำไมรู้สึกคุ้นหน้าจังวะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
“คุณลูกค้า?” เสียงบริกรเรียกย้ำ ผมสูดหายใจลึก ดึงสายตากลับมามองบริกรแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงบันได เดินออกจากร้านโดยไม่พูดอะไรสักคำ ผมเข้ามานั่งในรถ แล้วโทรหาบีบี หัวใจเต้นแรง เป็นความรู้สึกหนักๆ หวิวๆ ในอก ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมสะกดความรู้สึกฟุ้งซ่านระหว่างรอสาย แต่บีบีไม่รับจนสายหลุด ผมโทรไปอีกรอบ คราวนี้รับ...
[อื้อ ว่าไง]
เสียงปลายสายดังขึ้น ผมข่มความรู้สึกพลุ่งพล่านที่อยากจะโพล่งใส่โทรศัพท์เอาไว้แล้ว เอ่ยออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อยู่ไหนน่ะ ไปหาได้หรือเปล่า” ผมใส่ลูกอ้อนนิดหน่อย ให้บีบีเข้าใจว่าผมคิดถึง อยากเจอ แต่ผมดันไปกดถูกใจรูปที่เธอลงไอจีแล้ว บีบีน่าจะรู้และคงไม่โกหกอะไรตื้นๆ ออกมา
[บีอยู่ข้างนอก มากินข้าวกับเพื่อน]
ผู้หญิงผู้ชาย?... ผมอยากถามคำนี้มากแต่ก็ข่มใจเอาไว้เพราะปกติผมจะไม่ถามอะไรแบบนั้น
“แล้วกลับกี่โมง”
[ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไว้เดี๋ยวบีโทรหานะ เคไหม?]
“ไปกับเพื่อนที่คณะเหรอ” ผมไม่ยอมให้อีกฝ่ายปิดการสนทนาไปแบบนั้น
[เอ๊ะ... เอ่อ...] ปลายสายทำเสียงประหลาดใจลอดลำคอออกมาก่อนจะงึมงำตอบเหมือนปิดบังอะไรอยู่ [...เพื่อนที่มอน่ะแหละ ...แล้วแม่เป็นไงบ้างเหรอ ดีขึ้นยัง]
“ดีขึ้นแล้ว”
[เหรอ ดีแล้ว...]
“....”
[อืม... มีอะไรอีกไหม]
“กลับกี่โมงนะ” ผมไม่อยากวาง ถึงขนาดลืมไปว่าเคยถามคำนี้ไปแล้ว
[เอ่อ ไม่รู้... ก็เดี๋ยวบีโทรหา แค่นี้ก่อนนะ]
แล้วสายก็ตัดไป ผมถือโทรศัพท์ค้างอยู่ข้างใบหู ถ้าผมไม่เห็นว่าบีบีนั่งอยู่ในร้านกับผู้ชายอื่น ก็คงไม่รู้สึกเหมือนโดนตัดเยื่อใยขนาดนี้
นี่มันอะไรกันวะ ผมก้มลงเอาหัวโขลกกับพวงมาลัยอย่างเสียศูนย์ ก่อนจะเด้งตัวขึ้นมาหลังจากนึกได้ เปิดประตูลงจากรถ แล้วเดินหารถเบนซ์คันนั้น ในใจปั่นป่วนไปหมด ไม่รู้เหมือนกันว่าเจอแล้วจะทำยังไงรู้แค่ว่าอยากยืนยันเลขทะเบียนให้ชัดๆ อีกรอบ ผมเดินวนจนทั่วลานจอดแต่ก็ไม่เจอรถเบนซ์รุ่นเดียวกับเมื่อคืนเลยสักคัน หรือว่าไม่ได้จอดในนี้วะ ผมยืนครุ่นคิดอย่างไม่แน่ใจก่อนจะถูกแสงไฟฉายของยามที่ดูแลลานจอดรถแยงตาเข้า ความคิดทั้งหมดหยุดชะงักทันควัน
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าน้อง” เสียงตะโกนถาม
“เปล่าครับ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธแล้วรีบกลับขึ้นรถ เป็นเวลาเดียวกับที่เดือนโทรมาตามพอดี ผมไม่มีทางเลือกนอกจากขับรถกลับโรงแรม
ผมมาถึงงานก็เลิกแล้ว เห็นเดือนนั่งหน้าตึงอยู่ที่ล็อบบี้หน้าทางเข้าคลับโดยมีพี่ม่านฟ้าผู้หญิงคนนั้นนั่งเป็นเพื่อน ยัยนั่นทำหน้าเหมือนถูกช่วยชีวิตทันทีที่เห็นผม แต่เหมือนจะโกรธมากกว่า คำถามแรกที่โพล่งออกมาเต็มไปด้วยอารมณ์คับแค้น
“แกไปไหนมาตะวัน”
“ไปส่งเพื่อน” ผมแถ ไม่ได้บอกความจริงเพราะมีคนอื่นอยู่ด้วย เดือนน่าจะดูออกว่าผมโกหกแต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงอะไรมากความ หันไปบอกลาพี่ม่านฟ้าแล้วเดินนำผมออกไป ผมหันไปก้มหน้าให้พี่ม่านฟ้าที่มองส่งเดือนแบบไม่ละสายตาตามมารยาทก่อนจะรีบตามเดือนออกมา
“เป็นไรเนี่ย โมโหอะไร” ผมมองท่าทีเหวี่ยงๆ อย่างไม่มีเหตุผลของเดือนแล้วเอ่ยถามอย่างทนไม่ไหวระหว่างทางเดินไปที่รถ
เดือนหันมาค้อนผมตาเขียว เหมือนจะตะคอกอะไรสักอย่างใส่ผมแต่ก็สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร นอกจากถอนหายใจแรงๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง เดินปั้นปึ่งไปที่รถ
“ทำไม คุยไม่เวิร์กเหรอ” ผมหันไปถามหลังเข้ามานั่งในรถ เดือนไม่ตอบ จ้องผมนัยน์ตาขวาง เหมือนผมพูดอะไรไม่เข้าหูยังไงยังงั้น
“เลิกพล่ามได้ไหม ขับรถไปเงียบๆ เถอะ”
ผมส่งเดือนเสร็จก็เปลี่ยนรถแล้วขับออกมาทันที ไม่ได้ค้างที่บ้าน ตอนแรกก็ว่าจะค้าง แต่จิตใจผมตอนนี้มันไม่สงบ ทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ผมขับรถมาจอดหน้าร้านอาหารอย่างรู้สึกปั่นป่วนและโง่เง่าไปพร้อมๆ กัน
ผมเฝ้าอยู่หน้าร้านเกือบสามสิบนาทีได้ ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปดูให้รู้แล้วรู้รอด แต่บีบีกับผู้ชายคนนั้นไม่ได้อยู่ที่ร้านแล้ว ผมบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง ใจหนึ่งก็ผิดหวังแต่อีกใจก็รู้สึกว่างเปล่า เหมือนทำเรื่องโง่เง่าอยู่ยังไงยังงั้น
ความรู้สึกข้างในค่อยๆ หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ผมครุ่นคิดมาตลอดทางที่ขับรถกลับเกี่ยวกับบีบี คิดไปถึงขั้นว่าอาจจะโดนนอกใจ ทีแรกผมนึกว่าที่ช่วงนี้บีบีห่างๆ ไปเป็นเพราะเรื่องไอ้เอิร์ธทำให้ผมมีเวลาให้เธอน้อยลง แต่พอลองคิดดูดีๆ ทุกครั้งที่บีบีไปเที่ยวก็จะขาดการติดต่อไปเลยตลอด ผมได้คุยกับเธอเฉพาะเวลาที่เธอตั้งใจมาหาเท่านั้น
ความรู้สึกกินแหนงแคลงใจค่อยๆ กัดกินผมขึ้นเรื่อยๆ เหลือบมองโทรศัพท์อย่างกระวนกระวาย เที่ยงคืนแล้วแต่บีบีก็ยังไม่ติดต่อมา บอกว่าจะโทรหาแต่ดันเงียบกริบ ผมไม่อยากคิดไปเองแต่ก็หยุดคิดไม่ได้ รู้สึกตัวอีกทีผมก็มาอยู่หน้าร้านไอ้ไนท์ ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมมาที่นี่ รู้แค่ว่าผมไม่อยากกลับไปจมจ่อม นั่งฟุ้งซ่านอยู่ที่ห้องคนเดียว
ผมเดินเข้ามาในร้าน กวาดตามองหาโต๊ะว่างแล้วเดินมานั่งเหมือนเวลามาเที่ยวปกติ ติดแค่ว่าวันนี้ผมมาคนเดียว ไม่มีเพื่อนมาด้วย สักพักพนักงานก็รีบเดินมารับออร์เดอร์ ผมสั่งแบล็คไปขวดหนึ่ง พนักงานมองผมอึ้งๆ แต่สุดท้ายก็พยักหน้าแล้วเดินออกไป
โต๊ะที่ผมนั่งอยู่รอบนอกและไกลสุด แถวนี้ไม่ค่อยมีคนหรือกลับกันไปหมดก็ไม่รู้ เวลานี้คนไปกระจุกที่โต๊ะตรงกลางแถวหน้าเวทีซะส่วนใหญ่ ผมมองขึ้นไปบนเวทีทันทีที่นึกได้ ทั้งที่ปกติไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าใครเป็นนักร้อง แล้วก็เห็นไอ้ปายนั่งดีดกีตาร์ร้องเพลงอยู่บนนั้นจริงๆ ผมแค่นเสียงหยันในลำคออย่างไม่มีสาเหตุก่อนดึงสายตากลับมา ไม่นานเหล้าที่สั่งไปก็ถูกยกมาเสิร์ฟ แบล็คหนึ่งขวด ถึงน้ำแข็ง แก้วเปล่าสองใบ ผมมองแก้วสองใบด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนหยิบมาใบหนึ่ง ใส่น้ำแข็ง เทเหล้า ดื่มเงียบๆ