“แม่เอาอะไรให้เธอก่อนออกมาฉันเห็นแว็บๆ”
มองหน้าหล่อนผ่านกระจกมองหลังเพราะหล่อนนั่งไปนั่งแถวหลังกับลูก ให้เขาทำหน้าที่คนขับรถโดยสมบูรณ์ ลูกของเขาติดคาร์ซีทแล้วให้นั่งตักหรือนั่งเบาะเปล่ามักจะงอแง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
“ซองจดหมายอะไรไม่รู้ค่ะเฟื่องยังไม่ได้เปิดดู”
“เงินล่ะมั้ง ค่าจ้างช่วยงานพิเศษ”
“ถ้าเป็นเงินจริงก็ดีนะคะเพราะเฟื่องสละเวลาพักผ่อนไปแล้วทำงานเจ็ดวันเต็ม มีงานฟรีแค่ต้องดูแลคนป่วยขี้โวยวาย”
“แล้วจะเอาอะไร อยากได้เท่าไหร่ถึงจะเลิกบ่น”
“ไม่เอาอะไรค่ะ เลี้ยงข้าวมื้อเดียวก็พอแล้ว กัปตันอยากกินอะไรลูก บอกคุณพ่อสิ อะไรก็ได้ครับขอแค่แพงๆ นะครับ” แกล้งดัดเสียงเป็นลูก ไม่น่ารักเลย ในสายตารณภพน่าหมั่นไส้มากกว่า เขาพาลูกกับเมียแวะเดินห้างช่วงเย็นคนมาซื้อของเยอะที่จอดรถเต็มเกือบทุกชั้นโชคดีที่เขามีสิทธิพิเศษทางบัตรเครดิตสามารถจองที่จอดรถได้ คุณพ่อสุดหล่อจอดรถเดินอ้อมไปดึงรถเข็นมากางออกให้ลูกขึ้นมานั่ง หนูน้อยได้นอนเต็มอิ่ม ได้ดื่มนมตาใสแป๋ว
รณภพปรบมือแปะสองที ยิ้มแฉ่งคอยหลอกลูกชายให้นั่งนิ่ง ก้มหน้าลงจ๊ะเอ๋ จ๊ะเอ๋ ให้หายมันเขี้ยวลูกรัก เขาเข็นรถพาลูกเข้าไปข้างในของมีค่าจิปาถะฝากใส่กระเป๋าผ้าเก่าๆ ของหล่อน มันเก่าจนตัดกับเสื้อผ้าใหม่อย่างสิ้นเชิง ถ้าถูกล้วงกระเป๋าจะไม่แปลกเลยแต่ไม่สิ โจรสมัยนี้ฉลาดน่าจะเลือกเหยื่อหน่อย เก่าขนาดนี้คงคิดว่าไม่มีเงินแน่นอน เขาแอบบ่นให้แม่ของลูกแล้วลองชวนคุย
“จะแวะดูอะไรหน่อยไหม เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า อ้อ ไม่สิ ลืมไปว่าเงินเดือนยังไม่ออก” สีหน้าหล่อนดูเคร่งเครียดขึ้นมา
“ตอนพาผู้หญิงคนอื่นมาเดินห้างพูดกับเขาแบบนี้หรือเปล่า หรือพูดแค่กับเฟื่องคนเดียว ที่จริงคุณเป็นคนมีเสน่ห์นะ หน้าตา ฐานะ การศึกษา มาตกม้าตายแค่นิสัยกับปากเสียๆ สองอย่าง”
โดนไปอีกหนึ่งคน ตายเรียบเลยไหมล่ะ
เฟื่องลดาเปลี่ยนจากเดินตามมาเป็นออกนำหน้า ดูเสื้อผ้า ของใช้ใหม่ๆ แต่ราคาของมันแพงหลักพันทั้งนั้น เสียดายเงิน
ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้วเรายังไม่ได้เดินดูของแต่แวะมากินอาหารเย็นกันก่อน เราเลือกโต๊ะด้านในสุดเพราะจะได้ไม่วางรถเข็นเกะกะลูกค้าท่านอื่น เขาพามาเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นตอบแทนที่หล่อนดูแลช่วงป่วยแต่ราคามันแพงๆ ทั้งนั้น เฟื่องลดาจึงเลือกสั่งแบบเซ็ตจานเดียวจบมีทั้งข้าวสวย ปลา ของกินเล่นนิดหน่อย ส่วนจานของเขาจะเน้นแซลม่อนและสั่งเมนูกินเล่นสำหรับเด็กมาเพิ่ม เขามองหล่อนเปิดสมุดเมนูชี้รูปของกินให้ลูกดูแล้วชวนแกคุย
สำหรับเขาคำถามที่ตอบยากที่สุดคือให้อภัยหล่อนแล้วหรือยัง เขามั่นใจว่าที่หล่อนฝากลูกไว้กับน้องเอยจะต้องเกี่ยวเนื่องกับอาการป่วย ในเมื่อรู้เหตุผลแล้ว เขาจะให้อภัยหล่อนได้หรือยัง
“อยากได้อะไรไหม จะซื้อให้ เห็นเสื้อผ้าไอ้รันบนตัวเธอทีไรขวางหูขวางตา มันเป็นผัวเธอหรือไงถึงชอบเสื้อผ้ามันนัก”
“ไม่เป็นไรไม่อยากติดค้างบุญคุณ คุณแขน่าจะให้เงินเฟื่องมา เฟื่องค่อยไปซื้อเสื้อผ้าใหม่วันหยุดครั้งหน้าก็ได้”
“เอามาดูซิ” ยื่นมือมาขอดูซองใต้โต๊ะที่มารดาเขายัดให้เพราะท่านไม่อยากไปดูแลงานด้วยตัวเอง เจ้าหล่อนไม่ได้แง่งอน กอดเอวลูกไว้แล้วส่งมืออีกข้างไปควานหาซองจดหมาย คอยมองตามเห็นเขาฉีกซองออกหยิบเงินออกมาดูพบว่ามันมีเยอะมาก ท่านแนบกระดาษมาให้หนึ่งแผ่น เขาอ่านให้หล่อนได้ยินด้วย
“หนึ่งหมื่นแรกเป็นค่าแรงที่เธอช่วยงานฉันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ส่วนสองหมื่นหลังฉันให้พิเศษเอาไปซื้อเสื้อผ้าเครื่องสำอางดีๆ ใช้นะ โอ้โห ทำงานสองวันได้เงินสามหมื่น แม่ฉันใจดีเกินไปหรือเปล่าเนี่ย” ยักไหล่นิดๆ เก็บเงินกับกระดาษกลับใส่ในซองสไลด์มันกลับคืนไปให้เจ้าของ หล่อนคงคิดว่าเขาไม่พอใจถึงหยิบเงินส่วนเกินส่งคืนมาให้ เขาใบ้กินปากพูดไม่ออก
“เฟื่องคืนให้ แค่หนึ่งหมื่นก็เยอะแล้ว”
“ประชดหรือเปล่าเนี่ย”
“เปล่า คืนให้จริงๆ แค่นี้ก็เยอะแล้วเท่าเฟื่องทำงานตั้งครึ่งเดือน” หล่อนคืนสองหมื่นให้เขาจริงแท้แน่นอนเลือกเก็บไว้เฉพาะค่าแรง “อาหารมาแล้ว รีบกินเถอะเฟื่องกลัวลูกจะง่วงนอน”
“อืม” เขาครางรับ เราสองคนกินอาหารกันเงียบๆ ไม่ได้พูดคุยอะไร มีผลัดกันป้อนข้าวลูกบ้างแต่แกกินไม่เยอะ มีคนรู้จักเข้ามาทักทายเขาบ้างเฟื่องลดาอายไม่อยากให้คนอื่นเห็นตนเองอยู่กับรณภพ และหล่อนรู้ว่าในใจลึกๆ เขาเองก็คงอาย
“ไว้เจอกัน” เขาบอกกับคนรู้จักแล้วกลับมากินข้าวต่อ “อืม สรุปว่าเธอตกลงรับงานล่ามภาษาฝรั่งเศสไทยใช่ไหม”
“ก็ตอบไปแล้ว” หล่อนตอบอย่างไว้เชิง
“คิดค่าจ้างเท่าไหร่ ช่วงหกโมงถึงสามทุ่ม”
“เฟื่องขอชั่วโมงละหนึ่งพันได้ไหม”
“ได้ ให้สามพัน ถ้าเกินสามชั่วโมงจะจ่ายให้เพิ่ม” พูดเฉยๆ ไม่ขลัง รณภพหยิบเงินจำนวนสามพันมาจ่ายค่าตัวล่วงหน้าทันที แต่มันดูน่าเกลียดมากเพราะเป็นเงินที่คุณแขไขเคยให้หล่อน เฟื่องลดาจงใจทำหน้าหยีใส่ทว่าเขาไม่สนใจ แค่ยกยิ้ม แล้วกินข้าวต่อ
เอิ่มมม ใช้เงินเฟื่องมาจ่ายให้เฟื่อง ฉลาดหรือโกงนะแบบนี้ 5555555555
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ ฝากตามต่อด้วยเน้ออ ^//^