ตอนที่ 14
นับตั้งแต่วันที่คนตัวเล็กหายไปล่วงเลยเวลามาก็เกือบหนึ่งเดือนแล้ว เขาออกตามหาเป็นหนึ่งไปทั่ว แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของเจ้าตัว พยายามสืบหาจากคนที่แจ้งความก็ไม่พบร่องรอย ราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น มีหลายครั้งที่เขาให้คนแอบตามไปสืบจากบ้านเพื่อนสนิทของเป็นหนึ่งที่ชื่อว่าต้นกล้าแต่ก็ไม่ได้เรื่อง
แม็คตัดสินใจไปที่บ้านไม้หลังเล็กที่เป็นหนึ่งเคยอาศัยอยู่ ถนนที่แออัดไปด้วยผู้คนและร้านค้า จนมันดูน่ารำคาญลูกตาไปหมด แต่ว่ามันก็เป็นเพียงแค่สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเขา
เสียงประตูที่ถูกเปิดออกจากด้านในทำให้แม็คที่หันหลังเตรียมที่จะกลับแต่ก็ต้องชะงักแล้วหันกลับไปมองยังต้นเสียงอีกครั้ง ใครอีกคนที่กำลังคิดถึงและเฝ้าตามหากลับมาอยู่ตรงหน้าอย่างง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ
เป็นหนึ่งยืนมองร่างสูงจากในบ้านเพราะมาเอาของที่ไม่ได้เอาไปตอนไปอยู่กับแม็ค ทันทีที่ออกมากำลังจะกลับแต่ก็พบร่างสูงยืนอยู่หน้าบ้านด้วยหัวใจที่กำลังสั่น คนที่ไม่ได้เห็นมานานทั้งๆ ที่อยากจะลืมแต่ก็ลืมไม่ลงความทรงจำที่เลวร้ายเริ่มกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง ดวงตาสั่นระริกเพราะความกลัวขาทั้งสองข้างเริ่มถอยหลังเตรียมที่จะวิ่งหนี แต่ร่างสูงกลับไวกว่ากว่าคนตัวเล็กมากอดไว้แน่น
“พี่แม็ค! ปล่อย!”
“เป็นหนึ่งในที่สุดก็เจอ หายไปไหนมา” แม็คพูดพร้อมมองร่างบางในอ้อมแขน
แม็คจับไปที่ท้ายทอยของร่างบางให้เงยหน้าขึ้น ก้มลงจูบอย่างหนักหน่วงที่ริมฝีปากบางด้วยความรู้สึกที่โหยหาและคิดถึง ลิ้นร่างสูงถูกส่งเข้าไปในโพรงปากของคนร่างเล็กอย่างง่ายดาย ตวัดลิ้นไปทั่วโพรงปากที่หวานช่ำแล้วผละตัวออกมา ร่างสูงอุ้มคนตัวเล็กเข้าไปในบ้านเหมือนเดิม
“อย่า! พี่แม็คปล่อยผม” เป็นหนึ่งร้องขอ เมื่อร่างทั้งร่างถูกคร่อมจากคนตรงหน้าทันทีที่เข้ามาในบ้านอีกครั้ง แม็คก็จับเป็นหนึ่งนอนลงกับพื้นที่
“ไม่! ต่อให้ร้องขอยังไงพี่ก็ไม่ปล่อย รู้บ้างไหมว่าพี่แทบคลั่งที่เป็นหนึ่งหายไป มีเหรอที่จะปล่อยไปง่ายๆ”
แม็คพูดมองหน้าคนตัวเล็กที่ห่างกันไม่กี่คืบ ก้มลงจูบอีกครั้งและเลื่อนไปที่ลำคอ สองมือจับแขนร่างบางตรึงไว้กับพื้นแน่นไม่ยอมให้ดิ้นหนี ริมฝีปากหนารุกไล้ไปทั่วหน้า ลำคอและลำตัว เป็นหนึ่งหันตัวหนีพยายามที่จะลุกขึ้นแต่ก็ถูกแขนแกร่งจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“พี่แม็คปล่อยผมไปเถอะนะ”
“เป็นหนึ่งกลับมาอยู่กับพี่ คราวนี้พี่จะไม่ยอมให้หายไปไหนอีก”
แม็คพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จับร่างบางให้นอนคว่ำหน้าลงให้หัวเข่าตั้งฉากอยู่กับพื้นจนสะโพกลอยโด่ง แล้วจัดการถอดกางเกงออกจนหลุดร่วงลงไปกับพื้น
“อย่า! ผมขอร้อง ปล่อย...ฮือ ฮือ ฮึก” เป็นหนึ่งเริ่มร้องไห้อีกครั้งหมดสิ้นความหวังที่จะหนีรอด ดิ้นตัวแรงเพื่อหนีอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ
แม็คจับสะโพกแน่นไม่ยอมปล่อย ไม่รีรอให้คนตรงหน้าได้หนีจับแก่นกายของร่างบางแล้วคลึงไปทั่วจนพองโต คนตัวเล็กร้องออกมาเพราะความเสียว เป็นหนึ่งไม่อยากรู้สึกอย่างนี้ แต่มันเป็นไปเอง
ด้วยความชำนาญมือของคนที่ช้ำชองกว่าจึงไม่เป็นเรื่องยากที่จะทำให้เป็นหนึ่งรู้สึกดี ร่างกายคนใต้ร่างเริ่มอ่อนแรงและไร้การต่อต้านเพียงไม่นานเป็นหนึ่งก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา แม็คยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะนำมือที่เปื้อนไปจับที่ช่องทาง
“อย่า!”
เป็นหนึ่งสะดุ้งตัวหนีทันทีที่รับรู้ถึงสัมผัสจากมือหนา
“เป็นหนึ่งพี่ขอนะ” แม็คกระซิบที่ข้างหูก่อนที่จะนำนิ้วใส่เข้าไปแค่เพียงนิ้วเดียวกลับทำให้ร่างบางสั่นสะท้าน ช่องทางที่ตอดรัดทำให้แม็คเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่ดันเข้าไปจนสุดและกระแทกลงมาอย่างแรงหลายต่อหลายครั้ง จนไปโดนจุดกระสัน ทำให้เป็นหนึ่งร้องออกมาด้วยเสียงที่น่าอาย แม็คพอใจที่ทำให้คนใต้ร่างอ่อนระทวยได้ ทว่าเขาเองก็ไม่นานทนได้นานนัก
จัดการถอดกางเกงลงไปอยู่ที่เข่า จับแก่นกายรูดขึ้นลงสองสามทีเพื่อเตรียมพร้อมจ่อไปที่ช่องทางรักที่มีเพียงการเบิกทางของร่างสูงนิดหน่อยและน้ำรักของร่างบางเท่านั้น
“พี่ครับ อย่า อ๊า เจ็บ!”
ทันทีที่สอดใส่เพียงแค่ส่วนหัวเพราะช่องทางที่เล็กและแคบกับการตอดรัดอย่างหนักจนทำให้แม็คเริ่มรู้สึกอยากปลดปล่อยแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ มันคงยังไม่พอสำหรับเขา ร่างสูงหลับตาลงก่อนที่จะใส่เข้าไปอีกครั้งจนสุดทำให้เป็นหนึ่งอ้าปากร้องแต่ไร้เสียงออกมาตัวเกร็งอย่างเห็นได้ชัด
ร่างสูงดันจนสุดและดึงออกก่อนที่จะกระแทกเข้าไปอีกครั้ง เป็นหนึ่งต้องปิดปากตัวเองไม่ให้ร้องเสียงดังเพราะกลัวคนอื่นได้ยิน แม็คเองก็ใส่ไม่ยั้งโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงเสียงที่ดังจากการโยกของทั้งสองร่างและเสียงเนื้อที่กระทบกัน ดังไปทั่วห้อง
เพียงไม่นานแม็คก็ปลดปล่อย เป็นหนึ่งทรุดลงกับพื้นเพราะความเหนื่อยอ่อน เสื้อผ้าที่ยังไม่ถูกถอดออกเป็นตัวช่วยอย่างดีไม่ให้เจ็บมาก โดยที่ร่างสูงยังไม่ถอดแก่นกายออกจับใบหน้าที่นอนตะแคงปัดไรผมที่ปกปิดก่อนที่จะก้มลงไปหอมแก้มนวล น้ำตาที่ไหลออกมาจากตาทั้งสองข้างเปรอะเต็มใบหน้า รู้สึกคิดถึงจนจับหัวใจ ทันทีที่เห็นหน้าก็ควบคุมร่างกายไม่ได้ ต้องเข้าไปกอดและรั้งตัวไว้ไม่ให้ไปไหน
“เป็นหนึ่งหายไปไหนมา คนที่จับตัวเป็นหนึ่งไปมันทำอะไรบ้าง แล้วเป็นหนึ่งหนีมาได้ยังไง รู้ไหมพี่ตามหาเราขนาดไหน ไอ้ผู้ชายคนนั้น พี่จะไปเอาเลือดหัวมันออก” แม็คพูดด้วยสีหน้าที่โกรธ
เป็นหนึ่งหันมามองหน้าร่างสูง
“อย่านะ! อย่าทำอะไรเขา...อ๊ะ!” เป็นหนึ่งร้องเมื่อแม็คถอดแก่นกายที่ยังค้างอยู่โดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว จับแขนร่างบางให้ลุกขึ้นนั่งจนรู้สึกเจ็บ เป็นหนึ่งมองหน้าคนร่างสูงอย่างไม่เข้าใจ
“ได้กับมันแล้วไงถึงได้ออกตัวปกป้อง” แม็คตะคอก
“ปล่อย ผมเจ็บ”
“ก็ตอบมาก่อน ไปรู้จักมันได้ยังไงมันถึงได้มาช่วย”
“พี่แม็ค ฟังผมก่อน พี่ครับ...ฮึก”
“อ้อ ที่หายไปก็ไปอยู่กับมันมาใช่ไหม ฮะ! เป็นไงล่ะ ลีลามันเด็ดหรือไงถึงได้ติดใจ รักมันชอบมันใช่ไหม ถึงได้หนีพี่ไป...ตอบมา!” แม็คยิ่งหัวเสีย โกรธที่ร่างบางเห็นคนอื่นดีกว่า ทั้งๆ ที่ออกตามหาด้วยความเป็นห่วงแต่ทำไมถึงไปอยู่กับอีกคน
“ใช่! ผมไปอยู่กับเขามาแล้วยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับพี่ เขาไม่เหมือนพี่ที่คอยแต่ทำร้ายผม เขาดีกับผมทุกอย่างจนผมติดใจเลยล่ะ”
“หึ เป็นหนึ่งคิดเหรอว่าจะหนีพี่ไปง่ายๆ ในเมื่อร่านนักพี่ก็จะสนองให้อยากมากทำไมไม่บอกพี่จะจัดเต็มให้ทุกอย่างเลย” แม็คพูดอย่างสกัดกลั้นความโกรธ มุมปากยกยิ้มขึ้น จ้องมองร่างบางตรงหน้า
“อย่าพี่แม็ค พี่จะทำอะไร ปล่อย!”
“พี่ก็จะล้างตัวให้เราไง...เป็นหนึ่งเมียรัก”
แม็คยกยิ้มที่มุมปากอีกครั้งก่อนที่จะกดตัวเป็นหนึ่งลงไปนอนอยู่กับพื้นอีกครั้ง
น้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มเปรอะไปทั่วใบหน้า เจ็บไปทั้งตัวที่ถูกกระทำ บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำของแม่ถูกทำให้แปดเปื้อนโดยไม่มีชิ้นดี ถูกพาเข้ามาในห้องนอนตัวเองเสพสมความสุขจนเต็มอิ่มกับอีกคนที่เจ็บปวด ทันทีที่ทำกิจกรรมเสร็จแม็คก็ล้มตัวลงนอนข้างกายโอบกอดคนร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมแขน อาจเป็นเพราะเหนื่อยที่ต้องใช้แรงมากจึงหลับไปง่ายดาย
เป็นหนึ่งยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก ขยับตัวอย่างเบาที่สุดจับแขนใหญ่ที่พาดตัวให้ออกห่าง สะอื้นเบาๆ ในลำคอด้วยกลัวว่าร่างสูงจะตื่น มองดูสภาพตัวเองที่สุดแสนจะเกินทน สองขาสั่นๆ พาตัวเองลงจากที่นอนฝืนตัวไม่ให้ล้มแล้วเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าที่แทบจะหมดสภาพ ก่อนที่จะลงมือใส่แม้จะเจ็บไปทุกส่วนของร่างกายแต่ก็ต้องทำ
สองมือสั่นพยายามหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าที่อยู่ข้างตัวอย่างเร็ว กดโทรออกไปยังปลายสายเพื่อขอความช่วยเหลือ ได้แต่ภาวนาขอให้ปลายสายได้ยินเสียงสักทีแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีท่าทีที่ใครจะรับจึงกดวางสายไป
เป็นหนึ่งกำโทรศัพท์ไว้แน่น จากนั้นก็พยายามคุ้นคิดหาวิธีขอความช่วยเหลือ เปิดโทรศัพท์ขึ้นอีกครั้งกดส่งข้อความทันที
‘พี่เคียว ช่วยด้วย’
*********************************
ทันทีที่เห็นสายโทรเข้ามาและข้อความเข้าของน้องชาย เคียวและขุนแผนก็รีบออกมาจากคอนโดและตรงดิ่งมาที่บ้านแม่ของเป็นหนึ่งทันที แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าของตัวบ้าน ประตูที่ไม่ได้ถูกล็อกกลอนจึงเปิดเข้าไปได้หวังอย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับคนตัวเล็ก แยกย้ายเดินหาทั่วบ้านแต่ก็ไม่เจอจนกระทั้ง สังเกตเห็นรอยเปื้อนที่พื้นบ้าน คราบน้ำสีขาวที่คุ้นเคยเลอะไปทั่วจนทำเอาเคียวแทบจะลมจับ ใจสั่นอย่างรู้สึกได้ความกลัวเริ่มเข้ามาจนทำอะไรไม่ถูก
“เคียว”
เสียงเรียกของขุนแผนดังขึ้นมา เคียวจึงละตัวออกมาเดินไปตามเสียงเรียกเห็นขุนแผนยืนหน้าซีดอยู่ในห้องๆ หนึ่ง สิ่งที่เห็นก็แทบจะไม่แตกต่างกับภายนอกผ้าผืนสีขาวที่คลุมเตียงยับยู่ยี่รอยเปื้อนน้ำสีขาวและเดือดเป็นดวงเปรอะทั่วที่นอนกระเป๋าและโทรศัพท์ที่ถูกรื้อกระจาย เคียวได้แต่อึ้งจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก นึกโทษตัวเองที่ไม่ได้มาด้วยจนทำให้เกิดเรื่อง
“โธ่เว้ย!”
เคียวสบถเสียงดังจนขุนแผนสะดุ้งตัวตาม มองไปยังร่างสูงที่กำลังกุมขมับตัวเองเพราะความเครียด ซึ่งไม่ต่างจากตัวเองที่รู้สึกไม่ต่างกันคนคนเดียวที่คิดได้ในตอนนี้ คนที่ทำเรื่องแบบนี้กับเป็นหนึ่งจะเป็นใครไม่ได้
หลังจากที่กลับมาถึงคอนโดได้ไม่นาน แม็คมองที่เป็นหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่เตียงอย่างคนกลัวจับจิตห้องเดิมที่เดิมที่เคยอยู่ ภาพเหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมาในหัวขึ้นมาทันที ถูกซ้อมถูกข่มขืนถูกกังขังไม่สามารถที่จะไปไหนได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัวและเป็นกังวลจนทำอะไรไม่ถูก สองมือสั่นกำแน่นน้ำตาเริ่มไหลลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้
เสียงรอสายที่ดังขึ้นเหลือบมองไปยังคนตัวเล็กที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่บนเตียง สายตาที่มองไปรอบห้องอย่างหวาดระแวง
แม็คยกยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะขึ้นไปจับคนตัวเล็กให้มาอยู่ในอ้อมอก เขาเลื่อนมือเข้าไปในเสื้อเชิ้ตสีอ่อนของคนในอ้อมแขน แล้วเลื่อนไปจับที่หน้าอกของร่างบางคลึงไปทั่วจนเป็นหนึ่งรู้สึกสะท้าน จากนั้นก็เลื่อนมือลงไปที่กางเกงค่อยๆ รูดซิปกางเกงลง แล้วจับไปที่แก่นกายให้ออกมาสู่โลกภายนอก จนเป็นหนึ่งต้องร้องห้าม
“พี่แม็ค! อย่า”
“ถ้าอยากให้อีกคนรู้ว่าเรากำลังทำอะไรก็ร้องออกมาดังๆ”
แม็คกระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะตัดสินใจรับสาย เป็นหนึ่งตาโตกับสิ่งที่ได้ยิน รู้ว่าแม็คไม่ได้ขู่แต่ทำจริงๆ
“ไงวะ…ขุนแผน”
ร่างสูงพูดพร้อมจับคลึงไปทั่ว จนร่างบางแทบจะปล่อยเสียงออกมา แต่ก็นำมือมาปิดปากไว้ทัน ได้แต่ครางในลำคออย่างกลั้นอารมณ์
[แม็คมึงอยู่ไหน]
“กูอยู่ที่คอนโด ทำไมวะ”
[เปล่า...แค่ถามเฉยๆ เห็นมึงบอกว่าจะกลับบ้านใหญ่ กูเลยโทรมาดูอาการมึง]
“ก็เหมือนจะรักกันดีตามปกติ ไม่มีไรมาก” แม็คพูดด้วยน้ำเสียงปกติ เขารู้ว่าขุนแผนถามเรื่องความสัมพันธ์กับพ่อ แน่นอนว่ามันตรงข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขากับพ่อไม่ลงรอยกันเท่าไหร่นัก
[แล้วมึงไปไหนอีกไหมวะ หลังจากที่ออกมาจากบ้านน่ะ]
“เออ กูออกไปข้างนอกมา กูเบื่อเลยไปเดินเล่น เจอของถูกใจเลยเอากลับมาบ้านด้วย...มึงมีอะไรวะ ถามกูจัง”
แม็คถามอีกฝ่ายแต่ก็ยังไม่ล่ะมือออกจากตัวของเป็นหนึ่ง ร่างบางกัดฟันทนที่จะไม่ส่งเสียงร้องออกมาร่างทั้งร่างกำลังสั่นสะท้านไปทั่ว สัมผัสที่ร่างสูงมอบให้แม้ว่าจะรังเกียจและกลัวแต่ร่างกายกลับตอบรับโดยที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ยิ่งแม็คสาวมือขึ้นลงเร็วเท่าไหร่เป็นหนึ่งก็แทบสะท้านทุกครั้ง
[กูแค่ถามเฉยๆ แค่นี้แหละ]
ทันทีที่แม็ควางสายไปสองมือที่ปิดปากตัวเองแน่นสนิทเริ่มผ่อนคลายก่อนที่จะละมือออกมาจากปาก แล้วฟุบไปที่หน้าอกของร่างสูงอีกครั้งอย่างเหนื่อยหอบ
แม็คหยุดการกระทำตัวเองทันทีด้วยกลัวว่าจะไม่สามารถหยุดตัวเองได้เนื่องจากท่าทางและน้ำเสียงที่ครางเบาๆของเป็นหนึ่ง มองคนตรงหน้าด้วยสายตาหวงแหน โอบกอดจากด้านหลังแล้วก้มหน้าลงหัวไหล่กดจูบอย่างแผ่วเบาจนรุนแรง เป็นหนึ่งเม้มปากแน่นกลั้นเสียงร้องจนแม็คผละหน้าออกมองผลงานตัวเองที่ดูดเป็นรอยจ้ำแดงตรงคออย่างพอใจ ก่อนที่จะกระซิบข้างหูอีกครั้ง
“คราวนี้พี่จะไม่ให้ใครมาพรากเป็นหนึ่งไปอีก เป็นหนึ่งต้องอยู่กับพี่ อย่าไปไหนอีกนะ”
คำพูดที่ดูสวยหรูถูกเอ่ยออกมาจากปากของคนร่างสูง สายตาและใบหน้าส่งยิ้มมาให้แต่ผิดกับการกระทำอย่างชัดเจนน้ำตาไหลพรากลงมาอาบหน้าเหตุการณ์เดิมๆ กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ฝันร้ายกำลังจะตามมาหลอกหลอนยิ่งคิดก็ยิ่งกลัวยิ่งไม่อยากเจอได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นในลำคอ ดวงตาปิดสนิทไม่อาจฝืนลืมตามองร่างสูงได้เพราะผ่านการร้องไห้มานานจนขอบตาช้ำและหนักอึ้ง
“พี่จะทรมานผมไปทำไม ในเมือพี่ก็ได้แก้แค้นไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่ มันไม่เกี่ยวแล้ว”
“ผมเจ็บ พี่ทำร้ายผม ตบตีผม ข่มขืนผม ผมไม่อยากอยู่แบบนี้ ผมกลัว”
“ถ้าพี่ไม่ทำร้ายเป็นหนึ่ง เป็นหนึ่งก็ไม่หนีพี่อีกใช่ไหม”
“พี่อย่าทำอย่างนี้ ถ้าพี่ไม่เห็นคุณค่าของผมพี่ก็ปล่อยผมไปเถอะ ขอร้อง...”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น พี่คงไม่ตามหา...ถ้าไม่รู้สึกอะไร...พี่”
‘รักเป็นหนึ่ง’
แม็คยังไม่ทันที่จะเอ่ยคำที่คิดออกมาก็ต้องเปลี่ยนคำพูดจับร่างบางให้หันมาประชัดหน้าที่ตน ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาของอีกฝ่ายทำให้ร่างสูงใจกระตุกวูบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกใจหายและปวดตรงหน้าอกที่เห็นคนตัวเล็กร้องไห้
“เป็นหนึ่งเป็นของๆ พี่ เป็นเมียของพี่ ก็ต้องอยู่กับพี่ห้ามหนีเด็ดขาด! ถ้าคิดหนีอีกคราวนี้อย่าหวังจะได้ออกไปข้างนอกแม้แต่ก้าวเดียว รวมทั้งไอ้คนที่มันคิดจะมาช่วยเป็นหนึ่ง พี่ก็จะทำให้มันตายทั้งเป็น”
“พี่แม็ค”
“บอกมา! คนที่เป็นหนึ่งขอความช่วยเหลือมันเป็นใคร แล้วมันเป็นอะไรกับเป็นหนึ่ง”
“พี่แม็ค ขอร้องเถอะครับอย่าทำอย่างนี้กับผม อย่าทำร้ายเค้าเลยนะครับ”
“เป็นห่วงมันมากเหรอ!”
แม็คผละตัวออกมาจากคนตัวเล็ก จับไปที่ไหล่ทั้งสองข้างแน่นถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธมองไปที่เป็นหนึ่งด้วยอารมณ์หลากหลาย ทั้งโกรธ ทั้งหวง ทั้งห่วงและหึง คิดว่าเป็นหนึ่งมีใจให้กับอีกคนจึงได้แต่คอยวิ่งหนีอยู่ตลอดเวลา
“ผมเป็นห่วงพี่เคียว ผมรักพี่เคียวมันก็ไม่เกี่ยวกับพี่แม็ค มันเป็นสิทธิ์ของผมที่จะรักใครชอบใครก็ได้ ผมเกลียดพี่แม็ค ฮึก เกลียดที่พี่ทำร้ายผม”
“หึ พี่ไม่เคยขอให้เป็นหนึ่งมารัก ยังไงซะเป็นหนึ่งก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียของคนที่เกลียด ต่อให้ต้องเจ็บปวดเจียนตาย! พี่ก็ไม่มีวันปล่อยให้เป็นอิสระ...จำไว้!”
เป็นหนึ่งร้องไห้โฮด้วยความเจ็บช้ำ คิดถึงครอบครัวที่เพิ่งได้มาคิดถึงความสุขที่เพิ่งได้รับ เพียงแค่เดือนเดียวที่สัมผัสแต่กลับทำให้รู้สึกอบอุ่นแต่กลับต้องมาฝันร้ายอีกครั้งร่างทั้งร่างถูกตรึงให้แนบกับที่นอน เป็นหนึ่งดิ้นพล่านให้หลุดพันธนาการแต่ก็ไม่เป็นผล เบือนหน้าหนีอีกคนที่กำลังก้มหน้ามาจูบทำให้ร่างสูงเห็นซอกคอสีขาวเต็มตา
แม็คหยุดชะงักเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้าร่างกายกำลังสั่นอย่างแรงเพราะความกลัว น้ำตาที่ไหลไปทั่วใบหน้าขาว ปากที่ถูกเม้มจนแดงห้อเลือดกลั้นเสียงร้องสะอื้น เห็นร่างบางกำลังทรมานก็รู้สึกเจ็บไปที่หน้าอกด้านซ้าย จนทำอะไรไม่ถูกก่อนที่จะหยุดการกระทำทั้งหมด แม็คเลื่อนริมฝีปากไปจูบที่แก้มเบาๆ ก่อนที่จะพละตัวลุกออกมาแล้วเดินออกจากห้องไป
เป็นหนึ่งหลับไปแล้ว แม็คก็เดินกลับมาในห้องอีกครั้ง แม็คนั่งลงข้างคนหลับ เขามองใบหน้าเป็นหนึ่งอยู่นาน กอดกระชับไว้กับแขนแกร่ง ก้มลงจูบที่หน้าผากเบาๆ ก่อนที่จะหลับตาลงสู่นิทราพร้อมกับคนในอ้อมกอด