ผ่านไป 1 อาทิตย์
เธอกลับไปกรุงเทพฯครบ 1 อาทิตย์แล้ว พอเธอไม่อยู่ผมก็รู้สึกแปลกๆ กระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก จะติดต่อไปหาก็ไม่มีทั้งเบอร์ทั้งไลน์ แล้วก็ไม่กล้าไปขอพี่กฤษด้วย
“สิน เดินไปเดินมาอยู่ได้ แม่มึนหัวไปหมดแล้วนะ”
“ผมขอโทษครับ ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”
“คิดอะไร...?แม่เห็นเป็นแบบนี้มากลายวันแล้วนะ ตั้งแต่หนูมนกลับกรุงไทพฯไป”
“แม่ดูออกขนาดนั้นเลยหรอครับ...?”
ผมตกใจที่ผมแสดงออกชัดขนาดที่แม่ต้องพูดเลยหรอ
“ชอบหนูมนหรอ...?”
“เปล่าครับ...”
“อย่ามาโกหกแม่ ชอบก็บอกว่าชอบ”
“ผม...”
ผมนั่งลงนิ่งๆแล้วมองหน้าแม่อย่างคิดๆ
“แล้วแม่ของสายใจละ...สินยังติดต่อกับเธออยู่ไหม แม่อยากจะถามมาตั้งนานแล้ว...?”
“คือว่า...”
“แม่ไม่เคยถามสินเรื่องนี้เลย เพราะคิดว่าถ้าสินจะเล่าสินคงเล่าเอง...แต่แม่กลัวว่าถ้าวันหนึ่งสายใจโตขึ้นเขาก็ต้องถามถึงแม่เขา”
“ผมขอโทษครับ ที่ผมไม่เคยพูดเรื่องแม่ของสายใจให้แม่ฟังเลย...”
“สินยังไม่เลิกกับเธอใช่ไหม...?”
“ที่จริงแล้วผมกับแม่ของสายใจเราไม่ได้เป็นอะไรกันครับ ผมเผลอไปมีอะไรกับเธอจนเธอท้อง แล้วพอเธอคลอดลูกเธอก็หายตัวไป...”
“แล้วที่สินพาสายใจไปกรุงเทพฯ แล้วบอกแม่ว่าพาลูกไปหาแม่เขา สินโกหกแม่หรอ...?”
“ครับ...จริงๆแล้วผมพาสายใจไปหาหมอ เอ่อ....สายใจคลอดก่อนกำหนดแล้วก็มีโรคประจำตัวเป็น...โรคลิ้นหัวใจตีบครับ...”
“อะไรนะ...?”
“ผมก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เองครับ ผมไม่อยากให้แม่กังวลเรื่องหลาน แล้วก็ไม่อยากให้แม่เครียดด้วย...”
“ผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นคนยังไงกัน ถึงได้ทิ้งลูกตัวเองทั้งที่ยังป่วยไปแบบนี้...”
“อย่าโทษเธอเลยครับ ความผิดทุกอย่างเป็นเพราะผมเองที่ไม่รู้จักป้องกัน เธอถึงตั้งท้องโดยไม่ตั้งใจ...”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้วสินไปยุ่งกับเธอได้ยังไง...?”
“อย่าไปพูดถึงเธอเลยครับ ผมไม่ได้ติดต่อเธอแล้วตั้งแต่ที่เธอทิ้งลูกผมไป...”
ผมนิ่งไปเมื่อนึกถึงอ้อม ผมจะบอกแม่ได้ยังไงว่าแม่ของสายใจคืออ้อมภรรยาของไอ้ณะเพื่อนสนิทผม
“โถ...หลานย่า...ย่าจะดูแลหนูให้ดีที่สุด หนูจะต้องเข้มแข็งแล้วก็โตมาเป็นเด็กที่แข็งแรงนะลูก...”
แม่ผมก้มหน้าไปมองสายใจที่นอนหลับอยู่ในเปลอย่างดูน่าเอ็นดู
“แล้วเรื่องหนูมนละ สินจะทำยังไง...?”
“อะไรครับ...?”
“หนูมนเขาบอกชอบสิน แต่หนูมนเข้าใจว่าสินยังไม่เลิกกับเมีย สินจะบอกความจริงกับหนูมนไหม...?”
“ผม...”
“แม่ชอบหนูมนนะ แม่รู้สึกถูกชะตากับหนูมนอย่างบอกไม่ถูก...”
ผมมองหน้าแม่แล้วก็คิดตามที่แม่พูด
“หน้าตาของหนูมนเหมือนเพื่อนสินคนหนึ่งชื่ออะไรนะ ที่เขาเคยมาไร่ของเรา...?”
ผมมองหน้าแม่แล้วก็คิดตาม
“แม่นึกออกแล้ว ณะไง...ณพลที่เป็นเพื่อนสนิทของสิน หน้าหนูมนเหมือนณะเพื่อนของสินเลย...”
“...”
“ทำไมณะไม่เห็นมาเยี่ยมสินที่ไร่เลย แม่ก็เห็นว่าสนิทกันมาตั้งแต่เรียน ...?”
“เอ่อ...ผมก็ไม่ทราบครับ ผมไม่ได้ติดต่อไอ้ณะนานแล้ว...”
“เอาไว้ลงไปกรุงเทพฯ ชวนณะขึ้นมาเชียงใหม่มาทานข้าวที่ไร่เราอีกสิ ป่านนี้เมียคงคลอดลูกโตไปหลายคนแล้วมั้ง...”
“ครับ...ผมจะลองชวนดู”
....
2 อาทิตย์ ผ่านไป
กรุงเทพฯ
ผมลงมากรุงเทพฯเพื่อพาสายใจลงมาหาหมอ แต่รอบนี้แม่ผมขอติดมาด้วย เพราะอยากถามรายละเอียดของอาการหลานด้วยความเป็นห่วง ผมเดินออกมาหน้าโรงบาลแล้วก็หันไปเห็นใครคนหนึ่งเดินยิ้มเข้ามาทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณน้า...”
“อ้าว...หนูมน”
ผมเห็นเธอแล้วก็รู้สึกอึ้งๆไปเหมือนกัน แล้วใจผมก็เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
“น้าดีใจนะที่หนูมนมา...”
“คุณน้าลงมากรุงเทพฯทั้งที แถมยังอุตส่าห์โทรชวนมนมาทานข้าวอีก มนไม่พลาดแน่นนอนค่ะ...”
“ขอบคุณนะ ที่มาทานข้าวเป็นเพื่อนน้า...”
“แล้วน้องสายใจเป็นยังไงบ้างค่ะ...?”
“เอ่อ...ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ก็แค่มาหาหมอปกติแบบนี้อยู่แล้ว...”
ผมรีบชิงตอบก่อนเพราะไม่อยากให้เธอมารับรู้เรื่องอะไรมากมายในครอบครัวผม
“คุณน้าไปทานข้าวกันเลยไหมคะ...?”
เธอไม่คุยกับผมแต่หันไปคุยกับแม่ผมแทนจนผมหงุดหงิด
“เอ่อ...ไปกันเลยก็ได้จ่ะ..น้าก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
“มนขอติดรถไปด้วยนะคะ พอดีมนไม่มีรถนะคะ...”
“ได้จ่ะ...”
เธอนั่งรถมาด้วยกันกับพวกเรา แม่ผมให้เธอนั่งหน้าคู่กับผม แต่เธอก็ไม่คุยกับผมสักคำแต่เลือกที่จะหันหน้าไปคุยกับแม่ผมแทน
“เลี้ยวซ้าย หรือ เลี้ยวขวา...?” ผมถามเธอ
“ขวาค่ะ...”
“แล้วตรงไปอีกไกลไหม...?”
“Goolgle Maps ก็มีดูเองสิคะ...”
“ก็ไม่อยากดู มันดูแล้วงงๆก็เลยถาม...”
“ตรงไปอีก 1 โล ร้านอยู่ทางซ้ายค่ะ...”
เธอตอบผมแค่นั้นแล้วก็นั่งหันหน้าไปนอกหน้าต่างหนีผม
ตลอดเวลาที่นั่งทานข้าวด้วยกันบนโต๊ะ เธอก็เอาแต่คุยกับแม่ผมแล้วก็เล่นกับสายใจ เหมือนบนโต๊ะนี้ไม่มีผมอยู่ด้วย จนถึงเวลากลับโรงแรม
“นี่โรงแรมของคุณน้าหรอคะ...?”
“ใช่จ่ะ..”
“งั้นเดี๋ยวมนนั่งแท็กซี่กลับบ้านไปต่อเองค่ะ...”
เธอลงจากรถแต่ผมเดินมาดักหน้าเธอไว้
“ผมไปส่งคุณเอง...แม่พาหลานขึ้นไปบนห้องก่อนนะครับ ผมขอไปส่งคุณมนก่อน...”
“ไม่เป็นไรค่ะ มนกลับ...”
“ผมจะไปส่งคุณเอง ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ...”
....