จวนแม่ทัพหาน แคว้นต้าจิ้ง
แม่ทัพหานเสวี่ยนอู้ตวัดตัวลงจากหลังอาชาเดินเข้าสู่จวนแม่ทัพใหญ่โตโอ่อ่า โดยมีขบวนทหารใต้บัญชาการตั้งแถวรั้งอยู่ด้านหน้าประตูจวน หลังจากที่แม่ทัพหานชนะศึกอย่างเกรียงไกรในแดนเหนือ เมื่อเคลื่อนพลพากองทัพเดินทางกลับมารายงานผลการศึกถวายองค์จักรพรรดิเสร็จสิ้น จึงรีบเดินทางกลับจวนทันทีด้วยความคิดถึงครอบครัวสุดหัวใจ
ด้านในจวนนั้นมีฮูหยินหานผู้เป็นภรรยา หานซิ่นหลินธิดาคนโตวัยสิบสองปี และหานหยางซวีบุตรชายวัยสิบขวบ ตั้งแถวรอรับอยู่เบื้องหน้าด้วยใบหน้าปีติยินดี
“ยินดีต้อนรับท่านพี่กลับจวนเจ้าค่ะ” ฮูหยินหานก้าวออกมากล่าวต้อนรับสามีด้วยรอยยิ้มงดงาม
“ข้าไปรบหลายเดือนให้ฮูหยินดูแลความเรียบร้อยในจวนเพียงลำพังลำบากเจ้าแล้ว”
แม่ทัพหานกุมมือภรรยากล่าวอ่อนโยน เนื่องด้วยแม่ทัพหานไม่รับอนุภรรยา ทำให้หน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในจวนเป็นของฮูหยิน หานแต่เพียงผู้เดียว ก่อนจะเลยไปตบไหล่กล่าวทักทายบุตรชายคนเล็ก
“เจ้าโตขึ้นมากทีเดียวซวีเอ๋อร์ ช่วงที่พ่อไม่อยู่ เจ้าดูแลท่านแม่และพี่สาวเจ้าดีหรือไม่”
“ข้าดูแลท่านแม่และพี่สาวอย่างดี ท่านพ่อวางใจได้ อีกไม่กี่ปีข้าก็ติดตามท่านพ่อไปกองทัพได้แล้ว”
“ดี! ดีมาก” แม่ทัพหานยิ้มกริ่มภูมิใจในตัวบุตรชาย เสร็จแล้วจึงเดินเข้าไปเอื้อมมือกอบกุมใบหน้างามพิลาสของบุตรสาวคนโตผู้เป็นที่รักของเขาอย่างแสนคิดถึง
“พ่อคิดถึงเจ้าเหลือเกินหลินเอ๋อร์”
“ข้าก็คิดถึงท่านพ่อมากเช่นกันเจ้าค่ะ และข้ายินดีอย่างยิ่งกับชัยชนะของท่านพ่อในครั้งนี้”
หานซิ่นหลินยิ้มละมุนยกมือขึ้นกุมลงไปบนหลังมือของบิดา นางรู้ดีว่าบิดารักนางมากเพียงใด ซึ่งนางเองก็รักบิดามากเช่นกัน
“เป็นเพราะเจ้าคือธิดาผู้นำโชคดีมาสู่พ่อ”
“เชิญท่านพ่อด้านในเถิดเจ้าค่ะ พวกเราเตรียมอาหารเลิศรสมากมายรอต้อนรับท่านพ่อ”
“เช่นนั้นก็เข้าด้านในกันเถิด” แม่ทัพหานกล่าวจบก็โอบประคองธิดาสาวเข้าเรือนไป โดยมีฮูหยินหานโอบประคองไหล่บุตรชายตามเข้าไปไม่ห่าง ทุกคนในจวนต่างรู้ดีว่าแม่ทัพหานรักและโปรดปรานธิดาคนโตเป็นอย่างยิ่ง ได้แต่ยิ้มให้กับภาพความน่าเอ็นดูนั้น ด้านหานหยางซวีไม่รู้สึกว่าบิดาลำเอียงสักนิด เพราะเด็กชายเองก็รักและติดพี่สาวมากเช่นกัน
ระหว่างทางแม่ทัพหานพลางหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต...
ธิดาของเขาหานซิ่นหลินเกิดยามราตรีแรกหิมะโปรยในเหมันต์ฤดู แรกคลอดออกมาก็เป็นทารกเพศหญิงที่มีใบหน้างดงามพิลาสล้ำ ตรงกลางหน้าผากปรากฏปานรูปเปลวเพลิงสีแดง แค่เพียงปานงดงามบนหน้าผากอย่างเดียวก็แล้วไปเถิด สำคัญเรือนผมของคุณหนูใหญ่ตระกูลหานยังเป็นสีเงินพร่างพราวมาตั้งแต่แรกกำเนิด แตกต่างทารกมนุษย์ทั่วไปโดยสิ้นเชิง
ที่แปลกประหลาดยิ่ง ข้อมือข้างขวาน้อยๆ นั้นปรากฏเป็นปานแดงล้อมรอบหกวงคล้ายสวมกำไล เมื่อทารกน้อยหานซิ่นหลินอายุครบเจ็ดวันปานแดงรอบข้อมือวงหนึ่งก็จางหายไป และพอนางเจริญแก่วัยขึ้นอายุครบสิบขวบปานแดงรอบข้อมืออีกวงหนึ่งก็จางหายไป เหลือแค่เพียงริ้วรอยปานรอบข้อมืออีกเพียงสี่วง คราแรกฮูหยินหานก็ตระหนกยิ่งนัก ด้วยไม่ต้องการให้บุตรสาวมีริ้วรอยเป็นตำหนิ แต่เมื่ออยู่ในร่มผ้าแขนเสื้อบดบัง ประกอบกับบุตรสาวก็หาได้กังวลใจ ฮูหยินหานจึงวางใจลงได้
นางเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงเกินเด็กหญิงทั่วไป ทำให้แม่ทัพหานผู้เป็นบิดาเชื่อเหลือเกินว่าบุตรสาวของตนเป็นเทพเซียนลงมาถือกำเนิด และจะนำโชคดีมาสู่ครอบครัวเขา จึงตั้งชื่อบุตรสาวตนโตนามว่าซิ่นหลิน ให้พ้องกับนามธิดาแห่งมหาเทวะสงคราม ทวยเทพที่แม่ทัพหานเคารพบูชาอย่างยิ่งสักการะกราบไหว้ทุกวัน
แล้วความเชื่อของแม่ทัพหานก็เป็นจริง นับตั้งแต่หานซิ่นหลินถือกำเนิดมาจวบจนตอนนี้นางอายุสิบสองปี ไม่ว่าแม่ทัพหานจะออกรบทำศึกสงครามใด แม่ทัพหานไม่เคยปราชัยแม้แต่ครั้งเดียว ทุกสงครามที่เขาเป็นผู้นำทัพออกรบจะได้ได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่เสมอ ทำให้แม่ทัพหานเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิแคว้นต้าจิ้งเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเลื่อนขั้นอวยยศและมอบของพระราชทานมากมาย จนชื่อเสียงความเก่งกาจเกรียงไกรของแม่ทัพหานผู้มีธิดาเรือนผมสีเงินเสริมอำนาจบารมีให้แก่บิดาขจรไปไกล แม่ทัพหานยิ่งรักธิดาผู้นี้สุดหัวใจ
ครอบครัวของแม่ทัพหานเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นที่ริษยาขัดตาเหล่าขุนนางฝ่ายตรงข้ามอยู่ไม่น้อย จนมีข่าวลือถูกปล่อยออกมาเป็นระลอกว่าธิดาผมสีเงินของแม่ทัพหานนั้นหาได้เป็นธิดานำโชคดีผู้มีบุญวาสนาสูงส่งมาถือกำเนิด แต่เป็นนางปีศาจจำแลงแปลงกาย
ได้ยินข่าวลือเช่นนั้นแม่ทัพหานโกรธเกรี้ยวแต่เพียงผู้เดียวก็แล้วไปเถิด แต่เขาไม่ต้องการให้ผู้เป็นธิดาต้องเศร้าเสียใจในคำใส่ร้ายป้ายสีนี้ จึงส่งเทียบเชิญหลวงจีนอาวุโสจากราชสำนักในวังหลวงผู้สนิทสนมกันดียิ่ง ให้เข้ามาทำนายดวงชะตาธิดาสาวถึงจวน
ผลทำนายจากปากหลวงจีนอาวุโสยิ่งทำให้แม่ทัพหานรักธิดาสาวผู้นี้มากขึ้นไปอีก หลวงจีนอาวุโสทำนายว่าหานซิ่นหลินเป็นผู้มีวาสนาบารมีสูงส่งมาถือกำเนิด จะนำความโชคดีในทุกด้านมาสู่ครอบครัวและแผ่นดินเกิด ที่สำคัญยิ่งนางมีดวงชะตาหงส์สูงส่งถึงขั้นเป็นมารดาแห่งแผ่นดิน คำทำนายจากหลวงจีนอาวุโสนี้เองนับเป็นการปิดฉากข่าวลือเรื่องหานซิ่นหลินเป็นนางปีศาจจำแลงไปได้อย่างหมดจด
นอกจากหานซิ่นหลินจะงดงามปานล่มเมืองแล้ว นิสัยของนางยังสดใสร่าเริงและอ่อนโยนชวนให้ผู้คนที่อยู่ใกล้รักใคร่ถนอม อยู่ในกรอบเชื่อฟังบิดามารดา ไม่ชอบมีเรื่องราวกับผู้ใด ทำให้แม่ทัพหานผู้เป็นบิดายิ่งรักและภาคภูมิใจ พาติดตามเข้านอกออกในวังหลวงบ่อยครั้ง
ความงดงามและความสดใสอ่อนโยนของหานซิ่นหลินนี่เอง ทำให้นางเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิ และเป็นที่ต้องตาต้องใจองค์รัชทายาทเทียนโย่วผู้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากองค์จักรพรรดิต้าจิ้ง อันมีอายุมากกว่าหานซิ่นหลินถึงเจ็ดปี ทำให้จวนแม่ทัพหานทำการต้อนรับองค์ รัชทายาทเทียนโย่วแทบเรียกได้ว่าวันเว้นวัน หนำซ้ำยังส่งของกำนัลมากมายมาเอาใจคุณหนูใหญ่ตระกูลหานมิได้ขาด สำคัญยิ่งหลังจากองค์จักรพรรดิทราบคำทำนายของหลวงจีนอาวุโสแล้ว ก็ยิ่งส่งเสริมองค์ชายรัชทายาทมากกว่าเดิม
หลังจากแม่ทัพหานเสวี่ยนอู้ชนะสงครามแดนเหนือมาได้เพียงสิบวัน องค์รัชทายาทเทียนโย่วก็ได้นั่งเกี้ยวราชวงศ์หลังใหญ่เสด็จมายังจวนแม่ทัพหาน ครั้งนี้ไม่ได้มาหาคุณหนูใหญ่ของตระกูลแต่อย่างใด แต่มาขอพบแม่ทัพหานเป็นการส่วนตัวเพื่อแจ้งให้ทราบว่า พระองค์ได้ทูลขอให้องค์จักรพรรดิพระราชทานสมรสให้แก่พระองค์และหานซิ่นหลิน อีกเพียงไม่กี่วันก็จะออกราชโองการเรียกแม่ทัพหานเข้าไปรับทราบ แต่องค์รัชทายาทต้องการเสด็จมาแจ้งให้ทางฝ่ายแม่ทัพหานทราบความล่วงหน้าก่อน
แม่ทัพหานและฮูหยินแสนยินดีและเป็นเกียรติยิ่งนัก เพียงแต่ไม่รู้ว่าธิดาสาวของตนคิดเห็นเช่นไร ช่วงค่ำหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จสิ้น แม่ทัพหานจึงเรียกหานซิ่นหลินให้มาพบที่ศาลากลางสวน
“ท่านพ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับลูกหรือเจ้าคะ”
หานซิ่นหลินเอ่ยถามบิดาหลังจากที่รินน้ำชายื่นส่งเอาใจบิดาไปแล้วจอกหนึ่ง ทุกท่วงท่าของเด็กสาวงดงามชวนมองอย่างยิ่ง ลักษณะของนางสุขุมเยือกเย็นดูโตเกินกว่าเด็กสาวอายุสิบสองปีมากนัก
“หลินเอ๋อร์ ที่พ่อเรียกเจ้ามาในวันนี้ พ่อมีเรื่องต้องแจ้งแก่เจ้าให้รับรู้”
“เรื่องอะไรเจ้าคะ”
สังเกตจากสีหน้าเคร่งขรึมของบิดาและมารดา หานซิ่นหลินพอจะเดาได้ว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
“องค์จักรพรรดิมีราชโองการพระราชทานสมรสแก่เจ้าและองค์รัชทายาทเทียนโย่ว พ่อเลยมาถามเจ้าว่าคิดเห็นอย่างไร ฝืนใจเจ้าหรือไม่ เจ้ามีใจชอบพอต่อองค์รัชทายาทหรือไม่ หากเจ้าไม่เต็มใจพ่อจะกราบทูลทัดทานให้”
แม่ทัพหานกลั้นใจเอ่ยออกไป
ความจริงแล้วเขาดีใจเป็นอย่างยิ่งกับราชโองการนี้ ธิดาของเขามีวาสนาสูงส่งได้เข้าพิธีอภิเษกเป็นชายาองค์รัชทายาท นั่นเท่ากับว่าในกาลข้างหน้าธิดาของเขาอาจมีวาสนาได้เป็นถึงฮองเฮาแห่งแคว้นต้าจิ้ง แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบิดาที่รักบุตรสาวสุดหัวใจ หากบุตรมิได้เต็มใจจริงๆ เขาก็จะไม่หักใจบังคับนางเด็ดขาด
สาวน้อยหานซิ่นหลินนิ่งตะลึงไป นางพอรับรู้ความรู้สึกขององค์รัชทายาทได้ว่าพระองค์ดีต่อนางอย่างยิ่ง ทั้งใส่ใจทั้งเอ็นดู นางเองก็รักและเคารพองค์รัชทายาทเช่นกัน แต่นางรู้สึกรักองค์รัชทายาทดังพี่ชายเสียมากกว่า หรืออาจเป็นเพราะนางยังเยาว์เกินไปจึงไม่รู้จักความรักของบุรุษสตรีนั้นเป็นเช่นใด
ในเมื่อใจนางไม่มีบุรุษใด และไม่ได้รังเกียจองค์รัชทายาท อีกทั้งนางเป็นบุตรหัวอ่อนอยู่ในกรอบคำสอนของบิดามารดามาโดยตลอด จึงไม่ปรารถนาให้พวกท่านผิดหวัง ในที่สุดจึงยอมเอ่ยปากออกไป เพียงแต่มีข้อกังขาเล็กน้อย
“เอ่อ องค์รัชทายาทดีต่อลูกอย่างยิ่ง ลูกเองก็รู้สึกดีต่อพระองค์ไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด เพียงแต่เรื่องนี้เร็วเกินไปหรือไม่ ปีนี้ลูกเพิ่งอายุสิบสองปีเพียงเท่านั้น ยังมิได้ทำ[1]พิธีปักปิ่น อายุน้อยไปหรือไม่หากต้องออกเรือน”
หานซิ่นหลินอ่านประกายตาของบิดามารดาออกอย่างชัดแจ้ง ท่านทั้งสองตื่นเต้นยินดีกับราชโองการพระราชทานสมรสนี้มากกว่าบิดาชนะศึกกลับมาเสียอีก นางจึงได้แต่กล่าวข้อกังวลใจของตนเองออกไป
“เรื่องนี้พ่อเองก็กังวลใจเช่นกัน แต่องค์รัชทายาทให้คำมั่นว่าให้เจ้าเข้าพิธีอภิเษกกับพระองค์ แต่งตั้งเจ้าในตำแหน่งพระชายาก่อน เมื่อใดที่เจ้าอายุครบสิบห้าปีค่อยถึงพิธีส่งตัวเข้าหอ”
“เช่นนั้นให้ข้าเข้าพิธีหมั้นหมายกับองค์รัชทายาทไว้ก่อนมิได้หรือ แล้วเมื่อข้าอายุครบสิบห้าปีค่อยเข้าพิธีอภิเษก”
สาวน้อยลองหยั่งเชิงต่อรอง
แม่ทัพหานเป็นบุรุษด้วยกันมองตาองค์รัชทายาทปราดเดียวก็รู้ว่าพระองค์รักธิดาของเขามากมายเพียงใด มากขนาดไม่อาจหักใจรอเวลาให้เนิ่นนานกว่านี้ได้อีก
“องค์รัชทายาททรงรักเจ้ามากจนมิอาจรั้งรอได้ ทรงรู้ว่ามีบุรุษอีกมากมายหมายปองเจ้าเช่นกัน”
แม่ทัพหานบอกกล่าวแก่ธิดาสาวตามที่องค์รัชทายาทเปิดใจกับตน ด้วยเห็นถึงความมุ่งมั่นจริงใจของว่าที่บุตรเขยนี่เองที่ทำให้แม่ทัพหานยิ่งอยากช่วยส่งเสริม แม้ส่วนลึกในใจก็อดใจหายเสียไม่ได้ที่ธิดาคนโปรดต้องออกเรือนห่างจากอกไปตั้งแต่วัยเยาว์
“ข้าหมดข้อกังวลแล้ว หากท่านพ่อเห็นสมควรข้าก็ไม่ขัดข้องเจ้าค่ะ”
ในที่สุดสาวน้อยหานซิ่นหลินก็ตอบตกลงไป เมื่อเห็นรอยยิ้มแย้มของบิดามารดาก็ให้คิดว่าการตัดสินใจของนางในครั้งนี้คงถูกต้องแล้วกระมัง คาดคิดเอาเองว่าหลังจากอภิเษกกับองค์รัชทายาทแล้ว นางอาจบังเกิดความรักลึกซึ้งระหว่างหนุ่มสาวกับองค์รัชทายาทขึ้นมาเองก็เป็นได้
[1] หญิงสาวอายุครบ 15 ปี จะทำพิธีปักปิ่นมวยผมแสดงว่าก้าวเข้าสู่วัยสาวพร้อมที่จะออกเรือน