ตอนที่ 1 : สิ่งที่ฉันเป็น
"กูขอหลั่งเลือดเพื่อสาปแช่งพวกมึงทั้งสี่!! ให้มีชีวิตเยี่ยงคนตาย!
เป็นอมนุษย์ชั่วกัปชั่วกัลป์!!"
.
.
.
และนั่นคือจุดเริ่มต้นทุกอย่าง..
ทุกอย่างที่มันเปลี่ยนชีวิตของพวกฉันทั้งสี่คนตลอดกาล..
ฉันชื่อ ' นะโม ' ทุกอย่างที่เป็นตัวตนของฉันคือความลับทั้งสิ้น
มีชีวิตก็เหมือนไม่มี แค่อยากจะตายก็ยังทำไม่ได้เลย เป็นได้แค่ตัวประหลาดมานับ400ปี
ช่วงเวลา400ปีที่ต้องทนทุกทรมาณกับร่างกายอมตะ ร่างกายที่ไม่มีวันบุบสลายไม่แก่ ไม่ตาย
อยู่ยงคงกระพันตามสภาพตั้งแต่โดนคำสาปนั่น..
"อ่า" เสียงครางในลำคออย่างพอใจร่างบางเงยหน้าจากลำคอชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายที่นอนไร้ลมหายใจอยู่ใต้ร่างของเธอ ซึ่งเธออยู่ในท่ากำลังขึ้นคร่อมเอวของเขาอยู่ ดวงตาของเธอนั้นเป็นสีแดงราวกับเลือด ร่างกายขาวซีดเย็นเฉียบเหมือนหิมะ ริมฝีปากเลอะคาบเลือดเป็นวงกว้างพร้อมเขี้ยวแหลมคมที่เคือบไปด้วยเลือดสีแดงสด
"..." ร่างบางเอื้อมมือไปหยิบชิดชู่ข้างๆเตียงนอนเพื่อนำมาเช็ดปากตัวเอง พอเช็ดเสร็จลุกออกจากศพบนเตียงแล้วเดินตรงไปที่ระเบียงห้อง
ดวงตากลมโตสีแดงแปลเปลี่ยนกลับไปเป็นสีดำอย่างเคยเมื่อได้รับการเติมเต็ม..นั่นก็คือเลือด
ร่างบางเงยหน้าขึ้นสูดอากาศบริสุทธิ์สายตาก็พลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไร้จุดหมาย..
มีชีวิตอยู่อย่างคนเป็น แต่หัวใจกลับเยือกเย็นเหมือนคนตาย..
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูจากทางหลังด้านทำให้ร่างบางละสายตาจากท้องฟ้าแล้วหันไปมองทางประตู
แก๊ก
ประตูถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างบางอีกคนเธอมีชื่อว่า ' แก้วเก้า ' สาวสวยผู้หยิ่งทนงในตัวเอง เธอมีหน้าตาสวยที่เก๋ไม่เหมือนใคร มีแววตาเฉียวคมดุดันเหมือนนิสัยเจ้าตัว..
"แก้ว.." คนที่ยืนพิงระเบียงเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนสาวของเธอเสียงแผ่วเบา
"เสร็จแล้วงั้นหรอ?" แก้วเก้าเดินตรงเข้ามาตรงเตียงนอนที่มีร่างไร้ลมหายใจนอนแผ่หลาอยู่ บริเวณลำคอมีรอยกัดสองเขี้ยว
ร่างบางไม่ตอบแต่กลับพยักหน้าเป็นคำตอบแทน
"เป็นอะไร" แก้วเก้าเอ่ยถามนะโมที่เงียบจนผิดปกติ
"พวกเราจะต้องทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน" นะโมพูดขึ้นลอยๆแววตาว่างป่าว
"..." แก้วเก้าเลือกที่จะเงียบเพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่พวกเธอจะหลุดพ้นจากคำสาปบ้าๆนี่สักที
จะมีวันนั้นรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย..
"ฉันเหนื่อย..เหนื่อยที่จะต้องมาฆ่าคนอยู่แบบนี้" ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำใสๆเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของเธอ เธอไม่อาจเก็บกักความเจ็บปวดนี้ได้เลย
ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางทำได้..แต่ใจมันก็อยากหลุดพ้นและตายๆไปซะที เลยมีความคิดตื้นๆที่ว่าถ้าไม่ดื่มเลือดเราก็คงอดตายไปเอง
แต่ผลลัพธ์กับทำให้พวกเธอคลั่งและถูกปีศาจความกระหายในจิตใจครอบงำ จนไม่มีสติ..รู้ตัวอีกทีก็มีศพนอนตายอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
"เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วนะโม หยุดคิดและเลิกคิดไปได้เลย ต่อให้พวกเรามีชีวิตที่น่าสงสารหรือน่าสมเพชแค่ไหน มันก็ไม่มีหมาตัวไหนมาสนใจพวกเราหรอก..หรือต่อให้มีก็ช่วยอะไรพวกเราไม่ได้หรอก"
แก้วเก้าเธอนั้นเข้มแข็งและยอมรับกับชะตากรรมนี้ได้นานแล้ว ซึ่งต่างจากเพื่อนสาวที่ไม่ว่าจะทำตัวร่าเริงสดใสแค่ไหนมันก็ไม่ได้ช่วยกลบเกลื่อนความเศร้าในใจได้เลยสักนิด
"แก้ว.."
"รีบแต่งเนื้อแต่งตัวซะอีกเดี๋ยวณารากับเจ้าเอยจะมารับพวกเรา"
"มารับ? มารับไปไหน?"
"ถึงที่เดี๋ยวก็รู้เองรีบๆหน่อยล่ะ" ว่าเสร็จก็เดินออกจากห้องเพื่อนสาวไป
"อืม"
หลังจากที่นะโมขานรับแก้วเก้าก็เดินออกจากห้องไปทันที
อีกทางด้านนึง..
"ณาราเราว่าทางนี้ใช่แน่หรอ?" น้ำเสียงเอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจของ
' เจ้าเอย ' สาวน้อยผู้น่อมแน้ม เธอเป็นผู้หญิงขี้อายซึ่งมีนิสัยต่างกับเพื่อนสาวที่นั่งข้างๆกับเธออย่างสิ้นเชิง
"โถ่! เชื่อใจฉันสิ นี่ใคร! ณาราคนสวยน๊ะจ๊ะ ไม่มีทางหลงแน่นอน" หญิงแกร่งที่มีความหมั่นใจในตัวเองสูงแถมมีนิสัยหัวลั้นไม่ยอมใครเป็นที่หนึ่ง นามว่า ' ณารา ' เธอคือหญิงสาวผู้ต้องสาปอีกคน
รถ Lamborghini Aventabor LP700-4 สีขาว ในรถที่มีร่างบางของเจ้าเอยกับณาราที่เป็นคนขับกำลังชะเง้อมองกระจกตรงหน้าที่ตอนนี้หลงเข้ามาในป่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"เอ๊ะ! ต้นไม้ต้นนี้มันคุ้นๆว่าม่ะเจ้าเอย" ณาราหันไปถามเพื่อนสาวของเธอที่นั่งทำหน้าเบื่อๆอยู่ข้างๆ
"ทำไมจะไม่คุ้นก็ณาราขับผ่านต้นไม้ต้นนี้มาสามรอบแล้วนะคะ=_=;"
"อ่าวหรอ? แล้วนี่แกทำไมไม่บอกฉันเล่า!! โอ๊ย~คนสวยปวดหัว" ไปว่าก็ถอยรถเข้า ถอยรถออกไปมาเหมือนคนพึ่งฝึกขับรถทำใบขับขี่มาใหม่ๆ
เจ้าเอยเห็นอย่างนั้นถึงกับส่ายหัวไปมาอย่างเอือมๆ
"โว้ยยยยย แล้วไอ้ปุ่มบ้าปุ่มบอนี่มันจะเยอะไปไหน!!" ณาราทำได้แค่หงุดหงิดกระฟัดกระเฟียดไปมาเพราะทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ
"เราก็เตือนแล้วว่าอย่าซื้ออะไรที่มันสิ้นเปลือง เคยฟังกันมั่งไหมเนี่ย-_-"
"โอ้ยย หยุดบ่นก่อนได้ไหมแล้วก็มาช่วยคนสวยคิดสิว่าต้องทำยังไงถึงจะกลับบ้านได้ ถ้าช้ากว่านี้นะยัยแก้วมีหวังบ่นฉันหูชาแน่ๆ"
แค่คิดก็สยองแล้ว..ผู้หญิงที่ขี้หงุดหงิดง่ายแถมไม่ฟังคำแก้ตัวของใครอย่างแก้วเก้า เธอล่ะไม่อยากจะนึกภาพตามเลยจริงๆ
"เฮ้อ~งั้นณาราสลับที่นั่งกับเรานะ"
"เจ้าจะขับหรอ?"
"ก็ใช่น่ะสิไม่งั้นเจ้าจะให้ณาราสลับที่ทำไมล่ะ-*-"
"เจ้าแกขับเป็นด้วยหรอ? ขนาดฉันยังงงๆกับระบบมันเลยนะo_O" แค่ขับมาถึงขนาดนี้ได้ก็ยากลำบากมากแล้ว
"แกจะไม่งงกับระบบเลย ถ้าแกไม่มัวแต่สนใจอยู่กับรถแล้วไม่ฟังคนขายเขาอธิบายวิธีใช้มัน-0-" เจ้าเอยร่ายยาวบ่นคนเป็นมนุษย์ป้ายกใหญ่
"จ่ะ! เข้าใจแล้วจ่ะ!" คนสวยแถมสมองทึบอย่างณารามีหรอที่จะสนใจฟังพลางเปิดประตูออกเพื่อสลับที่นั่งให้เจ้าเอยเป็นคนขับแทน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง..
ไม่นานรถ Lamborghini Aventabor LP700-4 สีขาว ก็มาจอดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่นั่นก็คือบ้านของพวกเธอทั้งสี่คน ตัวคฤหาสน์กว้างใหญ่ไพศาลตั้งอยู่กลางป่าเขาลึกมีห้องมาก50ห้อง แต่มีเพียงแค่พวกเธอสี่คนเท่านั้นที่อาศัยอยู่ และอยู่มาหลายร้อยปีแล้วด้วย..
"ทำไมมาช้า" เสียงเอ่ยถามเหวี่ยงๆที่ดังมาจากหน้าประตูบานใหญ่
น้ำเสียงแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ แก้วเก้า..
"เอ่อ..รถติดน่ะ^^" ณารากั้นใจเอ่ยคำโกหกออกไป
"แถวนี้มีแต่ป่ากับเขารถจะติดได้ยังไง" คนจับผิดเก่งอย่างแก้วเก้ามองแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าโกหก
"เราสองคนหลงทางน่ะ" เจ้าเอยพูดขึ้นเพราะด้วยนิสัยที่ไม่ชอบการโกหกเลยจำต้องพูดออกไป
"ยัยเจ้า! โถ้~"
"เฮ้อ~ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่าคนอย่างแกชอบทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน แต่นี่มันบ้านของตัวเองแท้ๆยังจะลืมเส้นทางได้อีก ฉันล่ะเชื่อเลย" แก้วเก้ายืนกอดอกบ่นทอดยาวเป็นบทสวดพลางส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา
"นี่น้อยๆหน่อย ถึงฉันจะทำตัวไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาแต่ฉันสวยและรวยมากโอเคไหม-_-d" เจ้าตัวยกมือขึ้นทำมือโอเคใส่แก้วเก้า
สวย เริด เชิ่ด แถมมั่นหน้ากำลังสิบ
"เจ้าเอยช่วยไปตามยัยนะโมให้ที เดี๋ยวฉันขอไปหยิบกระเป๋าแล้วมาเจอกันที่นี่นะ" แก้วเก้าจบพูดก็เดินเข้าคฤหาสน์ไปโดยไม่สนใครอีกคนที่ไม่ได้อยู่ในบทสนทนา
"ได้เลย^^" ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินเข้าคฤหาสน์เพื่อไปตามเพื่อนสาวของเธอโดยไม่ได้สนใจคนข้างๆที่ยืนอ้าปากค้างอย่างณาราเลยสักนิด
"เฮ้! นี่! กล้าเมินคนสวยอย่างฉันหรอ! ยัยแก้ว ยัยเจ้า อ๊ายยย คนสวยอารมณ์เสีย-*-" ณารากระทืบเท้าตึ้งตั้งเหมือนเด็กโดนขัดใจพลางเดินตามสองคนนั้นเข้าไปด้วย