“ค่ะ” สาวน้อยยิ้มหน้าแป้นก่อนที่จะวิ่งจากไป ดอกกุหลาบสีแดงสดราวกับสีเลือดยามนี้กำลังอยู่บนมือของเธอ สายตาคู่สวยจ้องมองมันอย่างไม่วางตา ในหัวนั้นนึกสงสัยว่าใครกันที่นำมันมาให้เธอ...จมูกเล็กรั้นปลายขึ้นน้อยๆสูดดมเข้าไปที่กลีบกุหลาบสีแดงสดเต็มปอด กลิ่นที่เธอได้สัมผัสมันแสนจะสดชื่นและชุ่มช่ำปอดอย่างเป็นที่สุด หากว่ามีอะไรมาให้ดอมดมยามที่รอคนมารับแล้วมันก็คงจะดีไม่น้อย...
“พี่วิน ผมมารับคุณเขมแต่ไม่รู้ว่าหายไปไหน” อัครินต่อสายหาพี่ชาย หลังจากที่เขานั้นมารับเขมมิกาแต่ทว่ากลับไม่พบอีกทั้งโทรศัพท์ที่โทรไปก็ไม่ยอมรับ
“คงจะอยู่ในบริษัทหรือเปล่า แกหาดูจนทั่วแล้วเหรอ”
“ก็ยังนะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปลองดูในบริษัทแล้วกัน”
“โอเค ยังไงฉันก็ฝากด้วยแล้วกัน ขอร้องนะรินช่วยดูแลเขมมิกาให้พี่ที” เพราะเขากำลังวุ่นวายกับเรื่องทางนี้จึงไม่อาจที่จะถอยตัวไปได้ เขาเชื่อว่าอัครินนั้นจะดูแลเขมมิกาได้ดีไม่แพ้ตัวเขาเอง
“ครับ ผมจะดูแลให้ดีที่สุด” อัครินไม่รีรอ เขารีบขึ้นไปตามหาเขมมิกาทันทีแต่ทว่าก็ยังเป็นเช่นเดิมคือไม่พบ อัครินแทบจะเสาะหาทุกชั้นก็ไม่เห็นแม้เพียงเงาแม้ยามที่โทรกลับไปที่บ้านก็ได้รับคำตอบว่ายังไม่กลับ เขาจึงไม่ลังเลที่จะต่อสายหาอัศวินอีกครั้งแต่ทว่าครั้งนี้กลับไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมา
“หายไปไหนเนี่ย”
ในห้องกว้างมืดทึบไร้แสงแห่งหลอดไฟแต่ยังดีที่ยังพอมีแสงสว่างจากข้างนอกที่ลอดผ่านเข้ามาเพียงแค่เงาลางๆแต่ก็พอที่จะให้เธอได้เห็นสิ่งรอบข้างได้บ้าง เสียงหยดน้ำหยดแล้วหยดเล่าหยดลงทีละหยดจนเสียงดังก้อง กระทบเข้าโสตประสาทหูของหญิงสาวที่เพิ่งตื่นจากการสลบไสล...เขมมิกาเปิดเปลือกตาขึ้นดวงตาหนักอึ้ง หัวทั้งหัวราวกับว่ายามนี้มีใครเอาหินก้อนใหญ่ๆมาวางทับไว้เพราะมันปวดและมึนงงไปหมด ยามที่ตั้งสติได้สาวเจ้าก็พยายามรวบรวมสติทุกอย่างเท่าที่พอจะรวบรวมได้อีกทั้งยังไล่ลำดับเหตุการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มือและเท้าที่คิดว่าเป็นอิสระตอนนี้มันก็ถูกผูกมัดไว้เสียทั้งหมด ดิ้นหรือขืนให้หลุดมันก็คงยากเพราะมันชั่งแน่นเสียเหลือเกิน
“ตื่นสักทีนะ...” เสียงของหญิงสาวที่ดังก้องขึ้นท่ามกลางความมืดสนิททำให้เขมมิกานั้นต้องหันรีหันขวางมองหาเจ้าของเสียง
“คะ...ใครน่ะ” เสียงที่หวาดหวั่นถามหาต้นต่อของเสียงแต่ทว่าเจ้าตัวกลับไม่ยอมบอกสิ่งใดแก่เธอเลยแม้แต่น้อยจะมีก็เพียงแค่ถ้อยคำที่นิ่งและเย็นเยือก
“อยากรู้นักเหรอว่าฉันเป็นใคร”
“ฉันไม่เคยไปทำอะไรให้ใคร จับฉันมาทำไม”
“เธอแน่ใจแค่ไหนเชียว แล้วเสียงของฉันเธอจำมันไม่ได้เชียวหรือ...เขมมิกา” เงาของคนที่หลบอยู่ในมุมมืดค่อยๆเผยออกมาทีละนิด...ทีละนิด
“คะ...คุณสา”
“คิดว่าจะจำกันได้ตั้งแต่คำพูดคำแรกเสียอีกนะ น่าเสียดายจริงๆ”
“คุณต้องการอะไร ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ!”
“ปล่อยไปมันก็เสียแรงฉันเปล่าๆน่ะสิอุตส่าห์หลอกมาได้ แถมยังต้องเสียตังฟรีซื้อกุหลาบให้เธออีก”
“กะ...กุหลาบอะไร...อย่าบอกนะว่า”
“ใช่ กุหลาบดอกนั้นมันมาจากฉันเอง เป็นไงชอบมั้ยล่ะ ฮึ!” รอยยิ้มสะใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของวานิสา กุหลาบดอกนั้นเธอใส่ยาสลบเข้าไปในกลีบดอกหากใครได้สูดดมกลิ่นของมันก็จะสลบหลับใหล...
“คุณนี่มัน...!”
“อะไรจะว่าว่าฉันเลวเหรอ! ฮึ! แต่ขอโทษด้วยนะแต่มันคงยังไม่เท่าเธอ”
“ฉันรู้ว่าฉันเลวมากแต่ฉันก็ได้รับกรรมแล้ว แล้วคุณยังต้องการอะไรอีก”
“ชีวิตแกยังไงล่ะ! ฉันต้องการชีวิตแก! เพราะแกมันพรากเอาทุกอย่างไปจากฉัน แกมันอีมารขัดความสุขในชีวิตของฉัน!” ระเบิดแรงขุ่นโกรธออกมาเสียงดังลั่นกร้าวจนเขมมิกาหวั่นตกใจ แต่ก็ต้องทำเป็นใจดีสู้เสือไว้
“ไม่เคยรู้หรือคะ ว่าเวรยอมระงับด้วยการไม่จองเวร”
“คนอย่างแกมันใช้คำนี้ด้วยไม่ได้หรอก สิ่งเดียวที่จะเรียกคืนทุกอย่างของฉันได้ก็คือชีวิต! ชีวิตแกเท่านั้น!”
“ขอร้องเถอะ เลิกอาฆาตพยาบาทกันสักที คุณคิดว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่มันทำให้คุณมีความสุขมากนักหรือไง” เธอเองก็ไม่ได้มีความสุขไปมากกว่าที่เป็นอยู่เลยสักนิด คิดหรือว่าเธอนั้นไม่รู้สึกอะไร...
“หึ! มากเลยล่ะ ฉันมีความสุขมากที่จะได้เห็นแกและลูกของแกตายๆไปสักที!”
“อย่ามายุ่งกับลูกของฉัน!”
“สภาพตัวเองยังจะเอาไม่รอดอยู่แล้ว แล้วอย่างนี้แกยังจะมาบอกว่าให้ฉันไม่ทำอะไรเหรอ ฝันอยู่หรือยังไง!”
“เลว!”
“เพลี๊ยะ!” ใบหน้าของเขมมิกาสะบัดหันอย่างแรงเมื่อวานิสาฟาดมือกระทบลงที่ใบหน้า
“ทุกอย่างมันยังไม่มากเท่าสิ่งที่แกทำ! จะพูดอะไรก็พูดไปเถอะเพราะต่อจากนี้ไปแกจะไม่มีทางได้พูดอีก!!” มือบางยกปืนที่ถืออยู่ในมือขึ้นจ่อไปที่เขมมิกาหมายที่ลั่นไกปืนยิงเข้าไปที่ขมับของหญิงสาว หากเป็นเช่นนั้นคงจะนัดเดียวจอดแน่นอน
“ยะ...อย่านะ” ดวงตาหลับปี๋ ปิดแน่นเมื่อวานิสาจ่อปืนมาที่เธอทำท่าทีว่าจะยิงเสียให้ได้
“เตรียมบอกลาโลกนี้ได้เลย ฮ่ะ! ฮ่ะ! ฮ่ะ!” สะใจยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดคือเป็นเธอที่กำลังจะฆ่านังสารเลวนี้ด้วยน้ำมือของตัวเอง! หลายปีที่เฝ้ารอคอยอัศวินต่อจากพี่สาว จนวันหนึ่งฟ้าก็เป็นใจประทานโชคมาให้กับเธอหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุพรากชีวิตวิชุดาไป แต่แล้วใครมันจะไปรู้ว่ามันจะมีคนมาชุบมือเปิบไปจากเธอ แต่วันนี้แหละที่เทพเจ้าจะเป็นใจแก่เธออีกครั้ง!
มือบางจับไกปืนแน่นจ่อนิ่ง จิตใจตั้งมั่นหมายจะดับชีวิตของเขมมิกาเสียให้จนได้ คนร่างอวบอั๋นเพราะกำลังอุ้มท้องอยู่ก็จิตใจหวั่นไหว หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเฝ้าภาวนาขออย่าให้เธอต้องเป็นอะไรไปเลยเพราะอีกเพียงไม่กี่เดือนเด็กน้อยๆในท้องก็จะได้เกิดขึ้นมาลืมตาดูโลกแล้ว ขอร้องล่ะให้สองชีวิตนี้อยู่รอดต่อไปเถอะนะ...
“แก๊ก!”
“ปัง!”
เสียงดังสนั่นตามด้วยร่างของชายร่างสูงที่พังประตูเข้ามาภายใน หัวใจของเขมมิกาหล่นวูบเมื่อได้ยินเสียงดังคิดซะว่าตัวเองต้องโดนยิงแน่ๆแต่ทว่าเมื่อรู้สึกได้กลับไม่มีความเจ็บใดๆเลยสักนิด จึงได้เปิดเปลือกตาขึ้นและแล้วก็ได้พบกับเขา...
“พี่วิน...” รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขมมิกา แต่ทว่ายิ้มได้ไม่นานก็ต้องตกใจอีกรอบเมื่อเธอนั้นโดนดึงกระชากให้ลุกขึ้นด้วยน้ำมือของวานิสาแล้วจับเธอเป็นตัวประกันเอาปืนจ่อที่ข้างหัวอย่างไม่เกรงกลัว คนโดนจับที่ยังไม่ได้ตั้งตัวก็ตัวสั่นไปหมด
“หยุดนะสา ปล่อยเขมมาให้พี่เถอะนะ อย่าทำแบบนี้”
“ไม่! วันนี้ต้องเป็นวันตายของมัน!” สายตาโกรธแค้นจ้องมองไปที่อัศวินและเหล่าตำรวจอีกสองสามนายที่ยืนล้อมอยู่ด้านนอกประตูและรอบข้างอัศวิน และสายตาก็ปะทะเข้ากับใครอีกคน!
“คิดไว้ไม่มีผิด! ฉันไม่น่าไว้ใจแกให้ทำเรื่องนี้เลย!” นายดำที่โดนจับกุมตัวขณะที่กำลังหลบหนีจากการจับกุมของตำรวจและรับสารภาพทุกอย่างว่าใครกันที่เป็นคนบ่งการเรื่องทั้งหมดพร้อมทั้งบอกสถานที่ที่นำเขมมิกามาหลบซ่อนไว้ ก่อนหน้านี้ยามที่จับเขมมิกามาได้แล้ววานิสาก็บอกให้นายดำไปยังสถานที่แห่งหนึ่งแล้วบอกว่าให้ไปเอาสิ่งของบางอย่างแต่ทว่าที่ไหนได้ให้ตนไปเป็นเหยื่อล่อเพื่อที่จะให้ตำรวจตามจับจากร่องรอยของสัญญาณมือถือที่วานิสาตั้งใจเปิดมันไว้และเอาไปซ่อนไว้ที่แห่งนั้นแล้วก่อนที่นายดำจะไปถึงไป แต่ทว่าแผนการของวานิสาก็ใช่ว่าจะมีความรอบคอบเมื่อนายดำดันโดนจับได้ก่อนที่ตนจะได้ลงมือสังหารเขมมิกา!
“แกมันนังสารเลว ใช้ฉันเป็นเหยื่อล่อตำรวจ!”
“ก็ใครใช้ให้แกอยากโง่เองล่ะ!”
มาเเล้วจ้าาา
อีกนิดก็ใกล้จะจบเเล้วนะคะ
ช่วงนี้ไรท์ก็จะมาได้ประมาณอาทิตย์หนึ่งต่อครั้งเท่านั้นนะคะ ไรท์ขอโทษจริงๆ
ปล.อย่าลืมคอมเม้นกันนะคะ ไว้สะดวกไรท์จะรีบมาลงตอนต่อไปให้อ่านเลยค่ะ ใจจริงก็ไม่อยากให้รอนั้นเเหละค่ะกลัวค้างกันมากๆ ไม่เเน่วันอาทิตย์ดึกๆอาจจะมาต่อให้นะคะ