เขากำลังจะลุกขึ้นเก็บกระเป๋าแต่แล้วนักเขียนจองก็ถามคำถามอย่างไม่ทันตั้งตัว แจโอมองเธอด้วยสีหน้างุนงง หลังจากมองลงมาบนโต๊ะเขาก็เข้าใจประเด็นของคำถามในทันที เพราะมัวแต่ตรวจดูต้นฉบับทำให้เขาแทบจะไม่ได้แตะชาและของว่างที่เธอเอามาเสิร์ฟให้เลย
“ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไรนะคะ”
“ไม่ครับ ผมชอบครับ”
แจโอหย่อนก้นลงบนโซฟาเหมือนเดิม วันนี้ก็ไม่ได้มีงานด่วนอะไรแถมข้าวกลางวันก็กินแค่คิมบับจึงรู้สึกหิวพอดี นักเขียนจองยิ้มกว้างหลังจากที่เขาตัดเค้กคำใหญ่แล้วเอาเข้าปาก
“ทำไมเหรอครับ”
“ก็แค่ คุณทานเก่งดีน่ะค่ะ”
แจโอกลืนสิ่งที่อยู่ในปากดังเอื๊อก และสังเกตเห็นว่าตรงหน้าของนักเขียนจองไม่มีเค้ก
“คุณคงจะไม่ชอบอะไรแบบนี้ใช่ไหมครับ”
“เปล่าหรอกค่ะ ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างกินยาก แป๊บๆ ก็เบื่อแล้ว”
‘อ๋อ’ แจโอตอบกลับคำพูดของเธอแล้วตักเค้กใส่ปากจนเกลี้ยง เค้กก็อร่อยดีแต่ไม่ชอบผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าจึงรีบกินรีบกลับ
“โชคดีนะคะที่ได้คุณหัวหน้าบ.ก.มาเป็นผู้ดูแล”
เธอพยายามจะพูดอะไร แจโอมองนักเขียนจองนิ่งๆ
“ฉันชอบคนที่ตรงไปตรงมาน่ะค่ะ เพราะว่าคุณหัวหน้าบ.ก.ไม่เสแสร้งหรือโกหกมันก็เลยง่าย แบบว่าพูดตรงๆ ได้มั้งคะ แต่อย่างไรก็ตาม”
นักเขียนจองจิบชาแล้วเปิดปากพูดอีกครั้ง
“คุณคงได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับฉันแล้วใช่ไหมคะ”
“ข่าวลือ?”
แน่นอนว่าเขาเคยได้ยินเรื่องพวกนี้แล้ว แต่แจโอก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้หรอกค่ะ ตอนนั้นคุณก็เห็นหมดแล้วนี่คะ”
ความจริงแล้วนั่นก็ด้วย ไม่ว่าจะโมโหขนาดไหนก็ตามแต่ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นไอ้บ้าที่เขวี้ยงเศษขยะใส่ผู้หญิงเป็นครั้งแรก สำหรับคนนอกแล้วมันอาจจะเป็นภาพที่น่าตื่นเต้น แต่สำหรับคนที่ถูกกระทำแล้วนั้นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจไม่น้อย
แจโอพยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ
“ไม่ต้องกังวลเรื่องตอนนั้นหรอกครับ...”
“ฉันโอเคค่ะ คิดว่าโชคดีด้วยซ้ำ ฉันน่ะ”
‘โชคดี?’
แจโอไม่เข้าใจเลยว่ามีอะไรที่โชคดีจึงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว แต่นักเขียนจองเพียงแค่ยิ้มให้เล็กน้อยด้วยสีหน้าที่ไม่สนใจ รวมถึงไม่ได้พูดอะไรอีก
‘ผู้หญิงคนนี้แปลกจริงๆ’
แจโอมองดูใบหน้ากลมของนักเขียนจองพร้อมกับบ่นในใจ
หัวข้อเรื่องที่กำลังเขียนอยู่นั้นเต็มไปด้วยการยึดติด ความเห็นแก่ตัว และความปรารถนาที่ผิดปกติ
คำศัพท์ต่างๆ ที่เธอใช้นั้นแรงมาก ตัวละครในเรื่องต่างก็นิสัยไม่ดี ถ้าตามหลักการของแจโอที่ว่าชีวิตของนักเขียนมักจะถูกใส่ลงไปในผลงานแล้วนั้น นักเขียนจองคงจะเป็นคนมีบุคลิกแปลกๆ อย่างแน่นอน ถ้าหากว่าไม่ใช่ อย่างน้อยก็คงจะเป็นโรคซึมเศร้าหรือมีความผิดปกติทางระบบประสาท
แต่ว่าคนที่น่าจะต้องซึมเศร้ากลับกำลังยิ้มหวานที่พร้อมจะละลายทุกสิ่งทุกอย่าง หากสิ่งที่รู้สึกได้จากผลงานของเธอไม่ใช่อารมณ์ที่ออกมาจากตัวของเธอเองซึ่งยังอ่อนประสบการณ์ แต่เป็นสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นมาจากการทำงานล้วนๆ แล้วล่ะก็นักเขียนจองคงจะเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวที่สุดในโลก
‘อันที่จริงแล้ว สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่านักเขียนนั้นต่างจากมนุษย์ธรรมดาทั่วไป’
แจโอนึกถึงความจริงซึ่งไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ขึ้นมาในขณะที่ลุกขึ้น
“จะกลับแล้วเหรอคะ”
“ครับ ก่อนเดดไลน์ผมจะติดต่อมาดูความคืบหน้าอีกทีนะครับ”
“ได้ค่ะ”
แจโอออกมาจากบ้านนักเขียนจองแล้วตรงไปขึ้นรถไฟใต้ดิน ถึงแม้ว่าเดินทางจากที่นี่ไปอีกสิบนาทีก็จะถึงบ้านของตัวเองแล้ว แต่ถ้าไม่อยากอดตาย วันนี้ก็คงต้องทำงานที่บริษัทจนหลังขดหลังแข็ง แจโอนั่งลงบนเก้าอี้เหล็กแข็งๆ ก่อนจะงีบหลับสักพัก
สำหรับบรรณาธิการแล้วเดดไลน์ก็เหมือนกับสงคราม ไม่ว่าจะเป็นทหารที่เสี่ยงชีวิตออกไปที่สนามรบหรือบรรณาธิการที่ตำหนินักเขียนซึ่งไม่รักษาเดดไลน์ต่างก็มีสิทธิในการดำรงชีวิตเหมือนกัน
ยิ่งเวลานรกเข้ามาใกล้ บรรณาธิการก็จะประสบกับความพยาบาททั้งหมดที่คนสามารถมีได้จากนักเขียนที่คนๆ หนึ่งพึ่งจะมีได้ มีความสามารถเหนือมนุษย์ในการหาคำพิมพ์ผิดราวกับตัวเองเป็นแหนบแม้จะทำงานโต้รุ่งมาแล้วสามวันก็ตาม รวมถึงความกล้าและความไม่เกรงกลัวที่พุ่งพรวดขึ้นจนสามารถ ‘ต่อกร’ กับโรงพิมพ์ได้
หลังจากทำงานโต้รุ่งมาสี่วัน แจโอก็เลิกงานในสภาพที่ใต้ตาดำลงมาจนถึงใต้คาง ขอบคุณพระเจ้าที่เดือนนี้นิตยสารถูกตีพิมพ์โดยไม่มีความผิดพลาด
โอ้ พระเจ้า ผมขอตายดีกว่า บล้าๆ
‘ถ้าขับรถตอนนี้จะต้องเกิดอุบัติร้อยเปอร์เซ็นต์แน่ๆ’
แจโอพยายามยกเปลือกตาที่จะปิดลงตลอดเวลาขึ้นก่อนจะออกไปที่ถนนใหญ่แล้วขึ้นรถเมล์ มีคำกล่าวที่ว่าซวยซ้ำซวยซ้อน เขาเหนื่อยจนจะตายอยู่แล้ว แต่วันนี้รถกลับเต็มไปด้วยผู้คน
สุดท้ายแจโอก็ไม่ได้นั่งและน่าจะต้องยืนไปอีกประมาณสี่สิบนาทีด้วยห่วงจับอันเดียวอย่างยากลำบาก
หลังจากผ่านถนนสายหลักและมุ่งเข้าสู่ถนนสายรองผู้คนบนรถก็เริ่มเบาบางลง
ทันทีที่ได้ที่นั่งแจโอก็เอาโทรศัพท์มือถือออกมาดูเวลา ถ้าไม่ถึงภายในห้านาทีนับจากตอนนี้ รถเมล์เที่ยวสุดท้ายที่ผ่านหน้าบ้านเขาก็จะหมด อยากกลับบ้านไปพักผ่อนไวๆ แต่พอเห็นคนขับรถเมล์ที่จอดทุกไฟแดงแล้วก็รู้เลยว่าไม่ทันรถเที่ยวสุดท้ายแน่ๆ
แจโอคิดว่าลงไปขึ้นแท็กซี่แทนน่าจะดีกว่าจึงรีบกดกริ่งรถ
“อ่า ง่วงจะตายอยู่แล้ว”
ร้านค้าข้างถนนส่วนใหญ่ปิดอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเพราะตอนนี้เวลาเลยเที่ยงคืนแล้ว แจโอยืนใจลอยรอแท็กซี่ที่ไม่มาง่ายๆ อยู่ข้างถนน
“สาวน้อย ไปดื่มเบียร์ด้วยกันไหม”
ได้ยินเสียงที่ฟังดูเมาพอสมควรจากข้างๆ เขาหันหน้าไปเล็กน้อยและเห็นชายรูปร่างผอมแห้งเดินโซเซกำลังชวนผู้หญิงคนหนึ่งคุย แจโอเห็นแขนของผู้ชายคนนั้นโอบไหล่ของผู้หญิงและคิดหนักว่าควรออกไปห้ามดีไหม
“ขอโทษนะแต่นายไม่ใช่สเปกฉัน!”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรวิธีการพูดของผู้หญิงคนนั้นที่ตะคอกเสียงดังถึงฟังดูคุ้นๆ แจโอพยายามปรับจุดโฟกัสที่เลือนรางเพราะความง่วง ก่อนจะจ้องไปที่ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น
‘นักเขียนจองนี่’
นักเขียนจองไล่ผู้ชายที่มาตามตื๊อออกไปเองโดยที่เขาไม่ต้องเข้าไปช่วยเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะเดินฉับๆ ออกไป ในยามดึก มันน่ากลัวสำหรับผู้หญิงที่จะเดินไปเดินมาคนเดียวบนถนนเปลี่ยวๆ แต่เธอไม่มีแม้แต่ท่าทางกังวลเลย
‘อย่าบอกนะว่าจะเดินกลับไปจนถึงบ้าน’
แม้จะไม่ไกลเท่าบ้านของแจโอ แต่บ้านของนักเขียนจองก็ค่อนข้างไกลหากเดินไปจากที่นี่ก็ราวๆ สามสิบนาทีได้มั้ง ไม่รู้ว่าตอนกลางวันเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่มีความกลัวเอาเสียเลย
“ให้ตายเถอะ”
แจโอเกาหัวหนึ่งทีก่อนจะค่อยๆ เดินตามนักเขียนจองไปโดยเว้นระยะห่างไว้เล็กน้อย
ผู้ชายคนหนึ่งนั่งยองๆ อยู่หน้าบ้านนักเขียนจอง เขารีบลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงคนมา จากนั้นจึงขยับไปข้างๆ อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นนักเขียนจอง
แจโอแน่ใจว่าเขาคือ ‘ชายเศษอาหาร’ เมื่อวันก่อนจึงรีบซ่อนหลังกำแพง
นักเขียนจองถอนหายใจออกมาเป็นอย่างแรกหลังจากยืนยันตัวตนของชายคนนั้น
“ทำไมอีกล่ะ อ๋อ เปลี่ยนใจแล้วเหรอ อยากทำสินะ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น”
ชายคนนั้นรีบพูดดักคอนักเขียนจอง
“ขอโทษด้วยสำหรับเรื่องครั้งก่อน ฉันตื่นเต้นไปหน่อย”
“ฉันไม่ได้แคร์นักหรอก”
คำตอบที่เย็นชาทำให้เขากัดปากเบาๆ เขาจ้องมองนักเขียนจองสักพักก็แล้วกำหมัดทั้งสองข้างเหมือนกับตัดสินใจแล้ว
“ฉันชอบเธอ”
ใบหน้าของนักเขียนจองบิดเบี้ยวทันทีที่ได้ยินคำสารภาพของเขา
“บอกแล้วไงว่าไม่ชอบคำนั้น”
“ทำไมล่ะ เธอไม่เคยรับฟังคำพูดของฉันอย่างจริงจังเลยสักครั้ง คิดว่าเราใจตรงกันซะอีกตอนที่ทำงานด้วยกัน แต่พอสารภาพไปปุ๊บเธอก็ตัดฉับไปฝ่ายเดียว ฉันไม่เคยได้ยินแม้แต่เหตุผลด้วยซ้ำ!”
เสียงของผู้ชายดูเหมือนจะเริ่มรุนแรงขึ้นและระเบิดความเสียใจออกมา
“นี่”
นักเขียนจองเปิดปากขึ้นเงียบๆ
“ทำไมถึงชอบฉันขนาดนั้นล่ะ รู้อะไรเกี่ยวกับฉันบ้าง”
“ไม่ชอบที่ที่คนเยอะ ไม่ชอบละครทีวี ไม่ชอบที่สูงๆ แต่ชอบปีนเขา ไม่ชอบหิมะตกแต่ชอบฝนตก...”
ชายคนนั้นท่องความชอบของนักเขียนจองยาวเป็นพรืดราวกับรออยู่แล้ว ดูท่าจะคิดว่าถ้าทำแบบนี้นักเขียนจองคงจะประทับใจเป็นอย่างมาก
แต่ทว่าเธอกลับหัวเราะเยาะซึ่งต่างจากที่หวังไว้
“เรื่องพวกนั้นน่ะ พวกผู้ช่วยก็รู้”
ชายคนนั้นปิดปากสนิทด้วยสีหน้าสลด
“ค่อยๆ เรียนรู้กันไปก็ได้นี่”
เหมือนกับคนที่ไม่รู้จักคำว่ายอมแพ้ ชายคนนั้นยังคงตามเกาะแกะอยู่
นักเขียนจองถอนหายใจยาวดังเฮ้อด้วยความอึดอัดใจ
อีกด้านหนึ่ง แจโอที่ได้เห็นการสารภาพรักของชายคนนัั้นโดยไม่คาดคิดรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้ แต่พอคิดได้ว่าอาจจะถูกจับได้ก็ได้ งั้นรีบออกไปจากตรงนี้น่าจะดีกว่า ในขณะที่กำลังจะก้าวเท้าออกไปอย่างระมัดระวัง เสียงแผ่วเบาของนักเขียนจองก็รั้งข้อเท้าของเขาเอาไว้
เธอแหงนหน้ามองดูท้องฟ้ายามราตรีที่มืดสนิทสักพักแล้วจึงเริ่มพูดอย่างช้าๆ เหมือนกับคิดอะไรออก
“ตอนสมัยม.ปลาย ฉันเคยคบกับเด็กเกเร เรานอนด้วยกัน แต่แล้ววันต่อมาเมื่อฉันไปโรงเรียนพวกเขาก็เวียนกันดูวิดีโอที่ถ่ายตอนมีอะไรกับฉัน นั่นคือรักแรกของฉัน มันแย่ใช่ไหมล่ะ”
แจโอคิดว่าผู้ชายคนนั้นคงทำหน้าเครียดอยู่แน่ๆ หลังจากได้ยินเรื่องราวสุดช็อก แต่นักเขียนจองก็ยังคงพูดต่อโดยไที่ม่สนใจ
“ฉันอายมาก สุดท้ายก็เลยย้ายโรงเรียน แต่ข่าวลือก็แพร่ไปทั่วทุกโรงเรียนละแวกนั้น ฉันก็เลยเก็บข้าวของย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด หลังจากนั้นก็คบกับอีกคนที่นั่น แต่คราวนี้เป็นคนที่รอสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง เหมือนจะคบกับค่อนข้างนาน แต่พอเขาเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็มีผู้หญิงคนอื่นทันที แต่ก็คิดไว้แล้วแหละ คนต่อไปก็คือรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย เป็นคนดีแต่มารู้ที่หลังว่าเขาลอกงานของฉันเป็นผลงานจบการศึกษา หลังจากเลิกกับคนนั้น ต่อมาก็เพื่อนร่วมรุ่นที่คอยปลอบใจอยู่ตลอด แต่ก็จับได้ว่าเขาคบซ้อนกับเพื่อน แล้วคนต่อไปก็...”
“พอเถอะ”
เสียงของชายคนนั้นที่สั่นไหวทำให้นักเขียนจองหยุดพูดอย่างง่ายดาย
“ฉันไม่เหมือนกับไอ้พวกนั้นนะ”
“ฉันรู้ แต่แค่ฉันได้ยินคำว่าชอบหรือรักก็ตีตัวออกห่างแล้ว เคยบอกไปแล้วนี่”
นักเขียนจองส่งยิ้มบางๆ ให้กับชายคนนั้นที่ก้มหน้ามองพื้นเงียบๆ แล้วจึงขยับไปข้างๆ เขา เธอกุมมือของเขาทั้งสองข้างที่มีเส้นเอ็นปูดโปนออกมาเพราะเกร็งอย่างแรง ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปเบาๆ
“ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนดี แต่ว่าฉันเองก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น...”
ชายคนนั้นดึงตัวนักเขียนจองเข้ามากอดไว้แน่นราวกับไม่อยากได้ยินอะไรอีก คราวนี้เธอใช้แขนโอบรอบเอวเขาอย่างเงียบๆ แทนที่จะผลักเขาออกไป
“ขอโทษนะ ขอบคุณที่ชอบฉัน ขอให้เจอคนที่ดีๆ ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีปัญหาเหมือนฉัน”
แจโอเดินออกไปจากตรงนั้นเงียบๆ หลังจากได้ยินเสียงของนักเขียนจองที่กำลังปลอบผู้ชายคนนั้นอย่างอ่อนโยน
อย่างไรก็ตามเขาคงต้องแก้ไขความคิดที่มีต่อนักเขียนจองให้ถูกต้อง เธอไม่ใช่ผู้หญิงแปลกๆ แต่เป็นผู้หญิงที่โง่เขลาอย่างมาก