ต่อจากตอนที่แล้ว...
ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินตรงไปยังโต๊ะริมหน้าต่างกระจก ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักออกแล้วหยิบเงินสดขึ้นมาปึกใหญ่โดยไม่เสียเวลานับ ก่อนเขาจะโยนมันลงบนเตียง ตรงหน้าของหญิงสาว
หม่อมราชวงศ์หญิงตวัดสายตาที่ฉาบไว้ด้วยโทสะบางๆขึ้นมอง
คนอย่างเธอเกิดมาในชาติตระกูลสูงสง่ามากพอ ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถ มาทำลายหรือดูถูกย่ำยีศักดิ์ศรีกันได้ง่ายๆเหมือนกัน
“สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่เงิน แต่เป็นทะเบียนสมรส”
เสียงเย็นเยียบนั้นดังออกมาปากอวบอิ่ม ทินกรถอนเท้ามายืนพิงเสาปลายเตียง ปรายตามองคนร้องขอสิ่งที่เขาให้ไม่ได้ และไม่คิดจะให้กับผู้หญิงประเภทนี้
“กลับออกไปได้แล้ว หมดเวลาเล่นตลกของเธอซะที ถ้ายังเรื่องมากวุ่นวาย ยังคิดจะร้องขอเรื่องปัญญาอ่อน สุดแสนงี่เง่า ฉันจะจับเธอโยนออกไปเอง”
“นั้นก็ลองดู...ฉันจะไม่ยอมออกไปไหนทั้งนั้น จนกว่าคุณจะแสดงความรับผิดชอบในตัวของฉัน”
คองามเชิดตั้งตรงอย่างถือดี ถึงแม้ภายในมันกำลังสั่นคลอนมากเท่าใด หากทว่าสิ่งที่หญิงสาวแสดงมันออกมา กลับทำให้ชายหนุ่มเห็นรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
ทินกรพรูลมหายใจเสียงดัง เขาชักเริ่มหมดความอดทน ร่างสูงราวยักษ์ย่างสามขุมเข้าหาคนอวดดีพร้อมกระโจนเข้าหา โน้มกายแล้วช้อนร่างบอบบางปลิวขึ้นอย่างง่ายดาย
เขาทำเหมือนดั่งอุ้มเด็กสามขวบที่ไร้น้ำหนัก
“ว้าย!...คนบ้า ปล่อยนะ คุณจะพาฉันไปไหน”
หน้านวลแดงก่ำขึ้นอย่างเขินอาย ตอนนี้ร่างกายของเธอที่เขาอุ้มอยู่ในวงแขนไม่มีชิ้นผ้าปกปิดแม้แต่ชิ้นเดียว สร้างความปั่นป่วนให้กับคนอุ้มขึ้นมาในบัดดล ยิ่งหญิงสาวดิ้นรนในวงแขนของเขามากขึ้นเท่าใด เขาก็ยิ่งเกิดแรงปรารถนาในตัวของสาวเจ้ามากขึ้นเท่านั้น
ผิวละเอียดลออมือยามทินกรสัมผัส ยิ่งทำให้ชายหนุ่มนึกปรารถนาหญิงสาวขึ้นมาอีกครั้งจนได้
“โว้ย!...อย่าดิ้นนักจะได้ไหมวะ...ประเดี๋ยวก็ได้หล่นตุบ ก้นกระแทกพื้นจนได้หรอก”
ทินกรขึ้นเสียงดุเข้าข่ม
ม.ร.ว.หญิงมุกระวีตัวแข็งทื่อ เธอกลัวตก และก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างแถวสะโพกตนเอง
หญิงสาวปรือตามองชายหนุ่มด้วยความหวาดหวั่น
โปรดติดตามตอนต่อไป...