พ่อพี่เหมชื่อ.. เหนือสมุทร
___________________
" ไง แม่ของลูก "
ฉิบหายยย!!
ผมอ้าปากค้างมองไอ้บ้านั้นที่ทักผมด้วยคำที่ทำให้ใจตกไปอยู่ตาตุ่มเลื่อนสายตามองหัวจรดเท้าจากผมสีบลอนด์กลายเป็นสีดำไปแล้วแล้วอึ้งนักกว่าเก่า
มันหาผมเจอได้ไงว่ะ แล้วรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
หรือวันนั้นบนรถไฟ แต่มันผ่านมาหกเดือนแล้วนะ ถ้าสืบได้ถึงที่อยํ่แล้วทำไมถึงพึ่งมาหา ผมคิดมากจนคิ้วขมวดมุ่นกัดริมฝีปากแน่น
โอ้ยยยย ช่างแม่งแล้วกัน
แล้วผมควรทักมันกลับว่ายังไง
ไฮ~ พ่อของลูก งี้หรอมันใช่หรอว่ะหรือกะชับกอดพี่เหมให้แน่นๆแล้วเผ่นกลับห้อง ไม่ได้สิหนีไม่ได้มันดูมีพิรุจเกินไป
ใจเย็นๆอย่าพึ่งสติแตกอย่างน้อยๆฉีกยิ้มโง่ๆแล้วเล่นบทจำไม่ได้ไปก่อน
" คะ...คุณพูดเรื่องอะ..อะไรหรอครับ ผมไม่เข้าใจเลย"
ผมว่าเสียงซื่อพร้อมทำหน้างุนงงไปด้วย ผมอ่านนิยายมาเยอะทฤษฎีนี้แน่นปึกต้องได้ผลแน่นอน ผมรู้ผมอ่านมา เชิดหน้าแล้วหัวเราะ หึหึ ในใจ
" อ่า... งั้นหรอ " หมอนั้นจ้องหน้าผมนิ่งๆแล้วตอบกลับมา ทำไมมันตอบมาแค่นี้ว่ะ แล้วผมควรพูดอะไรต่อไหม ทำไงดี? หน้าไอ้บ้านี้ก็นิ่งเหลือเกินมองตามันก็อ่านความรู้สึกไม่ออกจนต้องหลบสายตา สายตามันทำผมประหม่าอ้ะ ฮืออออ T^T
" มามา~~ " เสียงลูกช่วยชีวิต ผมหันไปมองพี่เหมเค้ามองผมกับคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามสลับไปมาดิ้นจะลงให้ได้ผมปล่อยพี่เหมให้ยืนเกาะโต้ะข้างหน้าเอาไว้ พอเงยหน้าขึ้นมาไอ้พ่อของลูกนั่นก็มองพี่เหมตาไม่พริบพี่เหมก็จ้องกลับ จ้องกันไปมาอยู่นั้นแหละ ชิ สะบัดหน้าหมั่นใส้
" หลง เอกสาร "
หมอนั่นพูดเสียงเรียบนิ่ง คนชื่อหลงก็เขยิบเดินเข้ามาแล้วว่างเอกสารไว้ข้างหน้าผมก้มมองแล้วเงยหน้าว่าจะถามก็เจอสายตาบอกให้เปิดมัน ผมลังเลสักพักก็หยิบขึ้นมาดู
ใบแรกเป็นรูปผมกับพี่เหมตอนประมาณสองเดือนที่กำลังก้าวลงจากรถไฟอีกใบคือใบตรวจ DNA แล้วอีกใบคือเกิดของพี่เหมที่มีชื่อเขาเป็นพ่อและผมเป็นแม่
ฉิบหายซ้ำสอง!
หลักฐานแน่นขนาดนี้ มึงกะไม่ให้กูหาทางแถเลยใช่ไหมเนี่ย ไอ้หน้าหมา!!
ผมหน้าซีดโกรธก็โกรธ ตกใจก็ตกใจมันไปเอา DNA ลูกผมมาจากไหน แล้วชื่อในใบเกิดนี้อีกถ้าให้เดาคงโรงพยาบาลที่ผมไม่ทำคลอดนั้นแหละหมอนี้ต้องมีอำนาจมากพอดูถึงทำขนาดนี้ได้เงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามันอีกที
โอ้ยยย ตั้งตัวไม่ทันอยากจะขอยาดมพี่จันทร์แม่บ้านมายัดรูจมูกด่วนๆ จะทำยังไงดีว่ะกู
ถ้าเขามาเอาพี่เหมไปจากผมล่ะ
ผมกัดริมฝีปากแน่นรีบอุ้มพี่เหมมากอดไว้แน่น ถามกลับไปด้วยเสียงสั่นเครือด้วยความกลัว
" ต้องการอะไร " เขามองไปที่ลูกทีนึงแล้วเลื่อนสายตามาจ้องผมเขม็ง ผมกะชับออมกอดแน่นยิ่งขึ้นแล้วเตรียมจะไล่เขาออกไป
ให้เขาฆ่าผมให้ก็ไม่มีวันยกพี่เหมให้เขา
" เธอและลูก " เขาตอบกลับมาเสียงนิ่งแต่ทำให้ใจผมกะตุกไปจังหวะนึง ผมเชิดหน้าขึ้นไม่สนใจคิดจะอ่อยผมหรอไม่สำเร็จหรอก
" ถ้าคุณอยากมาหาลูก ได้ แต่ผมไม่มีวันยกลูกให้คุณอย่าหวัง มาทำสะ..... "
ก่อนที่ผมจะพูดจบเสียงเรียกชื่อผมอย่างร้อนรนดังขึ้นมา
" คุณทิวาค่ะคุณเวหาโทรมาค่ะ น้ำเสียงเธอดูไม่ดีเลยค่ะ!! "
ผมหันกลับไปมองพี่จันทร์ที่วิ่งเข้ามายื่นโทรศัพท์บ้านให้ผมด้วยหน้าตาที่ดูกังวล
ผมขมวดคิ้วฉับกะชับอุ้มพี่เหมที่ดูอยากจะไปหาพ่อตัวเองเหลือเกินผมตัดสินใจเดินไปไกล้เขาวางลูกไว้บนตักของเขา หมอนั้นรีบจับพี่เหมเอาไว้ทันที
ให้เจอกันก่อนที่จะไม่ได้เจอแล้วกัน
ผมหันกลับไปรับโทรศัพท์จาากพี่จันทร์
" ว่าไงเวหา อยู่ไหนทำไมเสียงดังจังเลย "
ผมถามกลับเพราะที่ที่ปลายสายอยู่มันเสียงดังมากแถมผมยังได้ยินเสียงหวอรถตำรวจด้วย
" ทิวา ทำไมแกไม่รับโทรศัพท์ เออช่างมันก่อน!! ทิวาแกต้องรีบพาพี่เหมหนีไป!! ในเมืองตอนนี้เกิดบ้าอะไรขึ้นก็ไม่รู้ รถติดเต็มถนนแถมยังชนกันเต็มไปหมด มีคนลุกขึ้นมาทำร้ายกันเองอีก กูเห็นกับตาเลยนะเว้ยว่าคนคนนั้นเดินออกมาจากกองไฟรถที่ระเบิดอ่ะ เหมือนในหนังที่เป็นซอมบี้เลยมึง ตำรวจก็ช่วยอะไรไม่ได้ขนาดยิงแล้วพวกมันยังลุกขึ้นมาใหม่ไปไล่กัดคนต่อ ตึกแถวนี้ไฟไหม้และระเบิดไปหลายที่แล้ว มึงต้องรีบหนีไปก่อนนะทิวา ในเมืองกลายเป็นจราจลไปแล้ว "
เสียงปลายสายพูดยาวออกมาด้วยเสียงตะโกน ได้ยินเสียงไซเรนและเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาตามสายบ้างพอฟังเวหาพูดจบพบตกใจ
เวรเอ้ย! ว่าแล้วว่าต้องคลาดเคลื่อนแต่ไม่น่าเร็วขนาดนี้ ผมตั้งสติแล้วตอบเวหากลับไป
" เวหามึงอยู่ที่ไหนรีบออกมาจากแถวนั้นเลยนะถ้าออกมาไม่ได้มึงต้องหาที่ซ่อนก่อน แล้วพี่ภูมิละอยู่ไหน? "
" พวกกูอยู่ที่บริษัทในห้องทำงานพี่ภูมิชั้นบนสุด กำลังหาทางออกจากที่นี้ ไม่รู้จะกลับบ้านทันไหม"
" โอเค มึงใจเย็นๆแล้วฟังกูนะ กูจะไปรอที่ท่าเรือก่อนมึงจำได้ใช่ไหมที่จอดเรือกู กูจะรออยู่ที่นั้นสามวัน ถ้ามึงมาไม่ทันกูจะไปรอที่เมือง Z ก่อนบ้านบนภูเขามึงต้องไปหากูที่นั้น โอเคไหม? รีบออกมาจากบริษัทส่งเสียงให้เงียบที่สุดพวกมันจะตามเสียงไปอย่าให้โดนกัด หาอาวุธไว้ด้วยแทงมันหรือยิงมาที่หัว เข้าใจใช่ไหมเวหา! "
" ได้เจอกันที่ท่าเรือ ดูแลตัวเองด้วยทิวา "
" มึงก็เหมือนกัน อย่าตายและดูแลตัวเองด้วย "
ปิ๊ป
ผมกดวางสายแล้วกำโทรศัพท์มือถือแน่น ผมประมาทเกินไปถึงรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้มันจะเกิดขึ้นแต่ก็ยังประมาท
ไม่มีเวลาแล้วต้องรีบไปก่อนที่พวกซอมบี้จะเยอะกว่านี้หันกลับไปสั่งพี่จันทร์เสียงนิ่งและเข้มกว่าทุกครั้ง
" พี่จันทร์ช่วยปิดและล้อคประตูหน้าต่างทุกบานในบ้านด้วยพอเสร็จพี่จันทร์และแม่บ้านคนอื่นกลับบ้านได้เลยครับ ผมให้เวลา10นาที "
ผมสั่งเสร็จไม่รอคำตอบรีบหันไปอุ้มพี่เหมไม่สนใจสีหน้าใครทั้งนั้นแล้วก้าวขาให้เร็วจนแทบจะกลายเป็นวิ่งขึ้นห้อง
ผมเปิดประตูห้องรีบวางพี่เหมบนพื้นแล้วก้าวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กระชับเคลื่อนไหวสะดวกและมิดชิดมากกว่านี้ สีดำทั้งตัว อุ้มพี่เหมมาเปลี่ยนชุดที่คลุมได้ทั้งตัวเนื้อผ้าพิเศษขาดยากใส่หมวกไหมพรมให้แล้ววิ่งไปหยิบกระเป๋าสะพายหลังหยิบขวดนมพี่เหมมาสองขวดหยิบนมที่อยู่ในตู้แช่ให้พอสำหรับ5วัน
ไฟฉายขวดน้ำดื่มและช็อคโกแลตเพิ่มพลังงาน หันไปหยิบแม็กกระสุนใส่กระเป๋าให้มากที่สุด มีดทหารติดไว้ข้างเอวรัดสายพกปืนไว้ที่ต้นขาทั้งสองข้าง
หยิบปืนพกมาใส่ไว้ที่ต้นขาอย่างละข้าง ใส่แจ็คเก็ตทับอีกตัวแล้วหันไปหยิบมอถือมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านหน้าตั้งค่าเป็นโหมดสั่นไว้แล้ว หยิบเป้อุ้มเด็กมาติดไว้ด้านหน้าและสะพายกระเป๋าเป้ไว้ด้านหลังก้มลงไปอุ้มพี่เหมมาใส่ไว้ในเป้
ผมหันไปมองรอบห้องว่าลืมอะไรอีกไหมแล้วก็เห็นจุกนมแบบพี่ที่คล้องกันหลุดผมรีบวิ่งมาหยิบแล้วคล้องไว้ให้พี่เหมดูดไปก่อนพอแน่ใจก็วิ่งไปหยิบร้องเท้าผ้าใบที่เอาไว้สำหรับวิ่งมาใส่
คว้าปืนพกที่ใส่กระบอกเก็บเสียงไว้แล้วขึ้นมาเช็คกระสุนและปลดเซฟตี้ออก แล้วรีบเดินลงมาข้างล่าง พอลงมาถึงบ้านเงียบหมดแล้วแปลว่าไม่น่ามีใครอยู่แล้วผมรีบก้าวไปทางหน้าบ้านเพื่อจะไปที่โรงรถ พอผ่านห้อบรับแขกเท่านั้นแหละ
ผมแทบกรีดร้องไอ้บ้านั้นทำไมยังไม่กลับไปอีกแทบชุดยังพร้อมกว่าผมอีกคนที่มากับหมอนี้ก็ไม่อยู่
" ทำไมคุณยังไม่กลับ ที่นี้ไม่ปลอดภัยแล้วนะ รีบกลับไปซะ " ผมพูดเสียงเครียดคนยิ่งรีบๆอยู่
" ฉันจะไปกับเธอและลูก "
หมอนั้นตอบกลับมาแล้วเริ่มก้าวขาเดินมาหาผม
" จิ๊ รู้หรอว่าผมจะไปไหน?"
" รู้ เมือง Z "
เขาตอบกลับมาและก้มหน้าลงมามองผมที่ตัวเตี้ยกว่าด้วยสายตานิ่งๆ
" แสนรู้จริง จะไปก็รีบตามมา ผมจะไปท่าเรือรอเพื่อนที่นั่น คนของคุณไปไหน ทำไมไม่อยู่กับคุณ"
ผมจิกเขากลับแล้วเริ่มเดินออกไปทางโรงจอดรด
" เรียกเหนือ ฉันชื่อเหนือสมุทร เขาไปจัดการธุระให้ฉันจะไปเจอกันที่เมือง Z "
เค้าเดินตามหลังมาแล้วพูดตอบ ผมหันไปล้อคประตูบ้านซ่อนกุญแจไว้ในกล่องข้างประตูถ้าเวหากลับมาที่บ้านก่อนเขาจะรู้
" อายุเท่าไหร่ ผมหมื่นทิวา อายุยี่สิบเจ็ด" ผมเดินไปด้วยถามเขาไปด้วย ไม่ได้หันไปมองคนที่เดินตามผมมาแต่ก้มไปลงไปมองพี่เหมพี่เหมยังดูดจุกนมไว้และหันซ้ายขวามองข้างนอกอย่างสนใจ
" สามสิบ " พอเขาตอบกลับผมพยักหน้าและหันไปหากุญแจรถที่แขวนติดเพดานเอาไว้ ผมเลือกหยิบมาดอกนึงกดรีโมทหารถแล้วรีบเดินไปเปิดประตูรถ
" คุณรู้จักทางลัดไปท่าเรือใหม? ผมรู้แค่ทางหลักเท่านั้นเราไปทางนั้นไม่ได้รถน่าจะติดไปแล้ว"
ผมหันกลับมาถามเขา เหนือสมุทรพยักหน้าผมเลยโยนกุญแจรถให้เขาแล้วเปลี่ยนมานั่งฝั่งคนขับแทน
พอรถขับออกมาถนนหลักผมถึงเห็นว่าภายนอกเป็นแบบไหน
รถบางคันก็ชนข้างทางหรือไม่ก็ชนกันเอง มีศพที่นอนตายบ้างและพวกที่กำลังจะลุกขึ้นมา คนเป็นได้แต่วิ่งหนีและกรีดร้อง ตึกรามบ้่านช่องท่าไม่ไฟไหม้ ก็ร้างไปหมดประตูบ้านพวกเขายังเปิดทิ้งไว้อยู่เลย
เลือดเปอะเปื้อนเต็มถนนและกำแพงไปหมด พวกซอมบี้พากันเดินไปทางเดียวกัน นั้นคือทางที่เสียงดังที่สุดคือในเมืองและสะพานขาออกของเมือง
ผมมองไปบนสะพานขาออกจากบนรถถ้ารถติดขนาดนั้นแปลว่าขยับไม่ได้พวกตำรวจต้องกั้นทางออกแล้วแน่ๆ
อีกไม่นานคงเกิดจราจลพวกซอมบี้ก็เดินไปทางนั้นเรื่อยๆไม่นานคงถึงแน่ผมกัดริมฝีปากแน่นคิดหนักอีกฝั่งของเมืองคือท่าเรือคนต้องคิดได้แต่กว่าจะมาถึงคงต้องลงจากสะพานให้ได้ไม่ถูกซอมบี้กัดไปซะก่อน ที่เหลือคือเวหา บริษัทมันอยู่ในเมืองคนเยอะที่สุด ผมหยิบมือถือขึ้นมาพิมข้อความถึงเวหา
(อย่าไปที่สะพานขาออกเมืองรีบมาที่ท่าเรือพวกซอมบี้ตามเสียงไปแล้ว พวกที่อยู่บนสะพานตายหมดแน่ แกต้องรีบก่อนที่คนจะไหวตัวทัน) ปิ๊ป
ผมไม่ห่วงพวกคนเลวนักพวกนี้จิตใจแข็งแกร่งมากส่วนพวกที่ห่วงจริงๆคือพวกโลกสวยถ้าไม่กลายเป็นบ้าหรือฆ่าตัวตายเพราะรับความจริงไม่ไหวก็จะกลายเป็นพวกโรคจิตตรรกะป่วยไปเลย พวกนี้น่ากลัวเผลอๆหน้ากลัวกว่าพวกที่เลวอยู่ก่อนแล้วซะอีก แต่ยังอีกสักพักจนกว่าจะถึงขั้นนั้นสักเดือนหรือสองเดือน
ผมเลิกคิดหันมามองทางข้่างหน้ารถยังขับผ่านได้อยู่ซอมบี้ยังไม่เท่าไหร่ตอนนี้ยังถือว่าสบายๆได้อยู่
ผมผ่อนคลายตัวเองลงพยายามไม่รีบร้อนจนเกินไปต้องใจเย็นไม่งั้นผมได้สติแตกแน่ พอควบคุมตัวเองได้ก็ก้มลงๆดูพี่เหมที่หลับไปแล้วผมก้มไปจูมกะหม่อมเบาๆแล้วถอนหายใจออกมา
วางปืนไว้หน้าคอนโซลรถแล้วคลายมือข้างที่ถือปืนเอาไว้บีบมือตัวเองเบาๆแล้วหันไปมองคนที่ขับรถอยู่
มันรวดเร็วไปหมดจนผมตั้งตัวไม่ทันทั้งเรื่องเขาเรื่องลูกและเรื่องซอมบี้
ผมไม่กลัวลูกรู้ว่าเขาเป็นพ่อกลัวแค่อย่างเดียวคือเขาจะเอาลูกผมไป ยิ่งโลกเป็นแบบนี้ไปแล้วมันก็ยิ่งง่ายขึ้น ในโลกนี้ผมมีแค่พี่เหมคนเดียว ผมย่อมต้องอยากรักษาค่อยไว้ให้ดีที่สุดผมเลี้ยงเขามารักจนยอมตายได้ ถ้าเหนือสมุทรมาเอาพี่เหมไป
ผมคงแตกสลายไปจริงๆ
พอคิดได้น้ำตาก็คลอหน่วย เอ่ยถามเขาเสียงแผ่วเบา
" คุณ...พี่เหนือ จะไม่เอาลูกไปจากผมใช่ไหม"
ผมจ้องเขาเขม็งรอคำตอบเขาปรายตามองผมและเบนสายตากลับไปมองถนนต่อ
" ฉันจะเอาเขาไป " เค้าตอบกลับมาเสียงเรียบไม่หันมามองสักนิดพ่อผมได้ยิน น้ำตาเจ้ากรรมก็ร่วงเผลาะ กัดริมฝีปากตัวเองแน่นขึ้นจนห้อเลือด บีบมือตัวเองแน่นขึ้น
" เอาทั้งทิวาและลูกไป " เขาพูดอีกครั้งแล้วหันมายิ้มมุมปากสายตาก็อ่อนลงแถมใช้มือขวาที่ไม่ได้จับพวงมาลัยมาเช็ดน้ำตาให้ผมแรงๆปาดจนขนตาแทบหลุด จะซึ้งอยู่แล้วเชียว! เมื่อกี้เผลอใจเต้นไปแปปนึงด้วย
ผมหันกลับไปจะด่าเขาที่มาแกล้งก็ต้องตาเบิกกว้างรถกะบะที่โผล่มาจากไหนไม่รู้กำลังจะชนเข้าที่ฝั่งคนขับผมรีบกอดพี่เหมไว้แน่นตะโกนบอกเขาในเสี้ยววิ
" เหนือ ระวัง!! "
เอี๊ยดดด โคร่มมม!
ผมไม่ได้สลบตาลืมตาขึ้นมาก็มองอะไรไม่เห็นเสียงในหูก็มีแต่เสียงวิ้งง สติค่อยๆหายไป
และเปลือกตาก็ปิดสนิททั้งสองข้าง
____________________________