อิงฟ้า VS ปฏิพน [6]
อิงฟ้าไม่แปลกใจเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วเห็นร่างสูงของปฏิพนนั่งอยู่บนโซฟา นอกจากเก่งกาจเรื่องสมการเคมี สูตรเคมีต่างๆ แล้ว สิ่งที่ปฏิพนเหนือกว่าคนอื่นคือการย่องเบากับกุญแจผี
“มีธุระอะไร”
อิงฟ้าถามพลางเดินไปที่เคาน์เตอร์ครัว สังเกตว่าปฏิพนดูนิ่ง เครียดขรึมและจ้องเธอไม่วางตา เห็นอย่างนั้นแล้วอิงฟ้าก็เดาว่า... ปฏิพนคงไม่เคยเห็นเธอแต่งหน้า หรืออีกที เขากำลังก่นด่าช่างที่แต่งหน้าให้เธออยู่
รินน้ำและดื่มจนพอใจแล้ว อิงฟ้าก็เริ่มเบาใจ ปฏิพนไม่มีอาการงอแงตัดพ้อเธออย่างที่คิดไว้และไม่ได้คุยคำบ่นสิบคำอย่างเคย ดูเหมือนคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักเสียมากกว่า นี่ละ ที่เรียกว่าผิดปกติ เพราะปกติ ปฏิพนไม่เคยคิดใคร่ครวญอะไร เป็นตัวตั้งตัวตีรณรงค์ให้ใช้สมองอย่างประหยัดเสียด้วยซ้ำ
นอกจากจะไม่ตอบเธอแล้ว ปฏิพนยังนั่งนิ่งราวกับถูกสาป อิงฟ้าเดินอ้อมมามองใบหน้าคมสันแล้วก็เลิกคิ้วแทนการถามซ้ำ ปฏิพนยังไม่ตอบเช่นเดิม แต่สายตาที่มองเธอนั้นเหมือนมองคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
เมื่อจ้องกันนานหลายนาทีแล้วแต่ปฏิพนยังคงเงียบ อิงฟ้าก็ยอมเป็นฝ่ายตั้งคำถาม “เป็นอะไร นั่งมองอยู่ได้ จะพูดอะไรก็พูดมา”
ปฏิพนสบลูกตาสีน้ำตาลเข้มในดวงตารูปเรียวรีที่มีจมูกได้รูปตั้งตรงกลาง ไล่มองแก้ม มองปาก ที่รวมกันเป็นใบหน้าของคู่อริอย่างกลัดกลุ้มใจ อยากถามว่าอิงฟ้าเริ่มเปลี่ยนมาชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ อยากรู้ว่าอิงฟ้าไม่ชอบผู้หญิงแล้วหรืออย่างไร หรือว่าเปิดกว้างทางความรู้สึกอย่างที่ว่า ‘ได้หมดถ้าสดชื่น’ หากแต่ปากรวบคำถามเหลือเพียงว่า
“แกชอบผู้ชายได้ด้วยเหรอ”
อิงฟ้ามองอาการถามคล้ายละเมอของปฏิพนแล้วก็กลอกตา ขำตัวเองนิดๆ ว่า เธอยังจะเชื่อคำปลอบของปฏิภาณอีกหรือว่าปฏิพนความรู้สึกช้า เห็นกันอยู่ว่า ปฏิพนไม่เคยรู้สึกเลยต่างหาก นี่คงเพิ่งตระหนักว่าเธอมีเพศสภาพตามบัตรประชาชนว่าผู้หญิงละมัง
“ตอบมาไอ้อิง”
เสียงแหบห้าวของปฏิพนบวกกับความคิดที่จะยุติปัญหาทำให้อิงฟ้าเลือกพยักหน้า อย่างน้อยๆ ปฏิพนก็รู้แล้วว่าเธอไม่ใช่เพื่อนผู้ชาย วิวัฒนาการเร็วพอๆ กับพารามีเซียมเชียวละ
“แล้วผู้หญิงพวกนั้นล่ะ แพนล่ะ แล้ว...”
ปฏิพนสับสนคล้ายถูกตีแสกหน้า เพื่อนที่เข้าใจมาตลอดว่าชอบเพียงแต่ผู้หญิงกลับชอบผู้ชาย แล้วยังปล่อยให้ไอ้บ้าหน้ามึนที่ไหนก็ไม่รู้กอด แถมยังยิ้มหวานอย่างที่เขาไม่เคยเห็นสักครั้ง ยิ้มที่ทำให้หัวใจของเขาวิบโหวง หน้ามืดตาลายคล้ายถูกปลิดวิญญาณ และบ้าบอเหลือเกินที่หัวใจร่ำร้องอยากได้รอยยิ้มอย่างนั้นบ้าง เหนือว่าอื่นใดนั้น ปฏิพนคิดว่าเขาหวงแหนอิงฟ้า
อิงฟ้าลอบหายใจเข้าลึกตัดบทว่า
“ทุกคนเข้าใจดี แกไม่ต้องห่วงหรอกน่า ตกลงว่ามีคำถามแค่นี้ใช่ไหม ถ้าใช่... ก็กลับไปได้แล้ว ฉันเหนื่อย อยากนอนพัก”
ปฏิพนยกมือห้ามให้อิงฟ้าหยุดพูดพลางเคาะขมับตัวเองอย่างหนัก ขอร้องอย่างเคร่งเครียดว่า
“อย่าเพิ่งไล่ ฉันกำลังใช้ความคิด”
บอกอิงฟ้าแล้วปฏิพนก็หลับตา เข้าใจแล้วว่า นี่คือเหตุผลที่ปฏิภาณมักเตือนให้เขาบริหารสมองบ้าง สมองจะได้แล่นง่ายๆ ไม่ใช่ง่อยเปลี้ยคิดอะไรไม่ค่อยออกอย่างนี้ เหมือนจะมีคำตอบรออยู่ข้างหน้า แต่ก็คิดไม่ออกว่ามันคืออะไร
มองใบหน้าคมสันที่ไม่มีรอยยิ้มยียวนกวนประสาทอย่างเคยแล้วอิงฟ้าก็ถอนหายใจออกบางเบา เตือนตัวเองว่าอย่าใจอ่อน อย่าคิดเข้าข้างตัวเองอีก เธอควรหยุดคำว่ารอไว้เพียงแค่นี้ และคำว่าเพื่อนก็จีรังยั่งยืนเหมาะกับเธอดีแล้ว
ถึงจะบอกอย่างนั้น แต่เมื่อนั่งมองอีกฝ่ายเนิ่นนาน อิงฟ้าก็ยิ้มขื่นให้กับความสัมพันธ์อันยากนิยามของเธอกับเขา เหมือนจะชัง แต่ก็มักมองหากันทุกที่ เหมือนจะแข่งขัน แต่ก็คล้ายจะถ้อยทีถ้อยอาศัย วันที่มารดาของเธอป่วยไข้ ก็ได้ปฏิพนนี่แหละที่อาสาช่วยดูแล ในความธรรมดามีความพิเศษ และในความพิเศษก็เต็มไปด้วยความสุขใจอันแสนธรรมดา อิงฟ้าคงปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบเรื่อย หากว่าไม่มีเรื่องสะกิดใจเสียก่อน