ถึงจะพอเดาได้ว่าปฏิพนต้องการอะไร แต่ปฏิภาณก็อดค้านไม่ได้ ไม่ได้ห่วงว่าน้องชายจะเสียเวลาเฝ้าอิงฟ้า แต่ห่วงว่า คนข้างบ้านของอิงฟ้าจะแจ้งตำรวจจับฐานบุกรุกเคหสถานเสียมากกว่า ไปปีนรั้วบ้านคนอื่นในยามวิกาลอย่างนั้น ไม่ถูกใครสักคนใช้ลูกปืนสอยจนร่วงลงมาก็บุญแล้ว
“เออน่า... บอกให้ไปส่งก็ไปส่งเถอะ”
ปฏิพนพูดตัดรำคาญ ไม่อยากสาธยายว่าถึงกลับไปนอนที่คอนโดมิเนียม เขาก็นอนไม่หลับ คล้ายจิตใจมันกังวล จนต้องมาอาศัยนอนที่บ้านอิงฟ้า มาอยู่บนเตียงนุ่ม ดมกลิ่นหมอนกลิ่นผ้าห่มยังดีเสียกว่า ให้กลิ่นหอมอ่อนโยนนั้นบำบัดความห่วงใย ความร้อนใจให้บรรเทาเบาบาง
“อิงกลับมาแล้ว”
ปฏิพนร้องเสียงใสทันทีที่เห็นแสงไฟจากบ้านอิงฟ้า แววตาสุกสกาวราวกับเด็กรอแม่กลับบ้านของน้องชายทำให้ปฏิภาณส่ายหน้า อาการหนักขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีก แต่ครู่เดียวใบหน้าสดใสก็คล้ายพระอาทิตย์ถูกเมฆบัง ปฏิภาณเข้าใจได้เองเมื่อเห็นรถคันหรูของกรรณจอดเลยหน้าบ้านไปเล็กน้อย
“จะเข้าไปไหม จะได้ลงไปด้วย”
ปฏิภาณเสนอตัวในที่สุด ไม่เห็นประโยชน์จากการชะเง้อจนคอยาวนั้น ถึงอิงฟ้าจะเปิดไฟในห้องนั่งเล่นและเปิดผ้าม่าน แต่มุมที่เธอกับกรรณนั่ง ไม่สามารถมองเห็นจากนอกบ้านได้
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวอิงมันก็คุยธุระเสร็จ”
ได้ยินคำว่า ‘ธุระ’ ที่ลงเสียงหนักกว่าคำอื่นแล้วปฏิภาณก็ตบไหล่อีกฝ่าย เตือนจากใจว่า
“อย่าวู่วาม จะทำอะไรให้คิดหน้าคิดหลังเข้าไว้ แกบอกเองไม่ใช่หรือว่าอิงเป็นเพื่อนคนสำคัญ”
รอจนปฏิภาณขับรถจากไป ปฏิพนจึงปีนรั้วเข้าไปแอบในใบบังของต้นไม้อย่างเงียบเชียบ หายใจเข้าลึกยาวโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นอิงฟ้าเดินเกาะแขนของกรรณออกมาจากบ้าน บอกตัวเองว่าสนิทสนมกันขนาดนั้น... เพื่อนสาวแน่ๆ
ชะเง้อมองกรรณแล้วปฏิพนก็บิดริมฝีปากหยัน มีผู้ชายแท้ทั้งแท่งคนไหนหุ่นล่ำขนาดนั้นบ้าง แล้วยังจะใบหน้าหล่อราวกับเหลาด้วยมีดหมอนั่นอีก ไม่เห็นจะเท่ จะเจ๋งตรงไหน ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ รูปร่างหน้าตาประมาณคุณติ๊ก เจษฎาภรณ์เท่านั้น เท่านั้นเองจริงๆ ชิ!
ปฏิพนฮึ่มฮั่มตามลำพัง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่กล้าประจันหน้า และทำไมไม่เดินไปแยกอิงฟ้าออกจากบุคคลที่สามเหมือนทุกครั้ง
‘อ้อ! รู้แล้ว ก็เราไม่ได้ชอบผู้ชาย จึงไปแย่งจีบอย่างผู้หญิงไม่ได้ เพลี้ยแล้วไง ไอ้อิงมันชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?’
ปฏิพนแนบตัวชิดกำแพงให้มากที่สุดเมื่ออิงฟ้าเดินมาถึงหน้าบ้าน เสียงสนทนานั้นดังไม่ชัดนัก แต่เมื่อรวมกับภาษาภายก็พอจะเดาได้ว่าทั้งสองคุยเรื่องอะไรกันอยู่
“ดึกแล้ว คุณน่าจะนอนค้างที่นี่”
‘หน็อย! ทีหมอนี่ละก็ชวนนอนค้าง ทีเขาละ ไล่กันจัง ล่าสุด ถึงกับถีบกลางอกจนร่วงเตียง สองมาตรฐานชัดๆ’
“ไม่อยากยุ่งยากตอนเช้าน่ะ พรุ่งนี้มีนัดคุยกับลูกค้าด้วย เอาไว้จะรีบเคลียร์งานละกัน ดูแลตัวเองด้วยเป็นห่วง”
ปฏิพนเห็นอิงฟ้าพยักหน้า และเขาก็ชินกับวิธีการรับคำด้วยการผงกศีรษะของอีกฝ่ายจึงไม่ขัดตา แต่ดีไซน์เนอร์หนุ่มกลับส่ายหน้าไม่พึงพอใจกับวิธีรับคำแบบนั้น
“ถ้ารับปากต้องพูดว่าค่ะ ไหนพูดซิ”
เพราะฝ่ายชายหันหลัง ปฏิพนจึงไม่เห็นว่าสีหน้าตอนพูดของกรรณเป็นอย่างไร แต่การทอดเสียงอ่อน ทำเสียงทุ้มหล่อก็เพียงพอให้สรุปได้
‘ไม่ใช่เก้งกวาง ไม่ใช่เสือสิงห์กระทิงที่ไหน แต่เป็นแรดล้วนๆ เลยละหมอนี่’
“ค่ะ” อิงฟ้ารับคำแล้วก็ยิ้มขำ
ใบหน้าเก้อเขินของเพื่อนทำให้ปฏิพนใจแป้วอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนข้างในอกกำลังกลวง คล้ายหัวใจถูกถ่วงและกำลังจะจมหาย ยิ้มแบบนั้นเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเขาไม่เคยเห็นเลย
“น่ารักมาก มาให้กอดที”
จบคำบอกแขนแข็งแรงก็อ้าออกกว้าง อิงฟ้าส่ายหน้ายิ้มขำแต่ก็ยอมขยับก้าวเข้าไปในอ้อมกอดนั้นง่ายๆ ปฏิพนมองภาพนั้นด้วยดวงตาพร่าลาย ถ้าไม่ได้ยืนอิงกำแพงบ้านไว้ ก็คงรูดตัวลงไปกองกับพื้นแล้ว
เมื่อรถยนต์คันใหญ่เลื่อนตัวออกจากหน้าบ้าน อิงฟ้าก็ดึงรั้วเข้ามาปิด ลงกลอนและล็อกกุญแจจากด้านในเหมือนทุกครั้ง สอดสายตามองหาบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดใจว่า
‘ช่างมัน’
>>>> โถวววว สงสาร นอกจากจะซื่อบื้อไม่รู้ตัวแล้ว ยังไม่กล้าแสดงตัวด้วยจ้า แอบดูเขาไม่พอ ยังคิดนินทาว่าเขาเป็นเกย์อีก มโนแจ่มมากค่าาาา