01
หลังจากจอดรถสนิทแล้วจ๊ะจ๋าก็เดินลงรถปึงปังเข้าบ้านไปด้วยอารมณ์ขัดใจ
นี่ผมต้องมาคอยดูแลยัยเด็กนี่จริงๆหรอ
ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะสัญญากับแม่เอาไว้เรื่องคาสิโนที่ผมเตรียมสร้างและจะเปิดตัวในเร็วๆนี้จะถูกระงับล่ะก็ผมไม่ตอบตกลงรับยัยจ๊ะจ๋านี่เข้ามาอยู่ด้วยให้วุ่นวายชีวิตหรอก
ซ้ำยังเป็นตัวป่วนชั้นดีที่พลังทำลายล้างพร้อมพุ่งชนอยู่ตลอดเวลาเหมือนเช่นเมื่อกี้แล้วด้วย
คิดแล้วปวดหัวจริงๆ
ปังง!!
เดินเข้าในบ้านก็ได้ยินเสียงปิดประตูดังปังมาจากชั้นบน หลีกหนีไม่ได้ที่จะขึ้นไปดุคนในห้อง
“ทำไมต้องปิดประตูเสียงดังขนาดนั้น” เคาะประตูหลายครั้งแต่ภายในห้องก็ยังเงียบกริบ
บรื้นนนน บรื้นนนน
ไอ้สัสเอ้ย!! อย่าบอกนะว่า
“ยังช้ากว่าจ๊ะจ๋าอยู่นะ แบร่” จ๊ะจ๋าขับรถออกไปแล้ว ไม่ใช่รถเธอด้วยแต่เป็นบิ๊กไบท์คู่ใจของผมที่ใช้ไปไหนมาไหนเวลาเร่งรีบและลงสนาม
ไม่รอช้ารีบหยิบกุญแจรถแล้วขับตามออกมาทันที เนื่องจากพอจะรู้ถึงความก๋ากั่นของเธอมาพอสมควรเนื่องจากแม่ของเธอชอบมานั่งบ่นเรื่องยัยนี่ให้แม่ผมฟังบ่อยๆ
ก็ไม่รู้ทำไมความซวยถึงได้มาตกที่ผม
แม่ก็ไม่อยู่เพราะต้องออกทริปบุญรอบโลก ไม่รู้ว่าไปโดนทักอะไรเข้ากันแน่
ส่วนแม่ยัยจ๊ะจ๋ารู้สึกว่าสามีใหม่ของเธอจะรับลูกเลี้ยงคนนี้ไมไหวเลยยื่นคำขาดว่าต้องไปอยู่ต่างประเทศด้วยกันโดยไม่มียัยนี่
เอาล่ะกลับมาที่ตอนนี้ขับตามจ๊ะจ๋าที่ไปจอดรถที่หน้าผับอีกแห่ง
กำลังจะยื่นบัตรประชาชนส่งให้การ์ดดูแต่ผมเดินไปคว้าเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันหนีไปไหนอีกรอบผมก็ยกตัวเธอพาดบ่าไปยัดใส่รถก่อนออกตัวมาอย่างรวดเร็ว
ค่อยให้คนมาเอารถพรุ่งนี้เช้าล่ะกัน ถ้ามีแม้แต่รอยขีดข่วนนะเธอโดนแน่ยัยจ๊ะจ๋า
Jajah PART
ไอ้บ้า ไอ้บ้าๆๆๆๆ
กล้าดียังไงถึงมาอุ้มฉันแบบนี้
ได้แค่เพียงก่นด่าในใจแต่มือสองข้างกางเล็บออกมาจิกไปที่ไหล่ของพี่ไนท์ที่กำลังเลี้ยวรถเข้าบ้าน
“โอ้ยยยย เป็นหมาหรือไงเดี๋ยวก็กัดเดี๋ยวก็จิก” พี่ไนท์ลูบไปตรงบริเวณที่โดนจิกถลกเสื้อลงมาจนดูเซ็กซี่เบาๆ
นี่ฉันเมาหรือไงมองว่าเขาเซ็กซี่เนี่ย
“กระแดะ” มันเป็นคำเดียวที่คิดออก แค่จิกนิดเดียวทำเป็นโอดครวญ
“ปากเนี่ยเก็บไว้พูดอะไรที่มันดีๆไม่ได้หรือไง” พี่ไนท์มองฉันตาขวาง
“ก็อยากจะพูดแบบนี้ พอใจ” ไม่ยี่หระเท่าไหร่หรอก เพราะคนรอบข้างก็มักจะพูดแบบนี้รวมถึงนิสัยและความชอบส่วนตัวด้วย
ทำอะไรก็ได้กูไม่ได้ขอตังใคร
ก่อนที่ฉันจะได้เปิดประตูลงจากรถพี่ไนท์ก็ดึงให้ฉันออกทางประตูเขาแล้วยกฉันขึ้นพาดบ่าทันที
“อ้ากกก ทำบ้าอะไรเนี่ยยย ปล่อยจ๊ะจ๋าเดี๋ยวนี้” ทุบหลังเขาดังปั้ก ปั้ก แล้วเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ลง
พี่ไนท์อุ้มฉันเดินเข้ามาในบ้านด้วยสภาพที่หัวฉันห้อยลงมาจนเลือดจะไหลไปกองอยู่ที่สมองจะหมดแล้ว
“ทำตัวให้มันดีหน่อย มันลำบากพี่เข้าใจมั้ย” โยนฉันบนเตียงนุ่มที่นอนมาได้สามวัน รีบตะเกียกตะกายเพื่อจะหนีพี่ไนท์
ขยับไปได้นิดเดียวสัมผัสจากข้อเท้าโดนดึงให้กลับไปหาพี่ไนท์
“ปล๊อยยยยยย” ฉันใช้ทั้งสองข้างถีบไปที่ตัวพี่ไนท์แต่กลับหลบได้แล้วกระโดนทับมาที่ตัวฉันโดยไม่มีท่าทีสงสารสักนิด
ทับดังแอ้กไม่พอพี่ไนท์ก็รวบตัวฉันไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
จะบอกว่ากอดก็คงไม่ผิดหรอก
“อย่ามาหลอกแต๊ะอั๋งดิว่ะพี่ไนท์” อยากจะบอกว่าพี่ไนท์แรงเยอะมากๆ ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด
“ดื้อนักมันก็ต้องโดนแบบนี้แหละ” ดื้อตรงไหน อย่างฉันน่ะเรียกว่าฟังเว้ยแต่ไม่ทำตาม
“โรคจิต”
พี่ไนท์ไม่พูดอะไรแต่กอดฉันไว้อย่างนั้น บ้าหรือเปล่าเนี่ย
สุดท้ายฉันก็ต้องปล่อยให้เขาทำไปแล้วเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีตอนใกล้สว่างพี่ไนท์ก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว
หลังจากกลับมานอนต่ออีกรอบจนเช้าฉันก็ไปอาบน้ำเตรียมไปเรียน คิดว่าป่านนี้พี่ไนท์คงไปดูงานของที่บ้านที่ไหนสักแห่งแต่ปรากฎว่าเขายังอยู่ในชุดนอนจิบกาแฟนั่งที่โซฟา
“....” เวลาแบบนี้เราทั้งคู่จะไม่ค่อยคุยกันเพราะไม่มีเรื่องจะคุย
แล้วมันก็ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย
ไม่กล่าวลา ไม่ทักทาย เพียงยกมือไหว้แล้วเดินไปขึ้นรถเมล์ที่ป้ายเป็นปกติหลังเมื่อวันก่อนมาดูที่ทางไปมหาลัยไว้แล้ว