6 เดือนต่อมา
ลา สเปเซีย, ประเทศอิตาลี
‘นี่เดือนหน้าก็จะงานแต่งฉันแล้วพี่จะกลับมาหรือเปล่าเนี่ย’ เสียงปลายสายของน้องสาวดังออกมาจากโทรศัพท์
“อื้อ...ฉันมาทำธุระนะยัยเรงานแต่งแกไปแน่นอนแต่แกเล่นพี่ซาหนักไปเปล่าถอนหุ้นออกแบบนั้นบริษัทแน่เลยนะเขายิ่งโดนเมียด่าอยู่” หลังจากการเซอร์ไพรส์ของแต่งงานครั้งนั้นดูเหมือนน้องสาวตัวแสบจะแค้นใจอึนซาลูกพี่ลูกน้องอย่างมากก็รายนั้นชอบแกล้งคนอื่นแรงๆนะสิผมอยู่ด้วยกันกับหมอนั่นมานานผมรู้นิสัยดีอีกหน่อยก็หาทางเอาคืนกันไม่จบไม่สิ้นแน่
‘เรื่องของฉันเถอะว่าแต่พี่แอลละไปไหนไม่เห็นหน้าเลยพักนี้ทุกคนชอบหายกันจริงยัยลิต้าก็ติดต่อไม่ได้มาหกเดือนละ’ ชื่อของลิต้าสะดุดหูผมทันทีผมก็ไม่เจอเธอมาหกเดือนแล้วนับตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นเธอก็หายออกไปจากชีวิตผมเลยแต่ผมยังจำทุกสัมผัสของเธอได้ดีให้ตายสิเธอไปไหนนะ
“ไม่รู้สิ...แค่นี้นะเรฉันมีงาน” ผมกดวางสายทันทีที่พูดจบพร้อมกับความสับสนวุ่นวายในหัวให้ตายเถอะผู้หญิงคนนั้นเธอหายไปจากชีวิตผมพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผมยังไม่สามารถลบภาพเธอออกจากหัวได้...
“แจอันฉันไม่มีธุระอะไรแล้วใช่ไหม” ผมหันหน้าไปถามลูกน้องคนสนิทที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยครั้งนี้
“ไม่ครับวันนี้นายสามารถไปเมาและคั่วสาวได้แล้วครับทางนั้นคอนเฟิร์มทุกอย่างมาว่าเสร็จสิ้นหมดแล้วเวลาวางที่เหลือนายจะใช้ยังไงก็ตามใจครับ”
“โอเค...งั้นฉันจะออกไปเดินเล่นคนเดียวอย่าตามมาละ” บางครั้งผมก็อยากใช้ชีวิตคนเดียวบ้างแบบไม่มีคนคอยตามอยากไปนั่งคิดหลายๆเรื่องคนเดียวด้วยนะสิ
“ได้ครับแต่ระวังตัวด้วยนะครับมีอะไรเรียกผมได้ผมจะรีบไปให้เร็วกว่าเดอะแฟลชเลย” ไอ้หมอนี่อินกับหนังเกินไปละ
“เออรู้แล้ว” พูดจบผมก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดสบายๆมากกว่าชุดสูทพอทุกอย่างเสร็จแล้วผมก็เดินออกมาจากห้องนอนที่ตอนนี้แจอันก็ออกไปแล้วผมจึงเดินออกไปจากห้องทันทียังไงคนที่นี่คงไม่มองผมเป็นนักท่องเที่ยวหรอกหน้าผมไม่ได้แตกต่างจากพวกเขาเท่าไหร่นิ
พอออกมาจากโรงแรมผมก็ตัดสินใจเดินไปที่โบสถ์นอสตรา ซินญอรา เดลลา ซาลูเต ที่เมืองแห่งนี้การเดินโดยชมบรรยากาศรอบเป็นอะไรที่เข้าท่าที่สุดสำหรับผมเพราะระหว่างทางเดินคุณจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากประชาชนท้องถิ่นจนรู้สึกเพลิดเพลินไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเดินมาถึงจุดหมายตอนไหนผมเดินเข้ามาข้างในโบสถ์เดินไปนั่งที่ม้านั่งแถวที่สองมองไปยังข้างหน้าอย่างสิ้นหวังผมจับไม้กางเขนบนสร้อยคอขึ้นมาจับพร้อมกับตั้งจิตสวดภาวนาในใจ
‘ข้า แต่พระเป็นเจ้า พระเยซูคริสตเจ้า สมควรที่ลูกจะนมัสการพระองค์พระผู้ไถ่ซึ่งถวายชีวิตบนไม้กางเขน เพื่อช่วยลูกทั้งหลายให้รอดพ้นจากบาปและความตาย
1.โอ้พระเยซูแห่งนาซาแรธ ที่ต้องตรึงบนไม้กางเขน โปรดได้รักษาความคิด สมาธิในการทำงานให้ลูกมีความเชื่อตามพระหรรษทานด้วยเทอญ
2.โอ้พระเยซูแห่งนาซาแรธ ที่ต้องตรึงบนไม้กางเขน โปรดช่วยป้องกันลูกให้พ้นจากความชั่วร้าย การผจญล่อลวงของเหล่าปีศาจ และคนชั่วร้ายด้วยเทอญ
3.โอ้พระเยซูแห่งนาซาแรธ ที่ต้องตรึงบนไม้กางเขน โปรดปกป้องลูกให้พ้นความทุกข์อุกฉกรรจ์ต่างๆให้ลูกสามารถนำเพื่อนพ้องให้พ้นความชั่วทั้งมวลด้วยเทอญ
4.โอ้พระเยซูแห่งนาซาแรธ ที่ต้องตรึงบนไม้กางเขน โปรดช่วยเป็นกำลังใจให้ลูกเข้มแข็งและช่วยเหลือลูกจากการต่อสู้กับภัยและอุปสรรคต่างๆในการดำเนินชีวิตด้วยเทอญ
5.โอ้พระเยซูแห่งนาซาแรธ ที่ต้องตรึงบนไม้กางเขน ขอพระองค์โปรดช่วยพิทักษ์รักษาลูกให้รอดพ้นจากทุกข์โศกโรคภัยทั้งสิ้นเสมอไปด้วยเทอญ
6.โอ้พระเยซูแห่งนาซาแรธ ที่ต้องตรึงบนไม้กางเขน โปรดป้องกันอันตรายต่างๆให้พ้นจากตัวลูก และโปรดประทานพระหรรษทานพรปรีชาญาณ ให้แก่ลูกด้วยเทอญ
7.โอ้พระเยซูแห่งนาซาแรธ ที่ต้องตรึงบนไม้กางเขน ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาแก่ลูกตามที่ลูกได้วอนขอ ณ บัดนี้และเสมอไปด้วยเทอญ
ข้า แต่พระจิตเจ้า พระผู้ประทานพระหรรษทานให้ลูกได้มองเห็น และแสดงให้ลูกได้พบหนทางที่จะบรรลุถึงความปรารถนาของลูกและลืมความผิด บกพร่องต่างๆ และผู้เป็นแบบอย่างสำหรับชีวิตใหม่แก่ลูก ในบทภาวนาสั้นๆนี้ ลูกขอขอบพระคุณพระองค์สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกได้รับ และลูกขอย้ำอีกทีว่าลูกไม่ต้องการที่จะแยกจากพระองค์ลูกต้องการเป็นหนึ่งเดียว กับพระองค์ และความรักของลูกก็เพื่อพระองค์เท่านั้น อาแมน’
คำภาวนาที่สิ้นหวังของผมที่หวังว่าสักวันผมจะลามือจากวงการที่เปื้อนเลือดนี้ได้สักทีแม้จะเป็นธุรกิจของครอบครัวที่บางครั้งผมก็รู้สึกหดหู่ใจเหมือนกันที่ต้องทำแบบนี้....
“หวังว่าสักวันลูกจะได้พบแสงสว่างที่จะนำทางลูกออกไปจากเส้นทางนี้สักทีนะครับมือทั้งสองข้างของลูกเปื้อนเลือดมามากพอแล้ว” ผมก้มหน้าลงอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินหันหลังออกมาจากตรงนั้น...
ปึก!
“อร้ายยย!! ขอโทษค่ะเป็นอะไรหรือเปล่า” เดินออกมาได้ไม่ถึงสิบก้าวก็มีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งมาชนเข้าที่อกผมแต่น้ำเสียงหวานๆของเธอช่างคุ้นหูเหลือเกิน
“ไม่เป็นไรครับ....” เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกับแววตาที่เบิกกว้าง...
“แอลฟ่า??” นี่เธอคิดว่าผมเป็นไอ้แอลงั้นเหรอ?? เธอจำผมไม่ได้???
“ไม่ใช่..ฉันแม็กจำฉันไม่ได้งั้นเหรอนี่เธอหายไปไหนมารู้ไหมว่าเรดาร์เป็นห่วงเธอมากแค่ไหนยัยนั้นติดต่อเธอไม่ได้กระวนกระวายมากอีกไม่นานจะงานแต่งของยัยนั้นแล้วนี่เธอเป็นอะไรจู่ๆถึงหายไปไม่บอกแบบนี้!!! เธอไปอยู่ไหนมาฉันแทบจะพลิกแผ่นดินหาเธอแล้วนะ!!!”
“คุณแม็กงั้นเหรอ...แต่ปกติคุณใส่แค่สูทนิ” นี่เธอฟังที่ผมพูดหรือเปล่านะ
“แล้วทำไมฉันจะใส่เสื้อผ้าแบบนี้ไม่ได้??”
“ก็เปล่า!! งั้นปล่อยแขนจากตัวฉันได้แล้วคุณแม็ก!!”
“จะปล่อยถ้าเธอตอบคำถามของฉันครบทุกข้อ”
“แต่ฉันไม่มีเวลาแล้วนะ!!! ปล่อยเดี๋ยวนี้!!!” เธอหันหลังมองไปยังประตูทางเข้าพร้อมกับท่าทางรีบร้อน
“เป็นอะไรเธอเป็นอะไรลิต้า”
“นี่คุณแม็กชาติที่แล้วคุณตายไปพร้อมกับคำถามหรือไงถึงตั้งคำถามไม่หยุดแบบนี้ห้ะ!!” เธอขมวดคิ้วมองหน้าผมพร้อมกับต่อว่าอย่างเจ็บแสบ!!!
“งั้นฉันจะไม่ปล่อยเธอถ้าเธอไม่ยอมตอบ”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!!”
“ไม่!!!”
“ปล่อย!!!”
“ไม่!!!!”
“คุณแม็ก!!!”
“ลิต้า!!!”
“เฮ้ย!!! เธออยู่นั่นไงไปจับตัวเธอมา!!!” แต่แล้วในขณะที่เรากำลังจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใครจู่ๆก็มีเสียงตะโกนของบางคนดังขึ้นผมเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบกับชายชุดดำที่เดาได้ไม่ยากว่าเป็นลูกน้องใครแต่พวกนี้จะเอาตัวลิต้าไปทำไมแถมร่างบางในอ้อมกอดผมยังตัวสั่นระริกราวกับกำลังกลัวอย่างจับใจ
“คุณไปทำอะไรให้พวกนี้” ผมถามเธอขึ้นอีกครั้งจนเธอต้องมองค้อนใส่ผม
“โอเคฉันถามไม่ถูกเวลางั้นได้ฉันปล่อยเธอก็ได้ขอให้รอดนะ” ผมปล่อยแขนจากตัวเธอพร้อมกับทำท่าจะเดินหนีในขณะที่พวกนั้นกำลังเดินเข้ามา
หมับ!
“คุณจะปล่อยให้ฉันโดนจับไปไม่ได้เพราะคุณทำให้พวกนั้นเจอฉันคุณต้องรับผิดชอบแถมเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะคุณคนเดียว!!!” เอ๊ะ!! เกิดขึ้นเพราะผม?? ได้ยังไงกันนะ
“ไม่ต้องมาทำหน้าเหมือนจะถามชาติที่แล้วคุณคงเป็นคนขี้สงสัยมากแน่ๆชาตินี้ถึงชอบถามมากกว่าทำความเข้าใจ!!” สิ่งที่เธอพูดคือเธอยากให้ผมช่วยเธอจริงๆใช่ไหมว่ะรู้สึกโดนด่าไปหลายดอกมาก
“ผมจะช่วยคุณก็ได้แต่คุณต้องตกลงบางอย่างกับผมโอเคหรือเปล่าตอบมาสิพวกนั้นจะมาถึงคุณแล้วนะคุณมีเวลาคิด5วิ” ถึงบางเรื่องผมไม่เข้าใจแต่เรื่องเจรจาต่อลองผมก็ไม่น้อยหน้าใครนะ
“คือ”
“5”
“คือว่า..”
“4”
“เออ..”
“3”
“โอ๊ย!!! โอเคฉันตกลงฉันจะยอมทำตามที่คุณพูดแค่คุณช่วยฉันจากตรงนี้!!” สุดท้ายเธอก็ยอมตกลงผมจึงคว้ามือเธอเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับใช้เท้าถีบคนที่เดินมาข้างหลังเธออย่างแรง
พรึบ!
“ก็ดีงั้นเราไปกันเถอะ” ถึงผมจะรู้ว่าคนพวกนี้เป็นใครแต่พวกมันคงไม่รู้จักผมเพราะลูกน้องระดับล่างของคนๆนั้นไม่เคยเจอผมถึงผมจะมีอำนาจพอตัวแต่ในสถานการณ์นี้ผมก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปเท่าไหร่ผมดึงแขนเธอวิ่งไปยังประตูทางออกที่ตอนนี้พวกนั้นยืนดักไว้แล้วสามคนแถมข้างหลังอีกสองผมมองหน้าเธออย่างสงสัยว่าเธอไปทำอะไรถึงโดนพวกนี้ไล่ล่าได้แต่ก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้เพราะสถานการณ์ตอนนี้คงไม่เหมาะที่จะถามเท่าไหร่
“หลีกทางไปสะ” ผมพูดออกมาเสียงเรียบแต่คนตัวบางที่หรบอยู่ข้างหลังตีแขนผมทันทีที่ผมพูดจบ
“คุณจะบ้าหรือไงใครเขาจะยอมปล่อยง่ายๆพูดอะไรเพ้อเจ้อชะมัด” ผมอยากจะจับเธอโยนให้พวกบ้านี่จริงๆที่เธอพูดให้ผมแบบนี้
“ฮ่าๆๆๆ นั่งผู้หญิงข้างหลังยังฉลาดกว่าแกเลยว่ะ!!!” แล้วไอ้ลูกกระจอกนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยผม
“ถ้าเธออยากรอดหยุดต่อว่าฉันเดี๋ยวนี้ไม่งั้นฉันโยนเธอให้มันแน่” คำพูดของผมทำให้เธอเบิกตากว้าง
“ไม่นะ!!! ก็ได้ฉันไม่พูดแล้ว!!!”
“ดี!!! ปิดตาไว้ด้วยละฉันไม่อยากให้เธอเห็นภาพไม่ดี” เธอทำตามคำพูดของผมอย่างว่าง่ายก่อนผมจะเริ่มปล่อยหมัดเข้าที่หน้าของไอ้คนที่หัวเราะผมเมื่อกี้จนฟันหัก
ผลัวะ!
“โอ๊ย!!!! อ๊ากกกไอ้สารเลวตายสะ!!” แล้วพวกนั้นก็กรู่เข้ามาจะจัดการผมผมสวนหมัดใส่หน้าของไอ้คนข้างชายหมุนตัวใช้ขาถีบไปที่อกของไอ้คนด้านข้างจนสองคนนั่นล้มลงนอนลงพื้นไอ้คนข้างหลังสองคนพยายามดึงตัวลิต้าออกไปผมรีบวิ่งไปหาเธอก่อนจะชกเข้าทีาปลายคางของไอ้ตัวโตจนมันน็อคไปอีกผมก็ปล่อยแขนจากลิต้าหันหน้ามาตั้งท่ารับมือกับผม
ปึกๆ! ผลัวะ! ปัก!
ผมกระโดดถีบก่อนจะต่อยเข้าที่หน้าของมันพร้อมกับเตะอีกครั้งก่อนจะเดินไปคว้าตัวเธอเข้ามามาใกล้ๆ
“รีบไปกันเถอะก่อนพวกมันจะเริ่มแห่กันมาอีก” เธอเงยหน้ามองผมพร้อมกับพยักหน้าเบาๆไม่มีคำตอบอะไรจากปากเธอเราสองคนจึงรีบวิงออกมาจากตรงนั้นจนมาถึงทางออกก็เจอพวกมันที่ยืนรออยู่ข้างนอกสี่ห้าคนผมรีบพาเธอวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที
“เฮ้ย!!! นังนั้นมันหนีไปได้รีบไปจับตัวมันมาเร็ว!!”
ปัง! ปัง! ปัง!
สิ้นสุดเสียงพูดของไอ้ตัวใหญ่นั่นเสียงปืนก็ดังขึ้นแถมยังมันยังมาทางเราสองคนผมดึงตัวเธอเข้ามาหรบข้างหน้าตัวเองก่อนจะรีบดันคัวเธอวิ่งไป
“อย่าหยุดวิ่งไม่งั้นเราตายแน่”
“คนของคุณไปไหนหมด”
“ผมมาพักผ่อนไม่ได้ให้พวกนั้นตามมารีบไปได้แล้วก่อนมันจะยิงหลังผมเป็นรู” จากนั้นเราสองคนก็วิ่งไปเรื่อยๆพร้อมกับเสียงปืนที่ดังไล่หลังผู้คนเริ่มแตกตื่นกันวิ่งกันวุ่นวายเต็มไปหมดในจังหวะนั้นผมรีบดึงแขนเธอเข้าไปหรบในซอยหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนแต่หน้าจะมีทางลัดไปที่โรงแรมที่ผมพักอยู่และผมจะสามารถติดต่อหาแจอันได้
“เราต้องวิ่งไปตามทางนี้แต่ก่อนอื่นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” ในขณะที่กำลังจะวิ่งไปต่อผมเหลือบเห็นร้านขายเสื้อผ้าจึงรีบเดินเข้าไปทันทีเราสองคนเลือกเสื้อผ้าในระหว่างที่เธอกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ผมก็รีบติดต่อหาแจอันทันที
‘ว่าไงครับนาย’
“แจอันแกรีบเตรียมเรือของเราให้พร้อมออกวันนี้เดี๋ยวนี้เลยนะพอดีเราเกิดปัญหานิดหน่อยแต่แกไม่ต้องออกมาหาฉันเดี๋ยวฉันจะหาทางกลับไปหาแกเองฉันไม่อยากให้พวกนั้นรู้ว่าเป็นฉันฟังที่ฉันพูดแล้วทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเตรียมของเอกจากที่นี่ไปขึ้นเครื่องบินที่มิลานเข้าใจนะไปเตรียมตัวได้แล้วฉันไปถึงตอนไหนเราจะออกไปตอนนั้น”
‘ครับนาย’ ปลายสายตอบรับอย่างว่าง่ายไม่มีการกวนใดๆทั้งสิ้นเพราะเวลาที่ผมจริงจังแจอันจะเป็นคนที่รู้ใจผมที่สุดผมกดวางสายก่อนจะหันหน้ากลับเข้ามาในร้านอีกทีก็เจอลิต้าอยู่ข้างหลังละเธอยืนมองหน้าผมนิ่งๆ
“เสร็จแล้วเหรองั้นรอแป๊บนะเดี๋ยวฉันของเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน...อ้อ!! ลิต้าอย่าคิดเดินออกไปคนเดียวละเพราะเธอจะไม่มีวันรอดจากการไล่ล่าของคนๆนี้แน่ทางที่ดีรอฉันดีกว่าเพราะฉันเป็นคนเดียวที่จะช่วยเธอได้” คำพูดของผมทำให้เธอหยุดชะงักพร้อมกับทำหน้าไม่พอใจผม
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณเป็นคนเดียวที่จะช่วยฉันได้รีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ละฉันไม่ได้จะหนีไปไหนสักหน่อย”
“ก็หนีมาตั้งหกเดือนแล้วนิใครจะไปรู้” ผมเดินบ่นพึมพำมาคนเดียวก่อนจะรีบจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองแต่งตัวกรมกลืนกับคนที่นี่แล้วรีบเดินออกไปทันที == ผมจ่ายเงินแล้วด้วย
“ผมมีคำถามอยากถามคุณมากมายจริงๆนะแต่รอให้ถึงโรงแรมที่ผมพักอยู่ก่อนละกันคุณจะต้องตอบคำถามของผมทุกข้อเข้าใจใช่ไหม” เธอหันหน้ามามองผมพร้อมกับถอนหายใจยาวๆ
“รู้แล้วค่ะ”
อีกด้านหนึ่ง
ปัง!!!
“นังนั้นมันหนีไปได้งั้นเหรอ!!!!” น้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดของชายวัยกลางคนตรงหน้าดังขึ้นพร้อมกับแววตาที่ไม่พอใจลูกน้องของเขาอย่างมากมาย
“ครับ..คือ..มีคนช่วยมันครับเป็นผู้ชายที่ตอนนี้ทางเรากำลังค้นหาตัวพวกมันสองคนอยู่”
“หามันให้เจอแล้วฆ่าทิ้งสะฉันไม่ต้องการจะถามอะไรมันแล้วฆ่าคนที่รู้เรื่องวันนั้นให้หมดส่งคนไปจับตาดูครอบครัวนังนั่นด้วยว่าพวกมันรู้เรื่องอะไรหรือเปล่าถ้ารู้สั่งเก็บให้หมด”
“ครับนาย”
“อย่าพลาดอีกละไม่งั้นแกได้เป็นคนโดนฆ่าแทนแน่!!!”
เดินทางมาถึงตอนที่สามกันละขอโทษที่หายไปไม่บอกกล่าวฮ่าๆช่วงวันหยุดนิเนอะมีไปเที่ยวกันบ้างอิอิ