“ได้ลูก ได้ แม่จะไม่ทิ้งหนูไปไหนแล้ว”
ความโหยหาที่ถูกบรรเทาด้วยแรงรักที่มากกว่า ต่อจากนี้มันจะไม่มีคำว่าจากลาสำหรับเธอและมารดา เธอไม่เคยคิดโกรธที่แม่เลือกที่จะทิ้งเธอไป เชื่อว่าทุกคนต้องมีเหตุผลเป็นของตนเอง ต่อจากนี้เธอจะรักและดูแลแม่คนนี้ให้ดีที่สุด ไม่แพ้ไปกว่าคนที่มีบุญคุณล้นเหลือต่อเธอเฉกเช่นมารดาบุญธรรมที่เอก็รักไม่แพ้ไปกว่าแม่แท้ๆ
ช่วงเที่ยงมาเขมมิกาอาสาเป็นคนเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กที่พักอาศัยอยู่ที่นี้ หญิงสาวทั้งออกตลาดไปซื้อของ กลับมาก็เข้าครัวลงมือทำโน้นทำนี่กับแม่ครัว เสร็จก็จัดเตรียมจะตักอาหารใส่จานให้เด็กเล็กเด็กแดงตัวเล็กตัวใหญ่
“เขมมีคนมาหาน่ะ รออยู่ที่ห้องแม่คุณ” พงศกรบอก
“ใครหรอพงษ์”
“พงษ์ว่าเขมไปดูเองดีกว่า”
“จ๊ะ ขอบใจมากนะ”
“คุณวิน!” ตกใจที่พบเขาอยู่ที่นี่ เมื่อสองสามวันก่อนได้ยินว่าเขาป่วยไม่สบายหนักมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เธอก้ต้องใจแข็งทำเป็นไม่เหลียวแล ปล่อยทิ้งให้คนใจหินนอนซมพิษไข้อยู่หลายวัน
“ได้ข่าวมาว่าเขมอยู่ที่นี่ พี่เลยมาหา” ใบหน้าที่ซีดเซียวเอ่ยบอก
“กลับไปเถอะค่ะ ฉันไม่อยากพบหน้าคุณ”
“พี่รู้ว่าพี่ผิด จะไม่ร้องขอให้เขมยกโทษให้แต่ขอให้เขมยอมให้พี่ไถ่โทษได้มั้ย” ครั้งเมื่อวันวานผู้หญิงคนนี้เคยเรียกเขาว่า ‘พี่’ แต่เขากลับตอกกลับไปอย่างไม่ไว้หน้าเธอสักนิด แถมยังแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดกลับไปจนเธอนั้นต้องจำใจเปลี่ยนสรรพนามการแทนตัวเขา การที่อัศวินลากสังขารของตัวเองที่ยังไม่ฟื้นจากพิษไข้ดีมาที่นี่ได้ก็ถือว่าคุ้มมากเพราะยามที่เขาได้จ้องมองใบหน้าของหญิงสาวหัวใจที่แห้งเหี่ยวมันก็ชื้นขึ้นมาเปราะหนึ่ง
“ไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ พื้นที่ตรงนี้มันไม่เหมาะกับคุณ”
“ขอร้อง อย่าผลักไสไล่ส่งพี่จะได้มั้ย จะให้พี่ทำอะไรก็ได้ พี่ยอมทั้งนั้น” ต่อให้ต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เขาก็ยินยอมพร้อมใจที่จะทำให้เธอ
“คำถามนี้ คุณแน่ใจแล้วใช่มั้ย”
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญตามฉันมาค่ะ” หากเขาพูดว่าทำได้ เธอก็จะยินยอมให้เขาทำ เธอจะไม่ผลักไสไล่เขา หากทนได้ก็ทน
อัศวินได้ยินแบบนั้นรอยยิ้มน้อยๆก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก รู้สึกดีใจที่เธอนั้นไม่ได้ผลักไสให้เขาจากไปแม้ว่าท่าทีนั้นจะนิ่งเฉย แต่แค่ได้เคียงข้างเท่านี้หัวใจที่อ่อนแรงมันก็มีกำลังแล้ว ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าของตนให้ทันกับเขมมิกา
“พี่สาวๆคะ พี่ชายคนนั้นหล่อจัง หนูชอบพี่เขาพี่สาวไม่ชอบพี่ชายบ้างหรอคะ” จู่ๆก็มีเด็กตัวเล็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูทำหน้าตาสงสัย พูดเสียงเจื้อยแจ้วตามภาษาเด็กกำลังโต แต่ทว่าคำถามของเด็กน้อยมันทำให้เขมมิกานั้นชะงักเพราะคนที่เด็กตัวเล็กพูดถึงคืออัศวินที่กำลังตักอาหารถัดไปจากเธอ คนที่แอบได้ยินก็แอบลอบยิ้มอยู่เพียงลำพัง สุขใจอยู่คนเดียว
“ทานเยอะๆนะครับ” พอเด็กคนนั้นเคลื่อนตัวมาถึงอัศวิน ชายหนุ่มก็ยื่นมือไปลูบศีรษะทุยของเด็กช่างพูด สายตาของเขาที่มองเด็กสาวคนนี้มัยช่างน่าเอ็นดูนัก รอยยิ้มน้อยๆแสนน่ารักก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าเล็กจนน่ารัก พลัน! ในใจก็นึกคิดถึงลูกน้อยในท้องของเขมมิกา เขาจะยอมทำทุกวิถีทางเผื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างทั้งสาวเจ้าและลูกน้อย
ผ่านไปเกือบชั่วโมงกว่าที่จะจัดแจงให้เด็กทุกคนได้ทานอาหารกลางวัน ร่างหนาของอัศวินก็ยืนตลอด มิได้หย่อนกายนั่งลงสักนิด ขาแกร่งสองขาแทบจะยืนหยัดไม่ไหวเพราะพิษไข้เริ่มเล่นงานเขาอีกครา แต่สุดท้ายอัศวินก็พยายามฝืนทนไว้
“เดี๋ยวเขมช่วยล้างค่ะ” เขมมิกาเอ่ยบอกแก่แม่ครัวและมารดาที่เพิ่งจะพบเจอหมาดๆ แต่สายตานั้นก็ยังจ้องมองอัศวินไม่ขาดและเขาเองก็มองมาที่เธอเช่นกัน
“ไม่ต้องหรอกเขม มันนั่งๆยองๆ เก้าอี้ต่ำ เดี๋ยวพี่ทำเอง อีกอย่างเดี๋ยวจะลื่นล้ม” เขาห่วงใยสาวเจ้ากลัวว่าเธอนั้นจะเกิดอันตราย หากเป็นแบบนั้นห่วงใจเขาต้องเจ็บปวดอีกเป็นแน่เพราะในตอนนี้มันก็เจ็บมากพออยู่แล้ว
“ค่ะ” เธอไม่ปฏิเสธเขา หากอยากจะทำก็ปล่อย เธอเองก็อย่างจะรู้ว่าลูกคุณหนูเกิดบนกองเงินกองทองสารพัดการดูถูกคนอื่นอย่างเขาจะเป็นเช่นไรหากต้องมานั่งล้างจานเช่นนี้ จากนั้นเธอก็เดินจากไปจากตรงนี้ โดยไม่พูดอะไรต่ออีกเลย
อัศวินก้าวเท้าเข้าไปทำหน้าที่ของตนเอง จานนับสิบๆใบถูกล้างด้วยมือของอัศวิน แม้ว่าจะล้างจนมือเปื่อยเขาก็ไม่หวั่นใจสักนิด ตอนนี้เขายอมทนทำทุกอย่างเพื่อเขมมิกา อัศวินรู้ว่าสิ่งที่ตนเองนั้นกระทำไว้กับหญิงสาวมันทำให้เธอทรมานแค่ไหน เพียงเพราะคำว่า “รัก” มันจึงให้เขาลงทัณฑ์เธออย่างแสนสาหัสเช่นนั้น และในตอนนี้ก็เพียงเพราะคำว่า “รัก” เช่นกันที่ทำให้เขาสำนึกคิด เฝ้ารอขอคำยกโทษ แม้ว่ามันจะต้องนาน เขาก็จะรอ...
ร่างกายที่อ่อนล้าจากพิษไข้ มันกำลังสั่งงานให้อัศวินนั้นพักผ่อนเสีย อาการมึนเบลอเกิดขึ้นเรียกร้องความสนใจว่าในตอนนี้มันไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่ทว่าหัวใจหนานั้นมันแสนจะแข็งแกร่งนัก เขาพยายามที่จะฝืนอย่างเต็มที่เพื่อให้ทำในสิ่งที่รับปากเขมมิกาไว้
“ให้น้าทำดีกว่านะพ่อหนุ่ม ดูท่าเอ็งจะไม่ค่อยไหว หน้าซีดเชียว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำได้” เขายังยืนยันที่จะทำต่อแม้ว่าร่างกายมันจะไม่ไหวติงก็ตาม
“เอาเถอะ ถ้ายืนยันว่าทำไหวก็ทำไป แต่ถ้าไม่ไหวบอกน้านะ”
“ครับ” เขาเอ่ยรับคำเสร็จก็นั่งล้างจานต่อไป ผ่านไปสักพักงานมันก็สำเร็จลุล่วงไปแต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยคือร่างกายของเขาที่คล้ายว่ามันจะเริ่มประท้วงมากขึ้นเพราะยามที่ยืนขึ้นอาการหน้ามืดก็เข้ามา จนเขาเองก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ หากแต่ไม่มีหญิงวัยกลางคนมาเป็นหลักดันหลังเขาไว้ก็คงจะล้มลงไป
“เป็นไงบ้างพ่อหนุ่ม ไหวหรือเปล่า”
“ไหวครับ ขอบคุณมากนะครับ” เขาพยายามยืนด้วยตัวเองอีกครั้ง
“แล้วพ่อหนุ่มเป็นอะไรกับหนูเขมเขาล่ะ”
“ผมเป็นสามีเขมเขาน่ะครับ” เขาพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเขมมิกานั้นคือภรรยาของเขาเพราะหลักฐานมันก็ทนโท้อยู่ในท้องของสาวเจ้าแล้ว เธอกำลังท้องลูกของเขาอยู่
“สามีหรอ?” ไม่คาดไม่ฝันว่าลูกสาวที่ไม่เจอกันนานนั่นจะแต่งงานแล้ว พลัน! สายตาก็เศร้าลงเพราะในยามที่ลูกของเธอกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาเธอนั่นไม่ได้อยู่ร่วมแสดงความยินดี
“ครับ แล้วคุณป้าทำหน้าที่อะไรที่นี่หรือครับ”
“ป้าเพิ่งจะมาใหม่น่ะจ๊ะ เลยได้แต่ช่วยนู้นช่วยนี่ไปเรื่อย” หากว่าคนของคนที่เลี้ยงดูเขมมิกามา ป่านนี้เธอก็ไม่มีวันได้เห็นหน้าของบุตรสาวแล้ว
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เผื่อว่าใครจะมีอะไรให้ช่วยอีก”
“จะไหวหรือ ป้าว่าเราพักหน่อยมั้ย”
“ผมไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” เขายิ้มตอบรับก่อนที่จะสาวเท้าเดินออกไปจากพื้นที่ล้างจาน
มาเเล้วจ้าาา
อิคุณวินเรากำลังตามง้ออย่างสุดฤทธิ์ เเต่ระดับเขมเเล้วไม่ใจอ่อนให้ง่ายๆหรอก! ชิ!
เม้นให้ไรท์ด้วยนะคะ
ปล.ไรท์ไม่รู้ว่า ถ้าไรท์เข้ามารวมตอนเเต่ละตอนให้เป็นตอนเดียวกัน ไรท์ไม่เเน่ใจว่ามันจะขึ้นเเจ้งเตือนหรือเปล่าเเต่ถ้าขึ้นก็ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าไรท์กำลังทำการจัดเรียงให้ตอนที่มันเเยกย่อยมาอยู่รวมกันนะคะ