ทำไมต้องให้ร้าย
[แจสเปอร์ TALKS]
ปัง! ปัง! ปัง!
ผมยกกำปั้นขึ้นทุบประตูตรงหน้ารัวๆ คนที่อยู่ด้านในยังคงเงียบสนิทเหมือนไม่มีความเคลื่อนไหว นั่นยิ่งทำให้ผมอารมณ์ขึ้นทวีคูณไปอีก
“เปิดประตูออกมาเดี๋ยวนี้”
ผมตะโกนเข้าไป ก่อนจะยกเท้าถีบจนประตูบานนั้นพังโครมไปต่อหน้าต่อตา ภายในห้องระเกะระกะไปด้วยข้าวของรกรุงรัง เศษขยะ ถุงพลาสติก กลิ่นอาหารบูดลอยมาปะทะจมูกจนผมแทบผงะออก ทว่ามันไม่อาจหยุดยั้งความหัวร้อนได้เลยสักนิดเดียว
“อย่า ฉันกลัวแล้วอย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
เจ้าของห้องยกมือไหว้ปลกๆ ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง หน้าตาอิดโรย ขอบตาดำลึก ไม่เหลือเค้าเดิมของเพื่อนมินนี่ซึ่งชื่อวาวาที่ผมเคยเห็น สภาพของเธอในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนเร่ร่อนจรจัด ดูสกปรก มอมแมม และน่าสมเพช
“ฉันกลัวแล้วอย่าทำร้ายฉันเลยนะ ฉันกลัว”
อีหรอบนี้ผมไม่ต้องทำอะไรเธอหรอก แค่ปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่กี่วันก็คงเน่าตายไปเอง ผมกวาดสายตามองหาสิ่งที่ต้องสงสัย การที่คนคนหนึ่งจะมีสภาพเปลี่ยนไปได้มากมายแบบนี้มันต้องมีสิ่งกระตุ้นอะไรสักอย่าง แล้วสายตาผมก็ไปสะดุดอยู่ที่เข็มฉีดยาบนโต๊ะ ซองใส่ผงสีขาว และอุปกรณ์การเสพครบชุด จากประสบการณ์ที่ผมเกลือกกลั้วอยู่ในสังคมสีเทามานาน เดาไม่ยากเลยว่าเธอคงจะโดนใครสักคนเล่นงานด้วยยานรกจนคล้ายกับคนประสาทหลอนอย่างที่เห็น
“อ่อ เล่นยาจนหลอนนี่เอง”
ผมยกมือขึ้นเท้าเอว
“ฉันกลัวแล้ว พี่อย่านะ อย่าทำร้ายฉันเลย ฉันจะไม่ทำอีกแล้วฉันจะเชื่อฟังทุกอย่าง”
“ใครที่ทำเธอแบบนี้” จากตอนแรกกะมาสั่งสอนที่เธอเจ๋อไปเล่นงานมินนี่จนถึงห้อง ผมชักเริ่มเวทนาวาวาขึ้นมาแทน พอเดินเข้าไปใกล้ผมจึงเห็นร่องรอยเขียวช้ำตามเนื้อตัวของเธอหลายจุด
“ใครทำกับเธอแบบนี้”
“ฉันกลัวแล้วอย่านะ” วาวายกมือท่วมหัว
“แมร่ง แบบนี้คุยไม่รู้เรื่องแน่”
ผมถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เสียงดังอึกทึกครึกโครมจากที่ผมถีบประตูห้อง รวมไปถึงเสียงร้องโวยวายของวาวาทำให้มีวัยรุ่นชายหญิงซึ่งพักอยู่ห้องข้างๆ เดินออกมาดู ลักษณะท่าทางน่าจะเป็นนักศึกษาที่มาพักด้วยกันเป็นคู่
“น้องพี่ถามอะไรหน่อยดิ”
ผมเดินเข้าไปหาเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวคู่นั้น เพื่อต้องการสอบถามบางอย่างเกี่ยวกับวาวา ไอ้ยานรกพวกนี้หาง่ายก็จริง แต่คนที่จะหามันได้ต้องอยู่ในวงการค้ายาหรือไม่ก็เด็กเดินของ แต่จากที่ผมดูลักษณะของวาวาแล้วเธอไม่น่าจะเป็นได้ทั้งสองอย่าง
“อะไรพี่ พวกผมสองคนไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะครับ”
วัยรุ่นที่เป็นผู้ชายทำหน้าตาเหรอหรา มันรีบคว้าแขนของวัยรุ่นผู้หญิงเดินหนีผมเตรียมเข้าห้อง จนผมต้องรีบไปดักหน้ามันเอาไว้ก่อนเพราะดูแล้วโคตรมีพิรุธ
“มึงไม่รู้เรื่องแล้วจะหนีกูทำเชี้ยไรวะ มึงรู้อะไรเกี่ยวกับผู้หญิงในห้องนั้นบ้าง”
ผมยืนขวางประตูห้องเอาไว้ท่าทางพร้อมบวกสุดๆ
“ผมไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ พี่”
“กูยังไม่ได้ถามสักคำ มึงก็บอกไม่รู้เรื่อง มึงแมร่งโคตรมีพิรุธสัส” ผมเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อเด็กวัยรุ่นผู้ชายด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือก็กำหมัดเงื้อขึ้น
“พี่อย่าทำอะไรแฟนหนูเลยนะคะ พี่อยากรู้อะไรหนูจะบอกทุกอย่าง”
“โชคดีนะมึงมีแฟนฉลาด เรื่องมันง่ายๆ เลยแค่มึงบอกกูมาดีดีไม่ใช่เสือกทำตัวน่ารำคาญแบบนี้”
ผมปล่อยคอเสื้อของเด็กวัยรุ่นผู้ชายออก สีหน้าของมันซีดเผือดแทบไม่มีสีเลือด
“น้องรู้จักผู้หญิงที่พักอยู่ในห้องนั้นใช่ไหม”
ผมหันไปถามฝ่ายผู้หญิง
“รู้จักค่ะ เธอชื่อวาวา”
“อืม ใช่” ผมพยักหน้า รู้สึกเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อยละ “ระยะหลังมาน้องเห็นมีใครเข้านอกออกในห้องของผู้หญิงคนนั้น ที่มีท่าทางน่าสงสัยบ้างไหม”
“ไม่มีนะคะ นอกจากแฟนของเธอคนเดียว”
“จิ๊บ” ไอ้วัยรุ่นผู้ชายมันเรียกชื่อแฟนมันแล้วส่ายหน้าไปมา คล้ายกับไม่ต้องการให้เธอพูดหรือว่าบอกอะไรผมต่อ น้องผู้หญิงหันกลับไปมองแฟนของเธอ
“รู้ไม่ใช่เหรอว่าพี่เค้าเป็นใคร” พอเธอพูดกับแฟนเสร็จก็หันมาหาผม
“กูบอกแล้วว่ามึงมีแฟนฉลาด”
ผมอดหมั่นไส้ไม่ได้เลยตบหัวไอ้เด็กวัยรุ่นผู้ชายไปฉาดหนึ่ง
“พี่ต้องห้ามบอกใครนะคะว่ารู้เรื่องนี้มาจากหนูกับแฟน พวกหนูไม่อยากเดือดร้อน”
“ตามนั้น”
ถึงนักอ่านที่รักทุกคน นักเขียนจะเริ่มทยอยติดเหรียญแล้วน๊า โดยในเดือนนี้จะให้อ่านฟรีตอนที่ลงใหม่1วัน และหลังจากสิ้นเดือนจะติดทุกตอนที่อัพลงใหม่ ขอบคุณมากจ้า