ซอนอูกลับมาตั้งใจเรียนอีกครั้งและบอกลาอาการสะอึกจากการถูกรุ่นน้องกระชากคอเสื้อด้วยมือเดียว เขามีแผนว่าจะจดจ่อกับการเรียนแล้วไม่ให้ความสนใจกับสิ่งอื่นใด ไม่สนใจลีโดยองและมันก็ได้ผลดีด้วย ผลลัพธ์ก็คือเขาไม่เบนสายตาไปมองรุ่นน้องที่นั่งอยู่ข้างๆ เลย มันเป็นความดีงามอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้นักศึกษาอย่างซอนอูจดจ่อกับบทเรียนเป็นครั้งแรก ซึ่งระหว่างนั้นหัวใจที่มึนงงก็บรรเทาลง
นั่นแหละ เพราะเรื่องที่ผ่านมาแล้วเป็นน้ำที่ล้นเอ่อจนไม่สามารถเทเติมได้อีก แค่ในอนาคตฉันทำมันดีก็พอ จนถึงตอนนั้นก็ค่อยมองหาโอกาสแล้วไถ่โทษกับสิ่งที่ทำผิดพลาดกับโดยองไป แค่นั้นก็พอแล้ว
ถ้าอย่างนั้น... ซอนอูที่ฟังการบรรยายเกี่ยวกับอิมเมจเมคกิ้งก็เริ่มวางแผนชีวิตไว้คร่าวๆ เขากำมือแน่นและตั้งใจว่าจะทำตามแผนในอนาคตให้สำเร็จอย่างไม่มีอะไรมาขวางกั้น แต่ปัญหาก็คือภาพเหล่านั้นถูกรุ่นน้องที่นั่งอยู่ข้างๆ จ้องมองอยู่ตลอด
“คิดอะไรอยู่ถึงทำท่าทางแบบนั้นครับ รุ่นพี่”
“ฮะ มะ... ไม่ๆ ไม่มีอะไร แฮะๆ”
“แต่ว่าเพิ่งเคยเห็นนะครับ”
“หือ? อะไรเหรอ”
“ที่รุ่นพี่ตั้งใจเรียนแบบนี้”
ร่างกายของซอนอูผงะกับคำพูดของโดยอง ที่ผ่านมาเขาแสดงภาพลักษณ์การเป็นรุ่นพี่ที่แย่ขนาดนั้นให้รุ่นน้องเห็นเหรอ แต่ต่อไปจะไม่เป็นแบบนั้นแล้ว เขาจะตั้งใจใช้ชีวิต ปริมาณของการสำนึกผิดในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเยอะมากซึ่งมันสวนทางกับความชื่นชอบในตัวโดยองที่ลดลง
ใช่แล้ว เลิฟสตอรี่ภายในรั้วมหาวิทยาลัยที่มีดอกไม้สีชมพูเบ่งบานในใจมันเริ่มไม่สวยงามแล้ว ซอนอูเลยตัดสินใจพับมันทิ้งไป ถึงแม้จะไม่สามารถหาแฟนในมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยโรแมนติกแบบนี้ รู้สึกเจ็บปวดและเสียดายที่ต้องจบมันลง แต่สำหรับเขายังไงลมหายใจก็สำคัญกว่าความรักร้อยเท่าพันเท่า ซอนอูจึงตัดสินใจจะกล้ำกลืนฝืนทนฝังกลบความรักภายในมหาวิทยาลัยไว้ในพื้นดินให้ลึกที่สุด แต่ถึงจะคิดแบบนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถตัดใจจากใครคนหนึ่งได้ในทันที ทว่าแต่ละครั้งที่คุณลีโดยองทำให้หวาดกลัว มันก็เป็นส่วนที่ทำให้ถอดใจทีละน้อยๆ ซึ่งแน่นอนว่ากว่าจะหมดมันคงจะอีกยาวไกล ก็คุณรุ่นน้องก็ดูดีขนาดนั้นนี่นา แต่ยังไงการออกห่างจากลีโดยองให้มากที่สุดและมันเป็นหนทางรักษาชีวิตสำหรับซอนอูเอง
เมื่อคาบเรียนวิชาพื้นฐานที่ยาวนานกว่าหนึ่งชั่วโมงมาถึงจุดสิ้นสุด อาจารย์ที่ตั้งใจบรรยายเนื้อหามาตลอดก็พูดทิ้งท้ายเกี่ยวกับการบ้านที่จะต้องส่งภายในสัปดาห์หน้า งานที่ต้องทำส่งคือการส่งรูปภาพหลักฐานที่มีตัวเองกับคนที่ยินยอมให้สอบถามหนึ่งรูป รวมถึงคำถามนู่นนี่ต่างๆ กับงานที่ดูๆ แล้วมีทั้งง่ายและยากปะปนกัน ซอนอูบันทึกคำตอบของอาจารย์ที่นักศึกษาคนอื่นถามซึ่งไม่ต่างจากที่ตัวเองสงสัยไว้ในโทรศัพท์มือถืออย่างตั้งใจ อยากจะเดินก้าวแรกจากทำงานด้วยตัวเองให้สมบูรณ์โดยไม่ต้องยืมมือโดยอง เขามองไกด์ไลน์เกี่ยวกับงานครั้งนี้ที่เต็มหน้าจอเมโมก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างประทับใจ
นั่นแหละ น่าจะทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว ต่อไปก็อย่าสร้างความเดือดร้อนให้คุณรุ่นน้องอีกเลย ซอนอูยา
ซอนออูเก็บของด้วยความยินดี เลิกเรียนแล้วและหลังจากนี้ก็ไม่มีวิชาที่ต้องฟังบรรยายกับโดยองแล้ว ซอนอูเลยมีแผนว่าจะกลับบ้านแล้วไม่ออกมาอีกอย่างเด็ดขาด ทว่า...
“รุ่นพี่ซอนอู”
โลกใบนี้ไม่ได้อยู่ง่ายขนาดนั้น ก่อนที่ซอนอูจะอ้าปากบอกลากับโดยองว่าจะไปก่อน อีกฝ่ายก็เรียกเขาตัดหน้า ซอนอูรู้สึกได้ด้วยลางสังหรณ์ว่าตอนนี้มีเริ่มบางอย่างย้อนสวนทาง เขาได้แต่ขอให้มันเป็นลางสังหรณ์ที่ผิดพลาดแต่แน่นอนว่าการคาดเดาก็แม่นยำจริงๆ
“รุ่นพี่ คือผมยุ่งมากๆ เลยครับ”
ในขณะที่โดยองเริ่มพูดขึ้น สำหรับซอนอูแล้วมันเป็นคำพูดที่กลายเป็นงานบังคับอย่างเลี่ยงไม่ได้ จึงยอมรับฟังคำขอโดยองอย่างใจกว้างด้วยหัวใจที่เหมือนเป็นเทวดาในตะเกียงผู้รับฟังทุกสิ่งทุกอย่าง
นั่นแหละ เอาเลย ลองขอพรมาสิ ถ้าไม่ได้ขอตับไตไส้พุงหรือจะให้ปลิดชีพหรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย เขาก็จะช่วยทุกอย่างเลย ซอนอูกำมือทั้งสองข้างไว้แน่นและตั้งใจอย่างแน่วแน่
“ช่วยทำรายงานแทนผมหน่อยได้ไหมครับ”
แล้วคำตอบที่พอๆ กับที่คาดไว้ก็ออกมาจนเขาพูดไม่ออก ‘จะเทงานมาให้รุ่นพี่ผู้ใหญ่ยิ่งแทนงั้นเหรอ ไอ้เจ้าบ้านี่!’ แต่มันก็เป็นเพียงแค่การหวนคิดถึงอดีต ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่ซอนอูคุกเข่าอยู่กับปัจจุบันที่ตัวเขาต้องหลุดพ้นออกมา
“อ๋อ เอ่อ... ได้สิ นายเองก็ช่วยฉันมาตลอด ครั้งนี้เดี๋ยวฉันช่วยเอง”
“ช่วยหารูปแทนผมด้วยนะครับแล้วก็รบกวนเรื่องเนื้อหาอีกนิดนึง ถ้าหามาแล้วเดี๋ยวผมเช็กอีกทีเผื่อแก้ ยังไงช่วยส่งมาภายในสามวันหลังจากนี้ได้ไหมครับ”
‘นี่ ไอ้เด็กนี่ สามวันมันเกินไปหน่อยไหม ไม่คิดถึงงานของฉันบ้างเหรอ?!’ แต่ก็ทำได้เพียงตะโกนอยู่ในใจ เพราะซอนอูแค่ฝืนยิ้มทื่อๆ ก่อนจะตอบไปว่าตกลง จากนั้นโดยองก็เก็บกระเป๋าของตัวเองด้วยความเร็วแสง โดยไม่ลืมที่จะเอ่ยลาอย่างร่าเริงว่า ‘ถ้างั้นคุณรุ่นพี่ก็สู้ๆ นะครับ’ แล้วก้าวเท้าออกจากห้องเรียนราวกับขนนก แต่ซอนอูก็นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ตรงที่นั่งเหมือนคนตายก่อนจะฟุบนั่งลงร้องโอดครวญออกมา
แม่ครับ แม่ ฟ้าทำโทษผมที่ไม่ทำตามคำสั่งสอนของแม่ว่าต้องใช้ชีวิตอย่างมีมารยาทสินะครับ ใช่เลย
ซอนอูพึมพำก่อนจะหวนคิดถึงเรื่องราวที่ตัวเองสำนึกผิด ทว่าพอลองคิดดูอีกครั้งอย่างจริงจังแล้วมันก็มีอะไรบางอย่างแปลกๆ ไป
ลีโดยองไม่ใช่เด็กที่จะมารบกวนอะไรแบบนั้นอยู่แล้วนี่ แล้วทำไมถึงมาฝากทำการบ้านทำรายงานแบบนั้นกันนะ ตอนนี้อยู่ปีหนึ่งยังไงก็ไม่มีทางจะเก็บหน่วยกิตวิชาพื้นฐานทั้งหมดได้ เพราะยุ่งมากจริงๆ เลยฝากงานให้ฉันทำแบบนี้เหรอ พอเริ่มจากแบบนั้นเขาก็มุ่งหาสาเหตุ ลองพลิกย้อนวิเคราะห์กลับขึ้นไปซึ่งระหว่างนั้นก็เจอสาเหตุที่ ถ้าไม่ใช่...
หรือว่า ฉันจะถูกจับได้ว่าเห็นตัวตนอื่นของโดยองแล้ว?!
“เฮ้ย บ้า ไม่ใช่หรอก ไม่มีทาง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่มีทาง...”
คงจะมีธุระก็เลยมาขอร้องฉันแค่นั้นเองแหละ ใช่แล้ว คงเป็นงั้น... แต่ทำไมน้ำตาถึงไหลแบบนี้ล่ะ
กว่าจะลากขาที่เป็นเหน็บชามาถึงห้องเรียนได้ บนบ่ากลับมีน้ำหนักจากความหมายหลายอย่างกดลงมา เขาไม่รู้แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย ถ้าเกิดถูกจับได้ขึ้นมาล่ะก็...
ช่วงบ่ายแก่ๆ เมื่อโดยองเลิกคลาสวิชาสุดท้ายก็ตรงมายังรถที่จอดรออยู่ใกล้ๆ กับประตูหลักของมหาวิทยาลัย แจโฮที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับจึงขยับรถออกมาเพื่อจะได้รับคุณชายได้พอดี
“ทำไมเป็นงั้นอะพี่”
“ครับ? เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ ขึ้นรถสิครับคุณชาย”
แจโฮเปิดประตูที่นั่งด้านหลังอย่างระมัดระวังและโดยองก็เข้าไปนั่งในรถทันที ท่าทางของคุณชายที่วางกระเป๋าสะพายลงแล้วเอนตัวนั่งพิงเบาะพร้อมกับยิ้มออกมาก็สะท้อนผ่านกระจกดำ เพราะหลับตาอยู่เลยไม่แน่ใจแต่ริมฝีปากกำลังยิ้มอยู่อย่างเห็นได้ชัด เมื่อกี้แจโฮก็ไม่ได้ตาฝาดว่าการก้าวเดินของโดยองต่างจากปกติรวมถึงใบหน้าที่กลายเป็นสีแดงด้วย แต่เขาก็ไม่สามารถพูดได้ว่าตกใจกับท่าทางของคุณชายโดยอง ขืนปริปากพูดขึ้นมาก็คงจะได้ยินคำประมาณว่า ‘ดูเป็นแบบนั้นเหรอ ผมดูออกง่ายขนาดนั้นรึไง’ หรือไม่ก็ ‘ล้อกันเล่นเหรอ’ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าทำให้คุณชายไม่สบายใจก็จะส่งผลให้งานอื่นๆ พลอยลำบากไปด้วย แจโฮจึงเลือกที่จะเงียบไว้ ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไรสถานการณ์ที่เงียบดีกว่าพูดออกมาก็ถือเป็นเรื่องปกติ
“คุณชาย”
“ว่าไง”
“...ให้พาไปส่งที่บ้านก่อนไหมครับ”
“พี่แจโฮ... มีอะไรอยากจะบอกผมรึเปล่า”
“ไม่ครับ ไม่มีครับ”
“แล้วทำไมถึงดูลังเลที่จะพูดล่ะ”
คือมันไม่ใช่อะไรนะ ถ้าทำงานกับคุณผู้ชายผู้มีความพิเศษก็จะได้เรียนรู้ว่าการสงบปากสงบคำและไหวพริบป็นสิ่งจำเป็นต่อการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ถ้าไม่อยากให้หัวใจตกไปอยู่ที่พื้น และต่อไปเส้นทางของยูซอนอูก็จะเหมือนเส้นทางที่คิมแจโฮเคยเดินเมื่อก่อนหน้านี้นั่นแหละ