4
เจ้าวาฬแข็งแกร่ง ไม่จมน้ำง่ายๆ หรอก
ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าควรหลีกเลี่ยงการนั่งๆ นอนๆ แบบไม่ทำอะไร อย่าปล่อยให้ตัวเองอยู่ว่างหรือจมอยู่กับความเหงานานเกินไป เพราะอาจทำให้ความคิดฟุ้งซ่านกว่าเดิม
…
"ทำไมฉันต้องขอโทษที่ตัวเองกลายเป็นปีศาจ ในเมื่อไม่มีใครเคยขอโทษที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้"[1]
ผมไม่เคยเข้าใจประโยคนั้นของโจ๊กเกอร์เลย
จนกระทั่งวันที่ตัวเองจมดิ่งลงในทะเลแห่งความเศร้า
วันที่ความคิดของผมกับเจ้า 52 Hz หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
นั่นสินะ...ทำไมผมถึงต้องขอโทษตัวเองที่จมน้ำ
ทั้งๆ ที่คนที่ผลักให้ผมจมน้ำยังสามารถมีลมหายใจและยิ้มกว้างอย่างสดใสอยู่บนผืนดิน
“ครับแม่ ถ้าปิดโปรเจกต์นี้เมื่อไหร่ เรากลับมาทานข้าวด้วยกันนะครับ” ร่างเล็กโบกมือให้กับคุณแม่ที่อยู่หน้าจอโทรศัพท์ ก่อนที่ภาพจะตัดไป
ราวกับว่าความมีชีวิตชีวาของเขาได้ถูกตัดไปพร้อมกับสัญญาณนั้นด้วย เพราะพอทิ้งมือลงกับเตียงรอยยิ้มสดใสก็พลันจางหายเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ดวงตาคู่สวยเหม่อมองเพดานที่มีสติกเกอร์เรืองแสงรูปพระจันทร์และดวงดาวแปะอยู่ด้านบน สักพักภาพที่มองเห็นก็ถูกทำให้เบลอด้วยม่านน้ำใสๆ ที่รินออกมาทางหางตา หยดลงบนหมอนจนเป็นดวง การที่แม่โทรมาหาควรจะทำให้เจ้าวาฬยิ้มได้และมีกำลังใจที่จะผลักตัวเองให้โผล่ขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำสิ ไม่ใช่ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกเกลียวคลื่นยักษ์ม้วนตัวเองลงไปสู่ท้องทะเลแบบนี้
ร่างเล็กเอ่ยคำขอโทษอยู่ภายในใจ ขอโทษคุณแม่ที่น้องเจ้าวาฬคนเดิมกำลังถูกฆ่าด้วยมัจจุราชที่มีชื่อว่าความอ่อนแอ ขอโทษคุณแม่ที่น้องเจ้าวาฬคนนี้คือคนที่กำลังวิ่งหนีจากการตามล่าของฝันร้ายอย่างสุดชีวิต วิ่งมาในความมืดและร่วงหล่นลงไปในหลุมกับดักที่คนรอบข้างขุดเอาไว้ แม้ว่าจะพยายามตะเกียกตะกายด้วยแรงทั้งหมดที่มีก็ยังพาตัวเองกลับขึ้นมาได้แค่ครึ่งทาง
ร่างเล็กหันมองรูปครอบครัวบนหัวเตียงแล้วกล่าวคำปฏิญาณอยู่ในใจแบบลูกเสือ...ด้วยเกียรติของข้า ข้าสัญญาว่า ข้าจะต่อสู้ทุกวิธีเพื่อให้ตัวเองเป็นผู้รอด...จะทำทุกอย่างให้ปีกได้สยายกว้างท่ามกลางสายลมแรงและแล่นถลาลงบนยอดภูเขาอย่างสวยงาม อวดโฉมให้โลกรู้ว่าเรานี่แหละ...คือผู้ที่เหมาะสมกับคำว่าเดอะวินเนอร์
ต่อให้หกล้มจนหัวเข่าถลอกแค่ไหน ยังไงก็ไม่ยอมเป็นลูซเซอร์หรอก
เสียงโทรศัพท์แจ้งเตือนว่ามีเงินโอนเข้าบัญชี ตัวเลขหกหลักที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอไม่ได้เรียกรอยยิ้มกลับมาได้แม้แต่นิด หนำซ้ำเจ้าวาฬยังรู้สึกว้าเหว่ยิ่งกว่าเดิม ราวกับตัวเองกำลังเป็นดาวพลูโตที่ห่างไกลจากจักรวาลนี้เข้าไปทุกที
อยู่ห่างกันแค่หนึ่งมหาสมุทรกั้น ทำไมความรู้สึกถึงโหยหาราวกับไกลกันสุดโลกหล้า
แค่คืบเดียวเองเจ้าวาฬ คืบเดียวในแผนที่...ปีหน้าก็จะได้เจอกันแล้ว
และกว่าจะถึงปีหน้าก็คงจะได้เวลาที่จะต้องตื่นจากฝันร้ายนี้แล้วเหมือนกัน
วันนี้บัวลอยเจ้าเพื่อนยากพาเจ้าวาฬมานั่งเล่นอยู่ที่ศาลาเรือนไทยในโรงเรียนสาธิตฯ เจ้าวาฬจอดเวสป้าสีแดงเอาไว้และเดินถือหนังสือเล่มโปรดพร้อมกับไดอารี่ปกหนังสีน้ำตาลมานั่งลงและใส่หูฟังฟังเพลงป๊อปเบาๆ ขณะที่รอต้นข้าวมาถึง เนื่องจากสัปดาห์นี้เพิ่งพ้นสัปดาห์แรกพบมาไม่นาน คาบเรียนแรกจึงเป็นเพียงแค่การอธิบายคอร์สสั้นๆ อาจารย์บางท่านก็เลยใช้วิธีลัด ให้นิสิตไปโหลดอ่านเอาเองจากเว็บฯ แล้วยกคลาสครั้งแรกไป วันนี้ทั้งวันวาริชศาสตร์ปีหนึ่งเลยไม่มีเรียน
เมื่อจัดการกับความดำดิ่งของตัวเองหลังจากวางสายคุณแม่เสร็จแล้ว ร่างเล็กก็เดินไปดูปฏิทินสิ่งที่ตัวเองควรจะทำในแต่ละวัน พอวันนี้ไม่มีคำอธิบายอะไรเลยในตารางก็รู้ตัวว่าต้องจัดตารางให้ตัวเองใหม่ คุณหมอบอกว่าถ้าอยู่เฉยๆ แล้วฟุ้งซ่าน ก็ลองจัดตารางให้ยุ่งๆ ดู สิ่งแวดล้อมรอบตัวอาจดึงเราออกไปจากความเศร้าได้เอง
แล้วมันก็จริง
เจ้าวาฬคิดว่าตัวเองไม่มีสตินักตอนที่เงยหน้าขึ้นมาจากการบันทึกเจ้าไดอารี่เล่มโปรด ปล่อยดินสอสีดำร่วงลงจากมือไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนโต๊ะ ปลายนิ้วมือเผลอปัดไปสัมผัสมันแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ สายตาจับจ้องไปยังบางสิ่งที่ดึงดูดความสนใจได้มากกว่า
แสงแดดอ่อนๆ ในยามสิบโมงเช้าสาดกระทบกับร่างสูงที่กำลังเดินนำเด็กนักเรียนประถมตัวเล็กๆ มายังสนามหญ้า ง่วนอยู่กับการจัดแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆ และแจกอุปกรณ์ที่เป็นเหมือนขวดน้ำพลาสติกต่อกันเหมือนจรวดประดิษฐ์ที่เคยทำตอนเด็กๆ
เหมือนฝันที่ซ้อนฝันอีกที
ร่างบางไม่คิดว่าสติของตัวเองจะเหลืออยู่มากนัก ใบหน้าของพี่พระจันทร์ยิ้มที่เห็นจากมุมไกลทำให้เช้าที่เซื่องซึมกลายเป็นเช้าที่สดใส ภาพฝันนั้นคล้ายว่าจะชัดเจนขึ้นในยามที่พระจันทร์ส่องแสงมาทางเขา แต่ก็ช่างห่างไกล และเป็นเพียงแค่ความบังเอิญ
พี่พระจันทร์ยิ้มไม่ได้สบตากับเจ้าวาฬ หรือดีไม่ดีพี่ก็อาจจะยังไม่รู้ว่าเจ้าวาฬนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกของวัน แล้วเท้าคางมองคุณครูฝึกหัดที่กำลังโดดเด่นอยู่กลางสนามกับการทดลองของเด็กๆ ต้นข้าวเคยบอกเอาไว้ว่า...ผู้ชายแบบพี่พระจันทร์ยิ้มเนี่ย ใครได้ไปก็คือได้ใช้แต้มบุญหมดแล้วทั้งชาตินี้และชาติหน้า...แล้วการที่เจ้าวาฬได้มานั่งพักสายตามองพี่เขาในมุมแบบนี้ ก็อาจแปลว่าปรอทแต้มบุญของเขาลดลงมาแล้วประมาณครึ่งหนึ่ง
“ครู”
“คุณครูคร้าบบบ”
“ครูขา เรายิงจรวดเลยได้ไหมคะ”
“จรวดของเราจะบินขึ้นไปถึงบนฟ้าไหมคะ”
“ไหนให้ครูดูซิ แต่ละกลุ่มตั้งจรวดให้ตรงหรือยังคะ” รุ่นพี่คุณครูหันไปถามเด็กผู้หญิงที่มีอายุไม่น่าจะเกินป.ห้า
“ตรงแล้วค่ะ / ยิงเลยนะครับครู”
“โอเคครับ ทุกคนเตรียมตัวนะ เราจะมาดูกันว่าจรวดของกลุ่มไหนพุ่งได้ไกลกว่ากัน” ร่างสูงลูบหัวนักเรียนที่สูงแค่เอวเขาทีละคน แววตาของนักเรียนทุกคนดูมีความสุขและรักคุณครูคนนี้มาก
อือ...พระจันทร์ดวงนี้น่ะ มันแผ่รังสีแรงเสียจนเจ้าวาฬอดยิ้มไม่ได้เลย ;-)
เจ้าวาฬรู้ว่าศึกษาศาสตร์ปีห้าจะต้องไปฝึกสอนในโรงเรียนจริงๆ แต่พี่พระจันทร์ยิ้มอยู่ปีสี่ ทำไมถึงลงมาสอนเด็กๆ ในโรงเรียนสาธิตฯ ได้ ไม่ค่อยเข้าใจระบบการเรียนของคณะนี้เท่าไหร่ แต่ก็อาจจะเข้าใจมากกว่านี้ในอนาคต ถ้าหากว่ามีคุณครูเป็นแฟน
คิดอะไรน่ะ บ้าจริง
“ถ้าจะเงี่ยขนาดนั้นก็ถอดหูฟังออกก่อนไหมล่ะเจ้าวาฬ” เสียงสิบแปดหลอดของต้นข้าวดังขึ้นเรียกคนตัวเล็กขึ้นมาจากภวังค์ เจ้าวาฬยิ้มแหะๆ แล้วดึงกระเป๋าออกมาเพื่อให้เพื่อนมีที่ว่างสำหรับนั่ง
“นี่ขนมครกร้านป้าแป๊ะ แถวยาวกว่าเครื่องสูบน้ำพญานาคอีกมั้ง”
“เมื่อกี้นี้ทำอะไรอยู่อะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”
เพื่อนเดือนสาขายิ้มเผล่แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันที จะไม่ให้เงี่ยหูฟังได้ยังไง ก็พี่พระจันทร์ยิ้มอยู่อีกฟากหนึ่งของสนามขนาดนั้น ถ้าอยากได้ยินเสียงนุ่มๆ ทุ้มๆ ให้ชัดก็อาจต้องวางเครื่องดักฟังเอาไว้ หรือไม่ก็เดินไปให้พี่เขากระซิบให้ฟังใกล้ แต่ติดตรงที่เจ้าวาฬไม่กล้านี่แหละ
“วันนี้ถ่ายรูปคัดตัวแทนคณะตอนหกโมง ต้นข้าวกับตุ้งติ้งจะมาดูเราด้วยใช่มั้ย”
“ดูสิยะ” ตุ้งติ้งตอบพร้อมกับยัดขนมครกป้าแป๊ะเข้าปากพร้อมกันทีเดียวสองฝา
“ลูกสาวคนเล็กของกลุ่มลงประกวดทั้งทีจะไม่ไปดูได้ไง”
“ลูกชายต่างหาก ตุ้งติ้งอ่า” ลูกสาวคนเล็กกอดอกแล้วทำท่ากระเง้ากระงอดแหย่เพื่อนทั้งสองเล่น
ตุ้งติ้งแซวเล่นไปอย่างนั้นเอง แต่ไม่ว่าใครที่มองเจ้าวาฬด้วยฟิลเตอร์แม่เหมือนกันกับเธอยังไงก็เห็นว่าเพื่อนคนนี้เป็นลูกสาวกันหมดทั้งนั้น ก็คุณเดือนสาขาน่ะทั้งตัวเล็ก ผิวขาว หน้าก็สวย เรียกได้ว่าเป็นบล็อกเดียวกันกับไอดอลเกาหลีของค่ายยักษ์ใหญ่ที่ไม่ว่าใครมองเห็นก็ต้องสะดุดตา
“แต่งหน้าให้วาฬหน่อยสินังติ้ง จะปล่อยให้หน้าจืดเป็นไก่คั่วเกลือแบบนี้ไปถ่ายรูปไม่ได้นะ นี่รู้ไหมเจ้าวาฬ ลิซ่าเข้าร้านทำผมตั้งแต่เช้าแล้วเพื่อเตรียมตัวถ่ายรูปคัดดาวในเย็นนี้”
ประโยคหลังต้นข้าวหันมาพูดกับคนร่างเล็กที่กำลังกลืนก้อนเหวอลูกใหญ่ลงคอ นี่มันเพิ่งจะสิบโมงกว่าเอง ลิซ่าคงกะจะมาเอาตำแหน่งดาวคณะให้ได้แน่ๆ เลย
เจ้าวาฬมองสายตาของเพื่อนทั้งสองคนที่ส่งผ่านความหวังมาให้เขา ดวงตาเปล่งกระกายเหมือนดวงดาวที่ส่องแสงในคืนเดือนมืด มองเห็นได้ชัดเจนเลยล่ะ...มองเห็นความหวังที่ฝากเอาไว้ในมือเล็กๆ ของเจ้าวาฬคู่นั้น มันอดที่จะกังวลไม่ได้...แต่มันก็ยอมแพ้ไม่ได้ด้วย
พอนึกไปถึงคำที่พี่พระจันทร์ยิ้มพูดวันนั้นก็ยิ่งทำให้คนที่แบกความหวังต้องงัดตัวเองขึ้นมาให้สู้ บางทีถ้าเจ้าวาฬกระโดดให้สูงจนเป็นเดือนขึ้นมาได้จริงๆ บนท้องฟ้าอาจได้มีเดือนสองดวงอยู่เคียงคู่กันก็เป็นได้
เนี่ย ฮึกเหิมเลย
“เอาสิ” คนตัวเล็กพยักหน้า “แต่งเลย เอาให้สุดฝีมือเลยนะตุ้งติ้ง วันนี้เจ้าวาฬไม่ยอมแพ้แน่”
“จัดให้แหล่ม!”
ต้นข้าวเปิดกระเป๋าเป้เอากระจกบานใหญ่เท่าฝาโน้ตบุ๊กออกมาตั้ง พร้อมกับตุ้งติ้งที่กางกระเป๋าเครื่องสำอางลงพรึ่บราวกับว่าเตรียมพร้อมกันมาแล้วเพื่อการนี้ โชคดีนะที่เจ้าวาฬเลือกนั่งศาลานี้เพราะเห็นแล้วว่าไม่ว่าจะเวลาไหนร่มของต้นก้ามปูกับเงาของตึกก็จะทำให้ศาลานี้ร่มและเย็นสบายทั้งเช้าทั้งบ่าย ถือว่าเลือกได้ดีนะ...เก่งจัง
ปึ้ก!
“โอ๊ะ! เจ็บ...”
ของแข็งบางอย่างลอยมาจากทางไหนก็ไม่ทราบโขกหน้าผากเจ้าวาฬจนเป็นรอยแดง ต้นข้าวคว้ามันเอาไว้ได้และยืนขึ้นอย่างโมโห สายตาจับจ้องเจ้า ‘จรวดนาซ่า’ อันใหญ่เท่าศอกนั้นเอาไว้ราวกับจะเผามันให้มอดไหม้...ใครเป็นคนโยนเจ้านี่มาใส่เพื่อนฉัน ออกมาให้ฉันกินหัวเดี๋ยวนี้!!!
อินเนอร์แบบนั้นเลย
ตอนที่ทุกคนกำลังมองหาอาชญากรที่บังอาจทำร้ายดวงใจของวาริชศาสตร์ ร่างสูงก็วิ่งมาทางนี้พร้อมกับเด็กชายที่มีสีหน้าราวกับถูกคุณแม่เอาหุ่นยนต์ตัวโปรดไปบริจาคให้กับเด็กข้างบ้าน คุณครูมีสีหน้าเคร่งเครียดเดินตรงดิ่งเข้ามาหาเจ้าวาฬที่กำลังช็อกอ้าปากค้างไปแล้ว สองเท้าหยุดยืนที่ศาลาเรือนไทยซึ่งทั้งสามคนนั่งอยู่ มือใหญ่ประคองหน้าเจ้าวาฬให้เงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อย สัมผัสผิวขาวบนหน้าผากเบาๆ ราวกับกลัวว่ามันจะแหลกสลาย
“เจ็บมากไหมครับ ขอผมดูหน่อย”
พี่พระจันทร์ยิ้มก้มหน้าลงมาหาเจ้าวาฬอีกนิดเพื่อเช็กว่าหน้าผากที่รับแรงกระแทกจากจรวดขวดน้ำนั้นไม่ได้มีร่องรอยความเจ็บปวดใดๆ มากไปกว่ารอยแดงเล็กน้อย พอดูดีแล้วว่าไม่ได้หัวแตกเลยดึงมือเด็กนักเรียนตัวน้อยให้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพี่เจ้าวาฬ
“น้องปุณณ์ ขอโทษพี่เค้าเร็ว”
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ” คุณครูนิสิตหันมาก้มหัวให้กับเจ้าวาฬอีกครั้งหนึ่ง “การทดลองของเด็กๆ ผิดพลาดนิดหน่อย จรวดเลยหันหัวมาทางนี้”
“ค...ครับ ผมไม่เป็นไร”
“อย่างนั้นผมขอจรวดคืนนะครับ แล้วก็ขอโทษอีกครั้งนึงจริงๆ แต่พอหน้าผากคุณแดงแล้วเหมือนซาลาเปานะ ที่มีจุดแดงๆ อยู่ข้างบน” คุณครูพูดพร้อมกับลูบเบาๆ บนหน้าผากน้องปีหนึ่งอีกครั้ง ก่อนจะมอบรอยยิ้มที่อบอุ่นกว่าไมโครเวฟมาให้ ก้อนเนื้อข้างซ้ายของเจ้าวาฬกระตุกรัวๆ ราวกับว่ามันวางอยู่บนหลังคารถที่กำลังวิ่งบนถนนลูกรัง สั่นขนาดนี้ก็ทะลุออกจากอกลอยไปหาเขาเลยดีไหมล่ะ
“ครูครับ ผมอยากกินซาลาเปา”
“ครับ” ครูพระจันทร์ยิ้มก้มหัวลงลูบหัวน้องปุณณ์ “ครูก็อยากกินเหมือนกัน”
“...”
“ขนมเบรกวันนี้เป็นโอวัลตินกับซาลาเปาด้วยล่ะ เรารีบไปพักเบรกกันเลยดีไหม”
“ดีครับ”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ” ประโยคนี้หันมาพูดกับน้องปีหนึ่งทั้งสามก่อนจะเดินจากไป
เจ้าวาฬได้สติเป็นคนแรก หันหน้ากลับมามองหน้าเพื่อนทั้งสองแล้วหลุดขำพรืดออกมา ต้นข้าวถือกระจกค้างอยู่ในมือพร้อมกับอ้าปากตาลอย ถ้าเป็นการ์ตูนก็จะต้องเห็นวิญญาณของต้นข้าวกำลังลอยขึ้นสวรรค์อยู่แน่ๆ ส่วนตุ้งติ้งนั่งบิดจนตัวจะเป็นเกลียว น่ากลัวว่าคุณเธอจะบิดจนตกม้านั่งเหลือเกิน
“โอ๊ยยย อิจฉามากกก”
“เออ สองรอบแล้วนะแกนังวาฬ รอบที่พี่เค้าเขียนหน้าผากก็ทีนึง”
“พี่เค้าเคยเขียนหน้าผากเจ้าวาฬด้วยเหรอวะ”
“เคยดิ หันมองกันพึ่บพั่บ แต่ดันไม่มีใครมองทันว่าพี่แกเขียนว่าอะไร” เจ้าวาฬตีแขนเพื่อนทั้งสองคนเบาๆ เพื่อให้หยุดแซว รู้ไหมว่าไอ้ที่แดงอยู่บนหน้าตอนนี้น่ะ...ไม่ได้มาจากจรวด แต่มันมาจากการที่หัวใจของเจ้าวาฬลอยติดไปกับจรวดที่คุณครูถือเดินกลับเข้าตึกไปโน่นแล้วต่างหาก
“ประคองหน้าอย่างงี้”
“ขอผมดูหน่อยอย่างงี้”
“กูนี่ต่อเรือเลย”
“โมเมนต์ที่โคตรยิ่งใหญ่เกรียงไกร”
“น้องเจ้าวาฬ”
เพื่อนสาวทั้งสองสะกิดกันมือเป็นระวิงหลังจากเอาชื่อจริงของพี่พระจันทร์ยิ้มกับเจ้าวาฬมาเรียงต่อกันแบบคู่จิ้น
นี่ถ้าต้นข้าวได้รับโมเมนต์จากคนหล่ออันดับหนึ่งของมหา’ลัยแบบนี้บ้าง...อกอีแป้นแล่นลึกเข้าตึกแขก อกต้องแตกตายแน่คุณแม่ขา!
ทำไมคนนั้นไม่เป็นกู๊ว!
“กูหมดแรงแล้ววาฬ แต่งหน้าต่อไม่ไหว” ว่าแล้วก็ย่ำเท้ากรี๊ดในลำคอเพราะทำอะไรอีกไม่ได้นอกจากอิจฉา
พูดก็พูดเถอะ ผู้ชายแบบพี่คนนั้นน่ะใครเห็นแล้วจะอดใจไม่หลงได้ สูงยาวเข่าดี โปรไฟล์ก็ดี มีรถขับโทรศัพท์ถ่ายรูปได้ ล่าสุดออร่าความเป็นผู้นำประทับองค์ส่งบารมีให้ยิ่งใหญ่เหนือน่านฟ้ามหาสมุทรไปอี๊ก ถามจริงเถอะคุณพี่ ไม่กรี๊ดไหวเหรอคะ
เจ้าวาฬปล่อยให้วิญญาณของเพื่อนทั้งสองล่องลอยตามคุณครูนิสิตขึ้นไปเรียนด้วยแล้วแอบเอาไดอารี่ออกมาเขียนเงียบๆ...วันนี้กระทู้ ‘เจ้าวาฬเดียวดายใต้ทะเลดำมืด’ จะมีหัวข้ออัปเดตใหม่
‘อย่าเพิ่งเชื่อว่าพระอาทิตย์เท่านั้นที่ให้ความอบอุ่นได้ จนกว่าคุณจะได้พิสูจน์ว่าพระจันทร์ก็สามารถให้ได้เหมือนกัน’
TBC.