2
เจ้าวาฬชอบกินผลไม้ (ที่พี่ซื้อให้)
บางครั้ง ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าก็เบื่ออาหาร** **
…
เคยรู้สึกสงสัยเหมือนผมไหมครับ
...ว่าระหว่างผลไม้หลากสีรสอร่อย กับคนที่นั่งตรงข้ามเราตอนที่ทานอาหารมื้อพิเศษ
เราจะหลงใหลสิ่งไหนได้มากกว่า
ถ้าคุณกำลังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะจะวางจุดโฟกัสสายตาไว้ที่อาหารหรือ ‘เขา’ ขอให้รู้เอาไว้ว่าคุณมีผมเป็นเพื่อน
เพราะผมเอง...ก็กำลังรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน
คำบอกเล่าของรุ่นพี่เป็นจริง พอทำพิธีกล่าวคำปฏิญาณเสร็จเรียบร้อย กองสันทนาการจากชมรมสันทนาการของมหาวิทยาลัยก็เริ่มขึ้นแสดงเปิดงานเพื่อวอร์มหลอดเสียงให้กรี๊ดก่อนจะไปพบกับศิลปินจริงๆ ที่จะมาเล่นคอนเสิร์ตต้อนรับชีวิตใหม่สำหรับการเป็นเฟรชชี่ในมหาวิทยาลัย อยู่ดีๆ ฝนก็ตกลงมาเหมือนเทวดาปวดฉี่พร้อมกันหนึ่งพันองค์ เจ้าวาฬหัวเราะให้กับความคิดพิเรนทร์และยื่นมือไปรองรับน้ำฝน ต้นข้าวจะกรี๊ดพี่ตูนต่อให้ได้แม้ว่าฝนจะตกจนมาสคาร่าสีดำไหลเยิ้มลงมาเป็นลายแผนที่ประเทศไทยเต็มแก้ม ส่วนปีหนึ่งคนอื่นๆ ที่ไม่สู้ฝนก็ทยอยออกจากสนามกลับหอพักผ่อน
เจ้าวาฬเองก็ด้วย เขาไม่อยากให้ตัวเองป่วย เพราะพอป่วยขึ้นมาเจ้าโรคนั่นก็จะมีอาการแย่ลง เขาอุตส่าห์สู้มาด้วยตัวเองขนาดนี้ อะไรที่สุ่มเสี่ยงให้มันแย่ก็คงต้องเลี่ยงแล้วล่ะ
“ตุ้งติ้ง หออยู่ที่ไหนอะ เราไปส่งไหม เรามีรถ” ร่างเล็กชี้ไปที่มอเตอร์ไซค์เวสป้าของตัวเองเพื่ออาสาไปส่งเพื่อนสาวที่คงไม่ดีเท่าไหร่นักถ้าจะปล่อยให้เธอเดินกลับหอคนเดียว
“ได้ๆ หอเราอยู่หลังมอ หอวาฬอะ”
“หอเราอยู่ซอยโรงเรียนสาธิตฯ อะ ออกประตูคณะศึกษาฯ ไปแป๊บเดียวก็ถึง”
“ให้น้องติ้งไปกับพี่ก็ได้ เจ้าวาฬจะได้ไม่ต้องวนรถอ้อมไปอ้อมมา หอพี่ก็อยู่หลังมอเหมือนกัน”
“พี่ตูตูตูตูโอ้เยโอ้เย สวัสดีครับ ถ้าอย่างนั้นผมรบกวนพี่ช่วยส่งติ้งด้วยนะครับ ดูท่าเหมือนฝนจะเทลงมาอีกรอบแล้ว”
เจ้าวาฬยิ้มขณะที่โบกมือส่งเพื่อนขึ้นรถยนต์ของรุ่นพี่ในสาขากลับหอไปอย่างปลอดภัย นึกอยากจะให้หมดรับน้องเร็วๆ เหลือเกิน เพราะฉายาของรุ่นพี่แต่ละคนที่เขียนอยู่บนป้ายห้อยคอนั่นเรียกยากเย็นแสนเข็ญ บางคนก็ยาวซะนึกว่าท่อนฮุกของวงดำชมพู กว่าจะเรียกจบก็หมดลมพอดี ท้อแท้เลย
เม็ดฝนเริ่มกระหน่ำลงมาทำให้คนตัวเล็กรีบสวมหมวกกันน็อกแล้วคว้าเอาเสื้อกันฝนใต้เบาะมาสวม ก่อนจะบึ่งเจ้าเวสป้าสีเทาคู่ใจกลับมาบนเส้นทางที่คุ้นเคย ผ่านหน้าศาลตายายของคณะศึกษาฯ ไปก็เข้าซอยหอแล้ว ถึงทางนี้จะมืดนิดหน่อยแต่ก็ใกล้ที่สุดล่ะนะ
กึก...กึก...
“...”
กึก...กึก...กึก...
“อย่าเชียวนะ”
กึก...กึก...กึก...กึก...
“ไม่นะ ขอร้องล่ะ”
อยู่ดีๆ บัวลอยเจ้าเพื่อนยากก็ดันมาดับอยู่หน้าศาลพอดิบพอดี เจ้าวาฬอยากจะร้องไห้เป็นภาษาอึ่งอ่างในสระมรกตหน้าตึกคณะ แต่ก็ต้องลงจากรถมายืนงงกับน้องบัวลอยที่อยู่ดีๆ ก็งอแงขึ้นมาเสียเฉยๆ
“เป็นอะไรอะ ติดเถอะนะ ฝนมันตก เอาไว้ถึงหอแล้วค่อยดับไม่ได้เหรอ”
กึก...กึก...กึก!
“น้อง!”
เสียงตะโกนเรียกมาจากฝั่งคณะศึกษาฯ ทำให้ร่างเล็กที่กำลังใจแป้วต้องหันกลับมามอง นึกว่าต้องทิ้งน้องไว้ที่นี่แล้วเดินตากฝนกลับหอเสียแล้ว โชคดีจริงๆ ที่ยังมีรุ่นพี่กำลังแบกหีบเลือกตั้งไปสภาฯ เดินผ่านมาทางนี้
“รถเป็นอะไรเหรอ”
ร่างสูงวิ่งข้ามถนนมาแล้วกางร่มให้เขา ทิ้งหีบเลือกตั้งให้เพื่อนแบกขึ้นรถไปเสียดื้อๆ เจ้าวาฬพยายามขยี้ตาเพื่อเพ่งมองผ่านสายตาพร่ามัวอันเนื่องมาจากน้ำฝนเข้าตา ก่อนจะพบว่าการควานหาเสียงของตัวเองให้เจอในเวลานี้มันยากแค่ไหน
“ค...คือ อยู่ดีๆ มันก็ดับครับ”
พี่พระจันทร์ยิ้มอีกแล้ว
“เห้ย! ไอ้กงยูอปป้าซารางอินกาโย ยืมรถแป๊บนึงดิ”
เจ้าวาฬเหมือนไม่รู้สึกตัว หรือดีไม่ดีวิญญาณอาจจะลอยออกจากร่างไปแล้ว เงยหน้ามองพี่พระจันทร์ยิ้มที่ผมเส้นสีดำเปียกฝนลู่ลงมาตามใบหน้า ในเวลานี้สภาพของคนตากฝนมันควรจะโทรมเหมือนลูกหมาตกน้ำอย่างเขาไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมคนตรงหน้าถึงยังดูดีและเซ็กซี่ได้ขนาดนั้น เสื้อนิสิตสีขาวแนบไปกับกล้ามเนื้อหน้าท้องจนคนร่างเล็กต้องพยายามหายใจให้เบาที่สุด เพราะกลัวว่าเสียงหัวใจมันจะดังเกินไปจนคนข้างๆ ได้ยิน
น้องเฟรชชี่รู้สึกตัวอีกทีรถเก๋งสีขาวที่พี่พระจันทร์ยิ้มขับให้นั่งก็กำลังขับช้าๆ มุ่งหน้าสู่หอพักของเขาแล้ว มือทั้งสองกุมเอาไว้บนตักตัวเอง และรวมสายตาเอาไว้ที่มือ เหล่มองคนข้างๆ ในบางครั้ง แต่ก็แค่แวบเดียว เพราะเจ้าวาฬสู้เสน่ห์ที่มีมากเหลือประมาณของพี่พระจันทร์ยิ้มไม่ไหวจริงๆ
หล่อจังอะ นี่ขนาดนั่งขับรถเฉยๆ เอง
“กินยาไหม”
“ค...ครับ?”
“ยาแก้ไข้อะ ถึงจะใส่เสื้อกันฝนอยู่แต่ก็ตัวชื้นไม่ใช่เหรอ”
แผงยาแก้ปวดลดไข้ธรรมดาถูกยื่นมาให้ เจ้าตัวรับไว้ด้วยมืออันสั่นเทา โดยปกติจะมือสั่นตอนที่อารมณ์ดิ่งลงมากๆ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเวลาเขินมากๆ ก็มือสั่นได้เหมือนกัน
ปลายนิ้วอุ่นๆ ของพี่พระจันทร์ยิ้มสัมผัสกับปลายนิ้วของเจ้าวาฬ ไอ้ความรู้สึกเหมือนไฟช็อตแบบนี้มันคืออะไรเจ้าวาฬก็ตอบไม่ได้ รู้แต่ว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้ากำลังพยายามควบคุมตัวเองอย่างหนักตอนที่เก็บยาลงกระเป๋าและรับปากว่าจะกินมันกันไว้ไม่ให้เป็นไข้
พอรถเข้าจอดในจุดจอดรถ ร่างสูงก็ได้รู้ว่าคนตัวเล็กที่นั่งเงียบมาตลอดทางเป็นลูกชายของเจ้าของคอนโดฯ นี้เพราะลุงยามเดินมาตะโกนเสียงดังว่า ‘ถอยเลยครับคุณหนู’ อยู่หลังรถ แถมเจ้าตัวก็ยังทำหน้าปูเลี่ยนๆ ตอนที่ยอมรับว่าเจ้าของคอนโดฯ นี้ก็คือแม่ของเขาเอง
“เดินไปไหนเหรอครับ” น้องปีหนึ่งร้องถามรุ่นพี่หลังจากลังเลใจอยู่นานเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังจะข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามคอนโดฯ เหมือนกับว่าเขามีเป้าหมายอยู่ที่ร้านหนังสือที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงซึ่งไม่มีที่ให้จอดรถ การที่พี่ขอจอดรถไว้ในช่องวีไอพีของเจ้าวาฬแล้วเดินข้ามถนนเอาเองจึงสะดวกกว่ามาก
“ร้านโน้น”
“ฝนตกขนาดนี้?”
“ยืมเสื้อกันฝนหน่อยได้ไหมล่ะ”
นิ้วมือเรียวที่ขาวซีดจากการตากฝนมานานชี้เข้าที่ตัวเองเป็นเชิงถาม พี่หมายถึงเสื้อตัวที่เขากำลังใส่อยู่นี่น่ะเหรอ
เจ้าวาฬพยักหน้าอย่างไม่ลังเล พี่พระจันทร์ยิ้มอุตส่าห์ขับรถมาส่งถึงหอ จะปล่อยให้เขาเดินตากฝนข้ามถนนไปแบบนั้นได้ยังไง
“น้องชื่ออะไร เดี๋ยวพี่เอาไปคืน”
ก้อนเนื้อเล็กๆ ในอกข้างซ้ายของคนร่างบางกระตุกนิดหนึ่ง ใจหนึ่งรู้สึกผิดหวังที่รุ่นพี่จำชื่อเขาไม่ได้ อีกใจหนึ่งก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าวันนี้คณะศึกษาศาสตร์ตั้งฐานรับน้องกันทั้งวัน เด็กเป็นพันๆ คนจะมาจำชื่อให้ได้ทั้งหมดเป็นไปไม่ได้หรอก เข้มแข็งนะเจ้าวาฬ ห้ามดิ่งตัวเองต่อหน้าพี่เค้าเด็ดขาดเลย
“เจ้าวาฬครับ วาริชศาสตร์ปีหนึ่ง”
“โอเค ขอบใจนะ ขึ้นไปพักได้แล้วนะครับคนเก่ง พรุ่งนี้มีงานเปิดโลกกิจกรรมแต่เช้า”
แม้ว่ารุ่นพี่จะพูดยิ้มๆ และทำตัวสบายๆ ราวกับว่านี่คือคำพูดที่ใช้เป็นปกติกับคนทั่วไป แต่ร่างบางของเด็กปีหนึ่งที่เดินลอยๆ ขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นเก้ากลับรู้สึกว่าตัวเบาหวิวอย่างประหลาด จะเรียกว่าเบาเหมือนอะไรดี ปุยนุ่น? ก้อนเมฆ? หรือมีอะไรที่เบากว่านี้อีกไหมนะ
น้องก้าวขาฉับๆ ตรงไปที่เตียงนอนแล้วม้วนผ้าห่มนวมสีน้ำทะเลขึ้นมาพันตัวเองเอาไว้ ก่อนจะกลิ้งตัวลงไปบนเตียงนอนสปริงขนาดกว้างแล้วดีดดิ้นราวกับว่าเขาคือหนอนน้อยที่กำลังแฮปปี้กับยอดอ่อนของใบชา ดวงตาเพ้อฝันทอประกายแห่งความสุขราวกับอยู่บนสวรรค์ พี่พระจันทร์ยิ้มเรียกเขาว่า ‘คนเก่ง’ มันเป็นคำที่เขาได้ยินมาทั้งชีวิต แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะทำให้ใจสั่นได้เท่ากับครั้งนี้
ขึ้นไปพักได้แล้วนะครับคนเก่ง
อ๊ากกก
นอกจากจะต้องกินยาลดไข้แล้ว อาจต้องกินยาคลายกล้ามเนื้อด้วย เพราะแก้มใช้งานหนักขนาดนี้ พรุ่งนี้เช้ามันอาจจะบวมตุ่ยเหมือนอมลูกมะนาวเอาไว้ก็ได้
น้องปีหนึ่งบังคับตัวเองให้หยุดความคิดบ้าบอแล้วรีบพาตัวเองไปอาบน้ำสระผมและอัดเสียงเรียบเรียงคำพูดทั้งหมดไว้ในโทรศัพท์กันลืม เป้าหมายก่อนนอนของคืนนี้คือเจ้าวาฬจะเข้าไปอัปกระทู้ ‘เจ้าวาฬเดียวดายใต้ทะเลดำมืด’ ที่ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาไม่มีเวลาเข้าไปหามันเลย วันนี้ตื่นเต้นจริงๆ ที่จะมีเรื่องใหม่ไปถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือที่เรียบเรียงให้อ่านเข้าใจได้อย่างง่ายๆ โดยเมนไอเดียของเนื้อหาในวันนี้คือ ทะเลดำมืดของเจ้าวาฬเริ่มมีแสงส่องลงมาบ้างแล้ว
Tbc.
เล่มหนังสือน้องเจ้าวาฬจะออกครั้งแรกในงานสัปดาห์หนังสือ มีนาคม 2562 นี้นะคะ :)