โดยองพายูซอนอูคนขี้เมามายังห้องพักที่เขามีไว้เพื่อบังหน้าก่อนจะโยนอีกฝ่ายทิ้งลงบนเตียง ถึงจะยังไม่เข้าฤดูใบไม้ผลิดีแต่ทั้งตัวของโดยองก็ชุ่มเหงื่อราวกับเป็นฤดูร้อน พวกลูกน้องที่ขับรถตามหลังแท็กซี่ก็เข้ามาในห้องพักของโดยองเช่นกัน
“คุณชายดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนครับ”
“วางไว้ เดี๋ยวฉันดื่มเอง”
“อาบน้ำไหมครับ ให้ผมเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นเตรียมน้ำไว้ให้ไหมครับ”
“ไปเถอะ เดี๋ยวฉันทำเอง”
“แล้วจะทำอย่างไรกับรุ่นพี่ที่นอนอยู่ดีครับ”
“แค่ถอดถุงเท้าแล้วหาผ้าห่มมาห่มไว้ให้หน่อย แล้วก็พวกนายน่ะเสียงดังกันไปหน่อยไหม”
“ข ขอ...ขอโทษครับ!”
เหล่าลูกน้องที่ตะโกน ‘ขอโทษครับ’ ด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องก็รีบกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะพูดขอโทษเสียงเบาลงพร้อมกับค่อยๆ ทยอยเดินเขย่งเท้าออกไปจากห้อง จนเหลือแจโฮที่กำลังตรวจเช็กสภาพของห้องพักเป็นคนสุดท้าย ซึ่งพอดูๆ ไปแล้วก็พยักหน้าอย่างพอใจกับบรรยากาศราบรื่น เพราะมองไม่เห็นสิ่งที่ดูเหมือนจะโยงไปเกี่ยวข้องกับทายาทแก๊งเสือดำได้
“ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรมาเลยนะครับ ผมจะจอดรถรออยู่ข้างนอก”
“ไม่เป็นไร ไปเถอะ ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรอยู่แล้ว”
“คือหมายถึง...”
“อ่า... ถ้าพรุ่งนี้ผมโทรไป ก็คิดว่าเข้ามาเก็บศพแล้วกัน”
“อะ...อะไรนะครับ”
“ล้อเล่น ไปเถอะ ดูแลคลับดีๆ ตามที่บอกนั่นแหละ ถ้าผมมีเรื่องอะไรเดี๋ยวโทรหาเอง”
แจโฮเป็นคนซื่อสัตย์จริงๆ ทั้งที่คุณชายที่อายุน้อยกว่าตัวเองไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด แต่ไม่ว่าจะฟังยังไงน้ำเสียงที่พูดก็มีความจริงใจอยู่ร้อยเปอร์เซ็นเลย ไม่สิ คำที่น่าหวาดกลัวอย่างซื่อตรงนั่นแหละคือสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุด
* * *
เช้าแล้วสินะ เพราะทิ้งซอนอูไว้บนเตียง โดยองจึงผ่านพ้นคืนวานบนพื้นขนาดห้าเมตรกว่าๆ
‘อื้อออ’ ซอนอูเอาชนะการต่อสู้กับอาการเมาค้างอย่างยากลำบากลืมตาขึ้นพร้อมกับครางออกมา เมื่อมองดูรอบๆ ก็ต้องคิดอย่างตื่นตระหนกว่า ‘ที่นี่เหมือนจะไม่ใช่ที่หอ แล้วครั้งนี้เขามานอนบ้านใครอีกล่ะ’ ก่อนจะสแกนภายในห้อง ที่ชั้นวางหนังสือมีหนังสือต่างๆ เรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบ ไม่มีพวกหุ่นโชว์ที่ไร้แขนขา ผ้าห่มก็ไม่มีกลิ่น ไม่ใช่ห้องของฮันจีซูหรือบ้านของเพื่อนๆ ที่เขามาประจำนี่หว่า ถ้างั้นที่นี่มันที่ไหนกันล่ะ
เมื่อสแกนตรงมุมห้องด้วยตาปรือๆ ก็พบกับแผ่นหลังดูดีกำลังนอนคู้ตัวอยู่เหมือนแมลง แต่พอเห็นว่าดูดีแม้กระทั่งท้ายทอยก็ไม่รู้ทำไมถึงมีความรู้สึกว่าเหมือนลีโดยองขึ้นมา
‘คร่อกก’ แมลงที่นอนอยู่บนพื้นแข็งอย่างไม่สบายตัวส่งเสียงร้องออกมา และเมื่อมั่นใจแล้วว่าห้องนี้เป็นห้องของโดยอง ซอนอูจึงกรีดร้องอย่างพึงพอใจแบบไร้เสียง
เขามีชีวิตอยู่มาถึงขนาดได้ใช้ค่ำคืนหนึ่งในบ้านของรุ่นน้องที่ตัวเองแอบรักข้างเดียวเลยเหรอ ซอนอู ยูซอนอู! โอ๊ยย ไอ้ลูกหมา นายมองเห็นหัวใจของฉันแล้วใช่ไหม
ซอนอูเหมือนคนเป็นบ้าใบ้ไปโดยปริยายเอาแต่หัวเราะคิกคักๆ อยู่คนเดียว ทว่าโดยองที่หูไวก็ไม่ปล่อยให้เสียงนั้นผ่านไปเฉยๆ โดยองลืมตาขึ้นพร้อมกับยืดตัวที่เคยหดอยู่ก่อนจะลุกขึ้นนั่งมองไปกลางอากาศ ซอนอูตกใจจนร้อง ‘อ๊ากกก!’ กับการกระทำนั้น เสียงกรีดร้องโดยไม่รู้ตัวของซอนอูส่งผลให้ความง่วงของโดยองที่ยังหลงเหลืออยู่เล็กน้อยหนีเตลิดไปหมด
อ่า ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันอยู่กับยูซอนอูในห้องสินะ
และตอนนั้นเองโดยองก็คิดทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอีกครั้ง กดนิ้วคลึงหัวที่ยุ่งเหยิงราวกับรังนกก่อนจะถอนหายใจยาวๆ
“รุ่นพี่ ท้องไส้โอเคไหมครับ”
ซอนอูคิดว่า ‘แค่เสียงที่ถอนหายใจออกมา ทำไมถึงเท่แบบนี้นะ’ แต่พอคิดได้ว่าจริงๆ แล้วอาการเมาค้างของตัวเองก็ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น ถ้าอย่างนั้นแกล้งทำเป็นรุนแรงหน่อยแล้วกันจะได้ใช้แรงงานอีกฝ่ายได้ง่ายๆ ซอนอูจึงล้มพรวดนอนลงไปบนเตียงอีกครั้ง
“ม่ายยยยย ปวดหัวมากกกกก ทำไงเด ทำงายเด โดยองอา”
ไม่ทันขาดคำโดยองก็เกือบจะระเบิดอารมณ์ออกมาเพราะเสียงลิ้นไก่สั้นๆ ของซอนอูก่อนจะปิดมันไป อดทนมาขนาดนี้แล้วจะมาพังเอาตอนนี้ไม่ได้นะลีโดยอง ทนนะ ทนไว้ นายทำได้ เขาตั้งใจสะกดจิตตัวเองอยู่แบบนั้น
“ทำซุปแก้เมาค้างให้หน่อยสิ ใช้ปลาแห้งนะ”
“...ครับ”
ถึงจะแงะฟันของซอนอูออกหมดก็คงยังไม่สาแก่ใจโดยอง ต้องแงะไปยันเหงือกให้เลยไหมนะท้องไส้ถึงจะสบายขึ้นมา อ่า ใช่ วันนี้เขายังไม่ได้สวมร่างเป็นคนอดทนเลยสินะ ต้องกล้ำกลืนมันลงไปใช่ไหม
เขาตั้งสติที่แตกกระเจิงและตื่นให้เต็มตากว่าเดิมพร้อมกับตั้งใจจะลองทำซุปที่ซอนอูสั่งดู ตอนแรกคิดแค่ว่าจะไปร้านสะดวกซื้อข้างๆ หอซื้อซุปปลาแห้งสำเร็จรูป แต่ซอนอูก็พูดดักตามหลังเขาที่สะลึมสะลือลุกขึ้นมาตั้งสติแล้วแต่งตัวดีๆ ออกไปใส่รองเท้าผ้าใบที่ประตูหน้าห้อง
“ฉันไม่กินพวกอาหารสำเร็จรูปที่ขายตามร้านสะดวกซื้อนะ เข้าใจไหม”
แค่คำๆ เดียวโดยองก็บอกลาซุปปลาแห้งสำเร็จรูปของร้านสะดวกซื้อข้างๆ แล้วไปมินิมาร์ทที่ต้องนั่งรถเมล์ไปสองป้าย เขาใช้มือที่มีเส้นเลือดปูดหยิบปลาแห้งเนื้อเยอะสองตัวไปจ่ายเงิน โดยองไม่ได้กำมือแน่นตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้มานานมากแล้ว ครั้งแรกคือสมัยมัธยมปลายหลังจากที่ตัวเองมัวแต่หมกมุ่นกับการเรียนโดยไม่รับรู้อะไรและต้องห้ามใจแตะตัวพวกนักเรียนที่เป็นนักเลงหัวโจกเบาๆ แน่นอนว่าถึงการกลั่นแกล้งของซอนอูจะต่างจากพวกนักเรียนมัธยมปลายที่เคยแกล้งกันในค่ายทหาร แต่ก็ต่างไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ถ้าพวกนั้นเป็นแค่กาแฟ ซอนอูก็จะเป็นกาแฟยี่ห้อมีระดับกว่า ไม่สิ มากกว่านั้นอีก เหมือนสภาพเมล็ดกาแฟกัวเตมาลาก่อนที่จะเอามาคั่ว พูดง่ายๆ ถ้าเกิดได้เผชิญหน้าแล้วจู่ๆ มีหมัดลอยจากฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ทว่าจุดจบของความวุ่นวายก็คือการที่โดยองกลับมาที่ห้องอีกครั้งและเจอซอนอูที่ดูเหมือนจะสร่างเมาแล้ว แต่ยังคงนอนกลิ้งไปมาบนเตียงของเขาก่อนจะแสร้งทำเป็นว่า
'คุณรุ่นน้องง ท้องไส้ของรุ่นพี่จะไหม้หมดแล้ว มาเอาซะป่านนี้จะทำไงดีล่ะ ฮึ'
เพื่อรุ่นพี่ที่สั่งให้ตัวเขาไปออกกำลังกายอย่างสดชื่นแต่เช้านั่น โดยองจึงปิดประตูห้องนอนลงเงียบๆ ด้วยความตั้งใจจะมอบซุปปลาแห้งให้อีกคนอย่างประณีต จนซอนอูที่พิงหัวเตียงอยู่เกิดความสงสัยตะโกนออกไปเสียงดัง
“รุ่นน้องคนนี้ทำไมปิดประตูล่ะ ฉันบอกว่ารออยู่ไง ตั้งตารอซุปมากเลยนะ!”
จริงๆ แล้วที่โดยองปิดประตูก็เพราะเขามีเหตุผลอื่น คร่าวๆ ก็คือต้องทุบปลาแห้งแล้วมันจะเสียงดัง ต่อมาก็คือ...
“นี่ ลีโดยอง! นายทุบปลาแห้งด้วยไม้เบสบอลเหรอ ทำไมปึงปังแบบนี้ นี่! นี่ บอกว่าหนวกหูไง! ”
ไม่ใช่ว่าจะใช้อะไรทุบปลาแห้งหรอก แค่ในใจอยากจะแสดงว่าตัวเองอยากจะทุบใครแทนปลาแห้งต่างหาก เพราะแบบนั้นสิ่งที่โดนลูกหลงก็คืออ่างล่างจานที่บิดเบี้ยว
อะไรนะ ในหนึ่งวันคนเราจะอดทนได้สามครั้งงั้นเหรอ อย่ามาไร้สาระ เมื่อกี้เขาเพิ่งจะกลืนลงไปหนึ่งครั้งแล้วข้ามไปสองครั้ง ซอนอูไอ้ขี้โม้
ปลาแห้งที่ถูกน้ำหนักมือทั้งสองข้างของทายาทแก๊งเสือดำทุบเปลี่ยนสภาพจนลืมรูปร่างเดิมไปในที่สุด
“ฟู่ ฟู่... ยูซอนอู...”
โดยองค่อยๆ ถอนหายใจก่อนจะใส่ปลาแห้งพวกนั้นลงไปในหม้อน้ำเดือด จริงๆ ทั้งสองคนกินแค่ซุปกับปลาแห้งตัวเดียวก็เพียงพอ แต่การแบ่งเนื้อปลาส่วนใหญ่ไว้เป็นส่วนกลางก็เป็นสิ่งที่คาดเดาเอาไว้ก่อนแล้ว
ซอนอูตักข้าวกินกับซุปแก้เมาค้างที่ต้มด้วยปลาแห้งที่ถูกสับอย่างดี หลังจากนั้นก็ลูบหัวรุ่นน้องที่ตัวเองแอบชอบและชื่นชมอย่างไม่มีกั๊ก ‘โห คุณรุ่นน้องของเราก็ทำอาหารเก่งเหมือนกันนะเนี่ย อร่อยจริงๆ เลย!’ แต่ในใจของรุ่นน้องสุดหล่อและใจดีกลับตักปลาแห้งที่ลอยในซุปด้วยความรู้สึกอยากทุบอีกฝ่ายเต็มทน... จนคนเป็นรุ่นพี่จินตนาการไม่ออกเลยแม้แต่น้อย