ย้อนกลับไปตอนก่อนที่จะมีงานต้อนรับนักศึกษาเข้าใหม่ เพราะถูกซอนอูรบเร้า จีซูจึงต้องเข้าเลคเชอร์วิชาเลือกเสรีที่เจ้านี่และโดยองลงเรียน ซอนอูที่เอาแต่มองโดยองแบบนั้นแล้วก็น้ำลายไหล ต่างจากโดยองที่นั่งอยู่ที่นั่งหน้าสุดของห้องเรียนแบบขั้นบันไดและตั้งใจฟังอาจารย์ มันช่างตรึงตราตรึงใจจริงๆ ดังนั้นจีซูก็เลยจิ้มสีข้างของเพื่อนซี้ก่อนจะถามขึ้น
นี่ นายชอบหมอนั่นเหรอ
ตอนนั้นเหมือนมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นในห้องเรียน ซอนอูเด้งตัวขึ้นจนเก้าอี้ล้มลงไป ของต่างๆ ในกระเป๋าหนักๆ ซึ่งคล้องอยู่ตรงพนักพิงเก้าอี้จึงเทกระจาดออกมาหมด จากนั้นสายตาของซอนอูกับโดยองก็ประสานกันจนเกิดเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ แน่นอนว่าโดยองไม่รู้เลยว่านั่นเป็นหลุมพราง
“กวนประสาทอะไรเล่า การเริ่มต้นของความรักเหรอ อืม... จิตวิทยาของเด็กอนุบาลรึเปล่านะ เรียกแบบนั้นก็ชัดเจนดีไม่ใช่เหรอ”
“ไร้สาระน่า เฮ้อ แม่ง ทำไมของเยอะแบบนี้เนี่ย!”
“ของเยอะเหรอ ให้ตายเถอะะ! เรียกโดยองมาดีไหม”
“นายเจอหน้าเจ้านั่นทีไรก็เห็นพูดอะไรไม่ถูกทุกที”
จีซูพูดยังไม่ทันขาดคำซอนอูก็โทรหาโดยองแล้ว
ราวกับลืมเรื่องข้าวมื้อกลางวันที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเสียสนิท และทันทีที่โดยองรับสายซอนอู โดยองก็รับไปที่หอจีฮเยซึ่งซอนอูกับจีซูพักอยู่ ถ้าเกิดไม่ไปก็ไม่รู้ว่าไอ้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นพี่จะดูถูกอะไรอีก ‘เรียกผมทำไมครับรุ่นพี่’ โดยองรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วถามซอนอูถึงเหตุผลที่เรียกตนมา ซอนอูจึงยิ้มออกมาอย่างสดใสแล้วชี้ไปที่ลังซึ่งมีข้าวของของจีซูบรรจุอยู่
“มันเป็นของที่เกือบเป็นผลงานการฝึกงานของไอ้จีซู ซึ่งตอนนี้กลายเป็นผ้าขี้ริ้วไปแล้ว มันหนักน่ะ เลยอยากจะให้มาช่วยย้ายไปหน่อยได้ไหม”
ด้ายของตรรกะในวันนี้ที่เขาเคยจับเอาไว้ก็เหลืออยู่ไม่เท่าไหร่แล้ว โดยองถอนหายใจในขณะที่ถือลังเสื้อผ้าที่ซอนอูส่งมาให้ด้วยมือที่สั่นระริก
เฮ้อ ถ้าอดทนได้จากหนึ่งในสามครั้งก็จะรอดจากการฆาตรกรรมแล้ว ลีโดยอง นายทำได้
โดยองรู้สึกไม่สบอารมณ์กับซอนอู แล้วค่อยๆ เดินตามหลังจีซูไป
ในสายตาของโดยองแล้วคนที่มีสามัญสำนึกที่ดีเหมือนจะมีเพียงแค่ฮันจีซู อย่างน้อยอีกคนก็คิดได้มากกว่าซอนอู ตอนนี้ก็เหมือนกัน จีซูยิ้มขอบคุณที่เขาช่วยถือของให้ตัวเอง ‘ฉันไม่ทันได้ห้ามปรามอะไรเลย เพราะจู่ๆ ไอ้ลูกหมาซอนอูก็เรียกนายมากะทันหันน่ะ’ จีซูยิ้มแหะๆ ให้โดยองก่อนจะอธิบายให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
“เอ่อ... รบกวนเอาของไปที่ไว้ที่หอจีซองห้อง 301 หน่อยนะ แล้วรอที่นั่นแป๊บนึง ฉันขอไปหาอาจารย์ก่อนเดี๋ยวตามไป กินน้ำก่อนค่อยไปล่ะ!”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ปะ...”
“ไม่ๆ ฉันรู้สึกผิดอะ เห็นเจ้าซอนอูทำแบบนั้นกับนายทีไร ฉันกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทุกที เข้าใจใช่เปล่า รอเดี๋ยวนะ ฉันจะรีบไป!”
โดยองปฏิเสธการบังคับของจีซูไม่ออกจึงได้แต่พยักหน้ายอมรับ ถ้าจะพูดว่าเขาไปยังห้องเรียนได้อย่างราบรื่นก็คงจะโกหก ยกของแค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้ว แถมลังมันยังใหญ่มากเลยบดบังการมองเห็นและมันไม่ได้มีช่องให้จับเลยไม่สะดวกเท่าไหร่ ดูๆ แล้วก็คงจะไปชนกับผู้คนที่เดินผ่านไปมาหลายครั้ง ‘ขอโทษครับ ขอโทษที’ จนต้องเอ่ยคำขอโทษออกมา และทันทีที่ผ่านถนนใหญ่ของวิทยาเขต ก็ได้ชนเข้ากับคนอื่นอีกครั้ง 'ขอโทษครับ พอดีมองไม่เห็นข้างหน้าน่ะครับ’ ซึ่งเขาก็คิดว่ามันจะผ่านไปง่ายๆ แบบนั้น แต่ทว่า...
“เฮ้ย นายคณะอะไรเนี่ย ไอ้เวรนี่ ชนแล้วก็ต้องขอโทษดิ”
ตอนนั้นก็มีกลุ่มคนที่เหมือนพวกนักเลงไม่ยอมปล่อยเขาผ่านไปง่ายๆ โผล่ออกมา ซึ่งโดยองก็ขอโทษไปแล้วแท้ๆ บอกขอโทษไปดังพอที่ฝั่งนั้นจะได้ยินแล้ว แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางที่เหมือนกับว่าไม่ได้ยิน เขาก็พูดอะไรไม่ออก ตอนนี้เขาเริ่มจะหมดความอดทนแล้วนะ โดยองวางของที่ถือไว้ที่พื้นก่อนจะจ้องเขม่งไปยังพวกนักศึกษาพวกนั้น เขาอยากจะจ้องมองซอนอูแบบนี้มาตลอดแต่ว่าก็ทำไม่ได้ ดังนั้นสำหรับโดยองตอนนี้จะถือว่าเป็นโอกาสระบายก็ว่าได้ โกรธเจ้านั่นแล้วมาพาลใส่คนพวกนี้แทน
“ผมก็ขอโทษไปแล้วนี่ครับ”
“ไม่เห็นจะได้ยินเลย”
“งั้นแคะหูบ้างนะครับ อย่าเรียกคนที่กำลังยุ่งๆ มาหาเรื่องทะเลาะเลย”
“อ้าว ไอ้เวรนี่ อะไรของแกวะ ไม่รู้เหรอว่าพวกเราเป็นใคร”
คนที่ใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างจริงจังแบบโดยอง ไม่มีทางจะไม่รู้จักกลุ่มคนที่รวมตัวกันเหมือนพวกสัตว์กินพืชพวกนี้หรอก พวกนักศึกษาที่โด่งดังในเรื่องนิสัยแย่และสกปรกจนเป็นที่เตะตาจากบรรดานักศึกษาคณะพลศึกษาที่ซื่อสัตย์และบริสุทธิ์ พวกนั้นตบบ่าของโดยองก่อนจะหาเรื่องเขา เริ่มจากการใช้คำพูดไร้สาระว่า ‘ดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กปี 1 ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสินะ ไอ้เด็กน้อย’ พลางใช้หัวรองเท้าเตะเข้าที่น่องของโดยอง โดยองดุนลิ้นอย่างสะกดกลั้นก่อนจะถอนหายใจออกมากับการกระทำนั้น โดยองเป็นเด็กใหม่ที่เข้ามาทีหลังคนอื่น พวกนั้นจึงไม่มีทางรู้ว่า จริงๆ แล้วเขาเองก็อายุเท่ากันหรืออาจจะอายุมากกว่าด้วยซ้ำ แต่มันก็ไม่จำเป็นจะต้องรู้หรอก และถึงจะรู้ก็ยังคงเป็นแบบนี้อยู่ดี เขาเลยตัดสินใจที่จะลองอดทนต่อไปตามน้ำ แต่พวกนั้นก็ปัดมือของโดยองจนกล่องลังตกลงมา เสื้อผ้าก็ร่วงหล่นลงพื้นก่อนที่พวกนั้นจะใช้เท้าเตะเสื้อผ้าต่างๆ ที่อยู่ในลังจนกระจัดกระจายออกมาเต็มถนน โดยองมองภาพเหล่านั้นจากด้านข้าง แล้วเริ่มพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย ด้านเส้นสุดท้ายของตรรกะเขาได้ขาดสะบั้นลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยองเกาหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด กัดฟันกรอดจ้องเขม็งไปยังคนที่มีรูปร่างใหญ่โตเหมือนหัวหน้าพวกอันธพาล ท่ามกลางพวกนักศึกษาที่เข้ามาวุ่นวายกับร่างกายเขา
“จ้องเขม็งแบบนี้จะทำไงอะ หื้ม จะทำไงครับ คุณรุ่นน้อง”
นักศึกษาคนนั้นใช้นิ้วดันหน้าผากของโดยอง จนถึงตอนนี้นี่แหละที่เขาเกือบจะระเบิดแล้ว เมื่อพวกนั้นเห็นเหตุการณ์นี้ก็หัวเราะร่าเหมือนเหยียดหยามโดยอง แต่ตอนพวกมันหันหลังกลับไปนั่นเอง
ปังงง! เสียงเหมือนอะไรบางอย่างระเบิดก็ดังสนั่นขึ้น เสื้อผ้าถูกเทออกมาและกล่องลังที่ว่างเปล่าก็บิดเบี้ยวไปโดยปริยายจากฝีเท้าของโดยอง และเพราะกล่องที่บุบจนเกิดเสียงดังขึ้น ทำให้พวกสวะและเหล่านักศึกษาหันกลับมามองข้างหลังอีกครั้ง พร้อมกับร่างกายที่สั่นระริก
“เก็บซะ ไอ้พวกลูกหมา”
ไม่รู้ว่าจะอธิบายสีหน้าของโดยองในตอนนั้นยังไงดี พวกสวะกับเหล่านักศึกษาที่หันมามองเกือบทั้งหมดก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ถ้าเถียงอะไรไม่ได้ก็อธิบายมาซะ
ในระหว่างนั้นก็มีคนก้มลงเพื่อเก็บเสื้อผ้าเหล่านั้นอย่างปอดแหก แต่ก็ยังมีพวกที่คิดลองดีอยู่ด้วย
“เดี๋ยวๆ เมื่อกี้แกพูดว่าไงนะ ฮะ ไอ้ลูกหมางั้นเหรอ”
“ว้าว นายจะเตะคนเหรอ”
“แกอยากโดนเตะจนเละเลยใช่ไหม”
“เออ เตะเลยดิ แต่มีคนดูอยู่เยอะเลย ย้ายที่กันหน่อยดีไหม ฉันยังต้องเอาใบจบน่ะ”
โดยองเดินนำออกไปก่อน เสื้อผ้าที่อยู่บนถนนก็ยังกระจัดกระจายอยู่แบบนั้น ซึ่งตลอดทางที่เดินมาโดยองก็กำชับนักศึกษาที่มาหาเรื่องตัวเองไปด้วยว่า ‘เดี๋ยวฉันกลับมาพวกนายต้องเก็บให้หมด เข้าใจไหม’ มีแค่สองคนที่ย้ายไปยังสถานที่ที่เงียบสงบแล้วเผชิญหน้ากัน ซึ่งโดยองนั้นตัวคนเดียว แต่อีกฝ่ายยังมีพวกสวะและเหล่านักศึกษาตามมาข้างหลังอีกหลายคน โดยองบิดคอยืดร่างกายก่อนจะเริ่มพูดคนตรงหน้าก่อน
“เอาไง นายจะเตะเปิดไหม”
“อ่า ดูไอ้เด็กอวดเก่งนี่สิ เอาสิ ฉันจะจัดให้ ไอ้เด็กเวร!”
มีกำปั้นลอยมายังหน้าของโดยองพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำและริมฝีปากของเขาก็แตก โดยองถ่มน้ำลายออกจากปาก เลือดก็ซึมไหลออกมาจากแผลปริ ทว่ามุมปากของเขากลับปรากฏให้เห็นรอยยิ้มชัดเจน ยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมราวกับว่าเขากำลังรอคอยช่วงเวลานี้ ก่อนจะกำหมัดเตรียมพร้อมอย่างเชื่องช้า
“ถ้างั้นเรียกนี่ว่าการป้องกันตัวล่ะกันนะ”
ฉันไม่ยอมแกหรอก ไอ้ลูกหมา!
หมัดของโดยองลอยออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนลูกกระสุน และกระแทกเข้าไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ พลั่ก! เสียงนั้นดังก้องกว่าเมื่อครู่ ใบหน้าของเขาตอนที่ชกคนคนนั้น ราวกับรอคอยเวลานี้อยู่ตลอด จะบอกว่าเหมือนยมทูตก็ไม่ผิดนัก เหล่านักศึกษาที่มองเห็นสีหน้าแบบนั้นก็พากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมา หลังจากโดยองจัดการกับห้องที่ใช้ก่อเรื่องอยู่ ก็ลูบหน้าอกตัวเองเพื่อผ่อนคลายลงก่อนจะกลับไปที่เดิม เสื้อผ้าที่ตกกระจัดกระจายก่อนหน้านี้ก็ได้ถูกเก็บใส่ลังที่บุบไว้หมดแล้ว โดยองยกกล่องลังที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อยนั้นขึ้นมาเบาๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาถึงรู้สึกโล่งราวกับความเครียดต่างๆ ที่มีอยู่ลอยหายไปซะอย่างนั้น