EP 02
หนี Loading…100%
“ผมขอโทษครับ”
หัวใจกระตุกวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อรู้ดีถึงความหมายของสิ่งที่ชินจิกำลังพยายามสื่อสารออกมา ทั้งทางการกระทำและคำพูด
“ฉันจะพูดอีกครั้งว่ามันไม่ใช่ความผิดของนาย” ฉันบอกเบาๆ ทั้งที่เสียงเริ่มสั่น ก่อนจะค่อยๆ ละสายตาออกจากใบหน้าของชินจิแล้วมองไปยังประตูห้องครัวที่ชินจิเพิ่งจะเดินออกมา
ร่างกายสั่นระริกเมื่อเห็นว่าในบ้านหลังนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ฉันกับชินจิแบบที่คิดเอาไว้ และเดาว่านอกจากผู้ชายที่ยืนมองฉันด้วยสายตาวาวโรจน์อยู่ที่หน้าห้องครัวแล้ว ที่ด้านนอกก็คงเต็มไปด้วยคนของเขานั่นแหละ…ไดสึเกะ
“พี่ชายเธอสอนมาดีนี่ ติดตรงที่คงต้องฝึกอีกเยอะสักหน่อย แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันฝึกให้เอง” ไดสึเกะเย้ยพลางสืบเท้าตรงมาหาฉัน รวมไปถึงคนของเขาที่เดินตามมาทางด้านหลังอีกสี่ถึงห้าคน ซึ่งสองคนที่เดินถึงตัวชินจิก่อนก็รีบล็อกตัวชินจิเอาไว้ในทันที
“อย่าทำอะไรชินจิ” ฉันรีบบอก สองเท้ากำลังจะก้าวเท้าออกไป แต่กลับต้องชะงักเมื่อคนของไดสึเกะยกปืนขึ้นมาจ่อที่หัวของชินจิต่อหน้าต่อตาฉัน
“จะทำให้ดูเดี๋ยวนี้เลย”
พลั่ก!
ไดสึเกะที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ฉันก้าวถอยกลับไปเหวี่ยงกำปั้นลุ่นๆ กระแทกกับใบหน้าของชินจิจนเขาหน้าหัน การกระทำที่ป่าเถื่อนนั่นทำให้ร่างกายของฉันสั่นระริกไปหมด
เมื่อครู่เหมือนว่าฉันจะเห็นเลือดที่กระเซ็นออกมาจากปากของชินจิคาตา มันทำให้ฉันนึกอยากจะเข้าไปทำกับเขาแบบเดียวกับที่เขาทำกับชินจินัก ติดตรงที่ต้องยืนนิ่งๆ เพราะรู้ดีว่ายิ่งฉันต่อต้าน คนที่ยิ่งเดือดร้อนจะเป็นชินจิ
ถุย!
ชินจิถ่มน้ำลายปนเลือดลงกับพื้น สายตาที่เขามองไปที่ไดสึเกะเองไม่ได้ฉายแววว่าจะยอมอ่อนข้อโดยง่าย และฉันเชื่อว่าเขาเองก็ไม่ได้คิดจะยอมแพ้ เพียงแต่เขาจะยอมนิ่งอยู่อย่างตอนนี้ก็เหมือนกันกับเหตุผลที่ฉันยอมนิ่งนั่นแหละ
“นายจะเอายังไง” ฉันถามเสียงสั่น มันไม่ได้สั่นเพราะความกลัว แต่มันสั่นเพราะความโกรธและเกลียด ฉันเกลียดผู้ชายสารเลวที่ชื่อไดสึเกะมากเหลือเกิน
“ฉันเคยบอกเธอไปแล้วว่าฉันไม่ให้โอกาสใครเป็นครั้งที่สอง”
“ก็แล้วนายจะเอายังไงก็พูดมาสิ แต่อย่าทำร้ายชินจิ เขาไม่เกี่ยว เขาไม่ได้พาฉันหนีออกมาจากโรงพยาบาล ฉันมาของฉันเอง” ฉันพยายามแล้วที่จะรับผิดชอบทั้งหมดด้วยตัวเอง เพราะหากชินจิต้องเป็นอะไรไปเพราะฉันอีกคน ฉันคงละอายแก่ใจเกินกว่าที่จะบอกว่าตัวเองเป็นเสือขาว
“งั้นเหรอนามิ”
“อย่านะไดสึเกะ”
พลั่ก!
เสียงกำปั้นของไดสึเกะที่กระแทกเข้ากับใบหน้าของชินจิอีกครั้งทำให้ฉันกัดฟันกรอด ใบหน้าตึงเปรี๊ยะไปหมด
“เอาตัวมันไป”
“นะ นาย...”
“ถ้าเธอพูดอีกคำเดียว ฉันจะเป่าสมองมันต่อหน้าเธอ เอาให้เหมือนกับที่เธอเห็นไอ้โยชิดะมันตายเลยดีมั้ยนามิ” ไดสึเกะกดเสียงพูดจนต่ำ ในมือของเขาถือปืนและกำลังเล็งไปที่ชินจิ ซึ่งถึงแม้สายตาของเขาจะยังจ้องมองฉันอยู่ แต่ฉันรู้ว่าถ้าเขายิง ชินจิต้องไม่รอดแน่
ฉันยืนเงียบและพยายามจะสะกดกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้อย่างถึงที่สุด นั่นทำให้ไดสึเกะค่อยๆ ลดระดับปืนในมือลงก่อนจะก้าวเข้ามาประชิดตัวฉันทันที
ฟึ่บ!
ต้นแขนของฉันถูกกระชากโดยไดสึเกะ เขาจับฉันเอาไว้แล้วเดินอ้อมไปล็อกคอฉันจากทางด้านหลัง ซึ่งถึงจะเจ็บแต่ฉันก็ไม่คิดจะร้องขอความเห็นใจ และตอนนี้ก็ไม่อยากจะถามอีกแล้วว่าเขาจะพาฉันไปลงนรกที่ไหน เพราะตราบใดที่ยังเห็นหน้าเขาอยู่นั่นก็แปลว่าทุกที่คือนรก
ในที่สุดฉันก็พลาดอีกจนได้ และมันเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ ฉันหลงคิดไปว่าตัวเองสามารถหนีออกมาได้โดยไม่ทำให้คนของแบล็กสกอร์เปี้ยนเฉลียวใจ แต่แท้จริงแล้วฉันต่างหากที่ไม่เฉลียวใจเลยว่าทั้งหมดมันเป็นแค่แผนการของไดสึเกะ
เขาหลอกให้ฉันตายใจคิดว่าตัวเองเก่ง แล้วรอเวลาที่จะตลบหลังฉัน มิหนำซ้ำยังเป็นการหลอกใช้ฉัน เขาหลอกให้ฉันพาเขามาหาชินจิ!
“คิดว่าสารภาพแล้วฉันจะลดโทษให้กึ่งหนึ่งงั้นเหรอนามิ” ไดสึเกะถามเบาๆ เสียงลมหายใจของเขาดังอยู่ข้างใบหูเมื่อเขาตั้งใจจะโน้มใบหน้าลงมาพูดใกล้ๆ ราวกับกลัวว่าฉันจะไม่ได้ยิน
ชินจิยังคงถูกคนของไดสึเกะคุมตัวเอาไว้ ตอนนี้เขานั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ซึ่งถึงเขาอยากจะลุกขึ้นสู้เท่าไหร่ แต่ฉันรู้ว่าเขาจะไม่ทำตราบใดที่ฉันยังติดอยู่ในวงแขนของไดสึเกะ
“แย่หน่อยนะที่เวลาฉันโกรธ ฉันมักคุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่”
“อย่าแตะต้องคุณนามินะไอ้...”
อุ้ก!
ร่างกายสั่นระริกเมื่อเห็นกับตาว่าคนของไดสึเกะยกเท้าถีบเข้ากลางหลังของชินจิเมื่อเขาพยายามจะต่อต้าน วินาทีที่ได้เห็นว่าร่างของชินจิติดอยู่ใต้เท้าคนของแบล็กสกอร์เปี้ยนมันทำให้ฉันอยากจะหันไปฉีกไดสึเกะออกเป็นชิ้นๆ
“เอายังไงดีล่ะนามิ ให้ฉันลงกับเธอ หรือลงกับคนของเธอดี”
“อย่ามา...” ฉันจำต้องกลืนทุกคำพูดออกไปเมื่อไดสึเกะยกปืนขึ้นอีกครั้ง และปลายกระบอกปืนในมือเขาก็เล็งไปที่ชินจิที่ยังนอนอยู่ที่พื้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่มีโอกาสครั้งที่สอง”
“กับฉัน” ฉันรีบพูดก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ก้อนเนื้อในอกเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาเมื่อการตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อครู่ไม่ต่างจากการยอมให้ไดสึเกะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฉันได้ยินไดสึเกะแค่นหัวเราะในลำคอก่อนที่เขาจะลดระดับมือที่ถือปืนลง ซึ่งวินาทีนี้ไม่ว่าชินจิจะมองฉันด้วยสายตายังไงฉันคงต้องทำเป็นไม่เห็น
“ได้ยินที่เจ้านายของแกพูดแล้วใช่มั้ยชินจิ”
“คุณนามิครับ”
เสียงของชินจิบีบหัวใจของฉันเหลือเกิน
“พาตัวมันออกไป เสร็จธุระกับนามิเมื่อไหร่ ฉันจะตามไปคิดบัญชี” ไดสึเกะสั่งคนของเขาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ซึ่งไม่ว่าฉันอยากจะพูดอะไรกับชินจิเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้เลยเมื่อตอนนี้ถูกไดสึเกะปิดปากด้วยฝ่ามือหนาๆ ของเขาที่ทำเอาหายใจจะไม่ออกด้วยซ้ำ
หลังจากที่คนของไดสึเกะพาตัวชินจิออกไปแล้ว ทั้งบ้านก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งจนฉันได้ยินเสียงลมหายใจของไดสึเกะที่ยังคงดังอยู่ข้างแก้มชัดเจน
“คิดว่าฉันรู้ไม่ทันเธอรึยังไงนามิ”
“ถ้านายรู้แต่แรก แล้วนายเสียเวลาทำแบบนี้ทำไม”
“เหอะ ถามจริงๆ ว่าเธอไม่รู้เหรอว่าฉันต้องการอะไร”
ฉันคิดไม่ผิดหรอกว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นแผนการของเขาน่ะ เขาต้องการตัวคนของเสือขาวทั้งหมด แล้วฉันก็โง่ที่พาเขามาเจอชินจิ
“เธอเดินเก่งนี่ ฉันเห็นเธอเดินมาตั้งไกล แรงดีๆ แบบนี้ฉันชอบ” ไดสึเกะกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนจะก้มลงมาจูบที่ใบหูของฉัน ทำเอาฉันขนลุกไปทั้งตัว จากนั้นเขาก็ปล่อยฉันออกจากอ้อมแขน แล้วหันกลับมากระชากข้อมือฉันให้เดินตามเขาออกมาจากบ้านหลังนั้นก่อนจะเหวี่ยงฉันเข้าไปในรถ
ปัง!
เสียงปิดประตูรถแรงๆ ของไดสึเกะไม่ต่างจากเสียงสัญญาณการปิดประตูหนีของฉันเลยสักนิด ตอนนี้ฉันคงไม่มีโอกาสรอดอีกแล้ว
“กลับ!”