ห้าวันผ่านไป.....
เดือนอ้ายก็ยังคงเข้าคอร์สสปาผิวเสริมความงามของพี่หวานและพี่อิ๋วทุกวันไม่มีขาดถึงแม้ในใจลึกๆของเขาจะไม่อยากทำตั้งแต่วันแรกแล้วก็ตามแต่ก็ปฏิเสธความหวังดีของพี่ๆเขาไม่ลงเพราะเดือนอ้ายเป็นคนขี่เกรงใจแล้วแม่ของเขาก็ยังคงเห็นดีเห็นงามเรื่องนี้อีกด้วย
"แม่พี่อ้ายเป็นผู้ชายนะ พี่อ้ายไม่อยากใส่ชุดแบบนี้"
"เป็นผู้ชายก็ใส่ได้ครับพี่อ้ายถ้าพี่อ้ายยังใส่เสื้อยืดกางเกงบอลเข้าตู้อบแบบนี้เมื่อไหร่ผิวพรรณพี่อ้ายจะดีขึ้นล่ะครับ"
"มันเกี่ยวกันด้วยเหรอแม่"
"เกี่ยวสิครับพี่อ้าย"
มันไม่เกี่ยวหรอกแต่วิภาดาเธอเพียงอยากเห็นลูกชายตัวเล็กของเธอแต่งตัวน่ารักๆแบบนี้แค่นั้นเอง
"อืมพี่อ้ายเชื่อแม่ก็ได้"เดือนอ้ายพยักหน้ารับรู้ด้วยความใสซื่อและเชื่อในสิ่งที่แม่พูด ถึงแม้ว่าเขาจะนุ่งแค่ผ้าขนหนูรอบอกผืนเดียวก็ตาม
"เก่งมากครับ ตอนนี้พี่อ้ายก็เข้าไปในตู้อบได้แล้วเดี๋ยวแม่จะรูดซิปให้"เธอผายมือเชิญลูกรักไปที่ตู้อบสมุนไพรด้วยรอยยิ้ม
"ครับ...แล้วนี่พี่อิ๋วกับพี่หวานไปไหนอ่ะครับ ทำไมพี่ไม่เห็นเลย"เมื่อไม่เห็นเจ้าของร้านสปาอยู่หลังบ้านกับเลขาตัวตั้งตัวตีที่ตัวติดกันตลอดจึงถามขึ้น
"พวกพี่เขาไปธุระข้างนอกครับ...วันนี้แม่เลยอาสามาทำให้เอง"
"อ่าครับ แต่แม่อย่าทิ้งพี่อ้ายนะ เอาแค่ยี่สิบนาทีพอ"
"โอเคครับงั้นอีกยี่สิบนาทีแม่จะมาหาพี่อ้ายนะ เดี๋ยวแม่ไปดูคุณลุงเขาก่อน"
"ครับ"
เมื่อสองแม่ลูกตกลงกันได้แล้วผู้เป็นแม่จึงขอตัวเข้าไปภายในบ้านเพื่อไปดูสามีของเธอที่กำลังวุ่นกับเอกสารกองโตแล้วทิ้งให้เดือนอ้ายอยู่เพียงลำพังกับตู้อบผิว
นี่มันก็ห้าวันแล้วที่ร่างกายของเขาถูกดูแลอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ตอนที่อยู่ต่างจังหวัดเดือนอ้ายไม่เคยคิดจะดูแลผิวพรรณตัวเองเลยสักครั้งแม้แต่ครีมสักตัวก็ยังไม่เคยแตะต้องและรู้จักจนอายุจะเข้ายี่สิบแล้ว หากจะถามว่าเขารู้จักวิธีใช้ครีมมั้ยตอบเลยว่า...
พี่อ้ายงง
นอกจากช่วยยายเข็นรถเข็นไปขายขนมครกที่ตลาดแล้วเดือนอ้ายก็แทบจะไม่ได้ไปไหนเลยไม่ใช่ว่าเด็กหนุ่มไม่มีเพื่อนหรอกนะเพียงแต่เดือนอ้ายเป็นคนติดยายเอามากๆและแม่ของเขาเองก็ไม่เคยปล่อยให้เขากับยายต้องลำบาก
เพียงแต่ว่าคนอย่างพี่อ้ายที่ถูกยายจันทร์เลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีสอนทุกอย่างให้แก่เขารู้จักคุณค่าสิ่งของนั้นๆ เขาจึงไม่ซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็นเด็ดขาด
เหมือนกับตอนนี้ที่โทรศัพท์มือถือของเขาก็ยังคงเป็นซัมซุงฮีโร่รุ่นปาหัวหมาไม่แตกเหมือนเดิม เขาถึงอดติดต่อกับกลุ่มเพื่อนเลย
ถึงแม่จะบอกว่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ให้พี่อ้ายก็เถอะ แต่พี่อ้ายก็ยังมองไม่เห็นความจำเป็นต้องใช้ของมันเลย
แล้วอีกอย่างคือพี่อ้ายใช้มันไม่เป็น!
.....
"วันนี้มึงจะออกไปล่ากับพวกกูมั้ยราชัน ถ้าไปกูจะบอกให้พวกมันเตรียมเด็กไว้ให้"ราชาเดินเข้ามานั่งลงข้างๆน้องชายฝาแฝดที่กำลังนั่งตรวจเอกสารอยู่ส่วนหลังบ้านทั้งๆที่วันนี้เป็นวันหยุดของมันแท้ๆแต่มันก็ยังขยันหอบเอางานมาทำที่บ้านอีก
ขยันเกินหน้าเกินตาชิบหาย
"มึงเห็นกูเป็นนักล่านักหรือไง"นัยน์ตาคมเงยขึ้นมามองแฝดพี่พลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เขาไม่ได้มีนิสัยเอาไปทั่วเหมือนมันซะหน่อย
"ห่ากูก็ถามไปงั้น ทำเป็นมาดุกูไอ้น้องเวร"นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นน้องนะ เชื่อเถอะว่าเขาตบหัวหลุดไปนานแล้ว
"มึงก็เลิกเที่ยวหิ้วเด็กเข้าโรงแรมได้แล้วไอ้พี่ นักข่าวเห็นนี่ว่าเป็นกูตลอด หยุดนิสัยเอาสำส่อนสักทีเถอะกูขอ"ราชันวางปากกากระแทกกับโต๊ะเสียงดังพร้อมถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายกับนิสัยของพี่ชายฝาแฝดที่ทำตัวเจ้าชู้ไปวันๆแต่เอาชื่อของเขาไปแอบอ้างตลอดเพียงเพราะมันเป็นคนดังแล้วเขาเองก็เสือกมีหน้าตาเหมือนมันด้วย
จนทุกวันนี้ชื่อเสียงเรื่องฉาวมันตกอยู่กับเขาหมดไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแม่เลขาพวกนั้นถึงขยันยั่วเขาและเขาเองก็ขยันเปลี่ยนเลขาเหมือนกัน
"บ่นเป็นพ่อเลยมึง"ว่าจบก็ฟุบหน้าลงกับแขนตัวเองถ้าจะให้เขาเลิกเที่ยวมันก็คงยากหน่อยอะนะเพราะมันไม่ใช่นิสัยแต่มันเป็นสันดานไปแล้วเอาจริง
"แล้ววันนี้มึงไม่มีงาน?"ราชันถามแฝดพี่
"มีถ่ายแบบช่วงบ่ายแล้วก็อัดรายการช่วงเย็น พูดถึงแล้วกูก็ขี้เกียจเลยเนี่ย"ราชาตอบกลับด้วยน้ำเสียงงัวเงียจนคนฟังถึงกับส่ายหัวไปมา
ก็รู้นะว่าพี่ชายของเขามันเป็นจอมขี้เกียจแต่มันก็ไม่ต้องขี้เกียจขนาดนี้ก็ได้มั้ง
"ช่วยด้วย~"
"หืม?"ราชันเค้นเสียงในลำคอพลางเลิกคิ้ว
"อะไรมึง"ราชาเงยหน้าขึ้นมาถามน้องชาย
"มึงได้ยินเสียงคนขอความช่วยเหรอมั้ยวะพี่"เขาถามออกไปพร้อมเอียงหูฟังเสียงที่ได้ยินก่อนหน้านี้หรือว่าเขาจะหูแว่วไปเอง
"ไม่นะ"แฝดพี่ตอบกลับหน้าตายเพราะเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรจริงๆ
"ชะ ช่วยด้วย~~~"
พรึบ
ชัดเจน เสียงมันมาจากด้านหลังพวกเขาซึ่งที่นั่นก็คือบริเวณห้องครัวเมื่อราชันได้ยินเสียงขอความช่วยเหลืออีกครั้งเขาจึงไม่มีรอที่จะลุกเดินไปหาต้นเสียงและก็ตามติดมาด้วยราชาที่เดินตามมาอย่างงงๆ
"เชี้ย!"ราชาสบถอย่างตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าที่เรียกว่าหัวและมือของคนโผล่ออกมาจากตู้อบสมุนไพรเหมือนนักโทษ
"ช่วยด้วย~"เด็กหนุ่มว่าเสียงแผ่วริมฝีปากอวบอิ่มเริ่มซีดเผือกพร้อมหลับตาพริ้มอย่างอ่อนแรง
"ถอดปลั๊กไฟดิ๊พี่มึงจะมัวยื่นอึ้งทำห่าอะไรเดี๋ยวคนก็ตายก่อนหรอก"ราชันตบเข้าหลังพี่ชายเสียงดังปักเพื่อเตือนสติ ส่วนตัวเขาก็รีบเข้าไปช่วยเหลือเด็กหนุ่มออกจากตู้อบสมุนไพร
เพราะเดือนอ้ายนั่งอยู่ในตู้อบนานเกินไปจึงทำให้เขารู้สึกอ่อนแรงและเกือบหมดสติอย่างที่เห็น
"เหี้ย!ชุดอะไรของมันวะเนี่ย"ราชาสบถอีกครั้งเมื่อเห็นสิ่งที่คนตัวเล็กสวมใส่อยู่ มันโป๊เกินไปที่คนอย่างเขาจะละสายตาออกไปได้ ถึงผิวพรรณของคนตัวเล็กจะไม่น่ามองสักเท่าไหร่แต่ทว่าหุ่นแม่งเอ็กซ์ได้ใจจริงๆ
ไอ้เตี้ยนี่ซ่อนรูปชะมัดราชาคิดอย่างนั้น
"มึงหยุดหื่นสักสิบนาทีได้มั้ย รีบเปิดประตูให้กูก่อนไอ้เหี้ย"ราชันยกเท้าถีบพี่ชายเพื่อเตือนสติขณะที่สองแขนของเขาโอบอุ้มเอาร่างคนสลบขึ้นมาอยู่ท่าในเจ้าสาว
อย่าคิดว่าเขาจะพิศวาสอะไรไอ้เด็กคนนี้นะ แต่ที่ช่วยเนี่ยก็แค่เห็นเป็นมนุษย์โลกคนนึงที่มาขอความช่วยเหลือก็แค่นั้น
"ว้ายยยพี่อ้าย"วิภาดาร้องตกใจเมื่อเห็นร่างไร้สติของลูกชายอยู่ในอ้อมแขนของราชันขณะที่เธอกำลังจะกลับไปหาลูกชายของเธอ
"เป็นแม่ยังไงไม่ดูแลลูกดีๆ ปล่อยให้มันอยู่คนเดียวในที่แบบนั้นได้ไง...ไอ้พี่ไปเอากุญแจรถมาดิ๊ เร็ว!"ร่างสูงเอ่ยตำหนิแม่ของเด็กหนุ่มในอ้อมกอดเสียงแข็ง ทำเอาวิภาดาที่ยังช็อคอยู่ก็ยิ่งช็อคยิ่งกว่าเดิม
"เสียงดังอะไรกัน"
"เดี๋ยวค่อยคุยกันพ่อ ตอนนี้ผมรีบ"ราชาวิ่งตัดหน้าผู้เป็นพ่อด้วยความเร็วก่อนจะวิ่งไปที่รถของตัวเองแล้วรีบขับออกมารับน้องชายที่ยืนอยู่หน้าบ้าน
"มึงมานั่งอุ้มมันเดี๋ยวกูขับเอง"ราชันออกคำสั่งเพราะราชาใจมันกาก ถ้าขืนให้มันขับมีหวังคนป่วยตายก่อนพอดี
"เออๆ"สองพี่น้องรีบวิ่งสลับตำแหน่งกันจนดูชุลมุนไปหมดและทุกการกระทำของพวกแฝดก็ได้ตกอยู่ในสายตาของทุกคนในบ้าน
พวกเขายังคงยืนอึ้งกับสิ่งที่สองหนุ่มทำแต่คงไม่ใช่กับผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้กำลังยืนยิ้มมุมปากพลางส่ายหัวไปมาเบาๆ
ถึงปากพวกมันจะบอกว่าเกลียดเขายังไงแต่พอเขาต้องการความช่วยเหลือก็พร้อมช่วยอยู่ดีสินะไอ้ลูกแฝด
"ทำบ้าอะไรของมันวะทำไมถึงใส่ชุดนี้"ราชาพูดขึ้นลอยๆสองมือของเขากอดร่างบางของคนไร้สติไว้แน่นก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเสื้อแจ๊คเก็ตหนังสีดำมาคุมให้อีกที
เพราะไอ้ร่างเตี้ยๆเนี่ยมันยั่วยวนเขาเหลือเกิน
"หึ"ราชันสบถในลำคอ เขาพอจะดูออกว่าเด็กคนนี้ทำอะไร
อยากขาวจนได้เรื่อง
"ไอ้แฝด"ราชาเอ่ยเรียก
"ว่า"
"มึงพาลูกเขามา มึงมีเอกสารอะไรมามั้ยวะ"
"ไม่มีอ่ะช่างแม่งเถอะ...ชีวิตคนสำคัญกว่าเอกสาร"
ว่าจบเขาก็เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วอีกหนึ่งเท่าตัวเนื่องจากเห็นเด็กตรงหน้ามีอาการที่ไม่สู้ดีนักส่วนเอกสารอะไรก็ช่างแม่งไว้ก่อน
แต่จะว่าไปเขาเองก็ตกใจอยู่นะเมื่อกี้ ตกใจจนลืมว่าตัวเองเกลียดเด็กคนนี้อยู่ไม่ใช่เหรอ?แล้วทำไมตอนนี้ถึงช่วยล่ะ
แล้วตั้งแต่ไอ้ตัวเตี้ยนี่ย้ายเข้ามาในบ้านพวกเขาก็ไม่เคยคุยหรือแม้สบตากันเลยด้วยซ้ำแต่ทำไมตอนนี้เขาถึงเหลือบมองแทบมันทุกเวลากันวะ?
*'เป็นบ้าอะไรเนี่ยกู จะมองมันเพื่อ'*ราชัน
____________________________
เออออออออ จะมองเพื่อออออ
อย่ามามองลูกเลาาาาา