และแล้วก็เป็นไปตามคาด พบปะรุ่นพี่ในคืนที่สอง มิวและกันต์ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนเดือนและดาวคณะ กันต์มีท่าทีรำคาญใจทว่าก็ไม่ได้แสดงอาการออกมามากมายอะไรนัก ส่วนมิวที่ไม่ได้อยากจะมีปัญหากับรุ่นพี่ตั้งแต่ปีแรกจึงไม่แสดงอาการไม่พอใจออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย
คืนนั้นทุกคนจึงได้แยกย้ายกลับหอ ส่วนมิวและกันต์ถูกเรียกเอาไว้เพื่อคุยรายละเอียดการฝึกซ้อม
“มีความสามารถพิเศษอะไรบ้างอะ?” รุ่นพี่ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการประกวดเอ่ยถาม
“มิวพอรำได้บ้างนิดหน่อยค่ะ” เพราะโดนบังคับเข้าชมรมนาฏศิลป์ตั้งแต่มัธยมต้น มิวจึงพอมีความรู้ติดตัวมาบ้าง
รุ่นพี่คนนั้นพยักหน้าช้าๆ สายตามองไปที่กันต์ที่ยังยืนนิ่งเหมือนไม่สนใจสิ่งรอบตัว ร่างอ้อนแอ้นของรุ่นพี่คนนั้นเดินเข้าไปประชิดด้านหน้าของกันต์พลางเงยหน้าอย่างท้าทาย
“แล้วน้องละ มีความสามารถอะไร?” น้ำเสียงของเธอฟังดูเย้ายวนจนมิวต้องชำเลืองสายตาไปมอง
นอกจากไม่มองแล้วกันต์ยังทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงที่ผู้หญิงคนนั้นพูด เขายืนนิ่งราวพระอิฐพระปูน ไม่ได้สนใจการกระทำอันเย้าแหย่ของหญิงสาวตรงหน้าแม้แต่น้อย
“ยิงธนู” ชายหนุ่มตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะยื่นมือออกมาดันไหล่ของหญิงสาวให้ถอยห่างไปจากตัว
ทาทีแสดงออกถึงความรังเกียจฉายชัดเสียจนรุ่นพี่คนนั้นมีสีหน้าหม่นคล้ำลง ทว่ากันต์หาได้สนใจ เขายังคงมีสีหน้านิ่งสงบราวกลับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ได้อยู่ในหัวของเขาสักนิด
“ถ้าอย่างนั้น... กินรีกับนายพรานก็น่าจะได้นะ” เสียงของรุ่นพี่อีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังร้องบอก
เมื่อมีคนอื่นเริ่มออกความคิดเห็น จึงกลบความอัปยศของหญิงสาวที่ถูกรุ่นน้องผลักไหล่ไปโดยปริยาย หล่อนถอยหลังออกทว่าแววตาที่มองไปยังรุ่นน้องหนุ่มยังเจือไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง
“ก็เอาตามนั้นแล้วกัน แต่การแสดงร่ายรำน่ะมีกันเกลื่อนไป ถ้าอยากชนะปีนี้ก็คงต้องพิเศษกว่าปกติสักหน่อย” รุ่นพี่เจ้าปัญหาที่กลับไปยืนยังตำแหน่งเดิมของตนเสนอแนวคิดอีกครั้ง
“พิเศษยังไงละ?” เสียงของรุ่นพี่ร่างท้วมคนหนึ่งเอ่ยถาม
“ธนูจริง ยิงจริง คนจริง น่าจะเรียกคะแนนหวาดเสียวจากกรรมการได้เต็มๆ” คำอธิบายของหล่อนช่างเลือดเย็น
มิวที่ยืนอยู่ข้างกันต์สัมผัสได้ถึงไอสังหารที่แผ่ออกมาจากเรือนร่างของชายหนุ่ม เขากำรวบมือแน่นอีกทั้งกรามก็ขบกันแน่นราวกำลังโกรธจัดอย่างยากจะระงับ
“แบบนั้นจะดีเหรอ มันอันตรายไปไหม?” คนอื่นๆเริ่มทักท้วง การแสดงของดาวเดือนถูกจัดในห้องประชุมใหญ่ แน่นอนว่าหากมีการแสดงที่ผาดโผนโจนทะยานและสร้างอันตรายให้คนโดยรอบได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องดี
“จะกลัวอะไรละ น้องเค้าก็บอกเองนี่น่า ว่ายิงธนูเป็น ถ้าอย่างนั้นก็คงจะไม่พลาดเป้าอยู่แล้วละ ไม่อย่างนั้นก็ขายหน้าตายเลย” ประโยคหลัง เจ้าหล่อนยังจะปรายตามาทางกันต์อย่างยียวน แม้แต่มิวเองยังสัมผัสได้ถึงอันตรายจากสายตาคู่นั้น
“เอาละๆ นี่ก็ดึกมากแล้ว วันนี้ลองกลับไปคิดการแสดงคร่าวๆดูก่อนก็แล้วกัน” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น หนนี้ไม่มีใครกล้าขัดอีก ต่างคนต่างพากันหันมองไปทางอื่น ราวกลับเรื่องเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ชายที่นั่งอยู่ด้านหลังตลอดเวลาเดินเข้ามาหาตัวแทนดาวและเดือนคณะที่ยืนอยู่กลางห้อง ร่างของเขาโปร่งบางแม้จะดูสูงแต่ก็อยู่เพียงเสมอจมูกของกันต์เท่านั้น เมื่อมาเทียบกันใกล้ๆความสูงของเขาออกจะไล่เลี่ยกันกับมิวจนเรียกได้ว่าเสมอบ่าเสมอไหล่เลยทีเดียว
“เดี๋ยวพี่เดินไปส่งก็แล้วกัน” พูดจบเขาก็เดินนำทั้งสองคนออกไปด้านนอกทันที
ตลอดทางไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากรุ่นพี่คนนั้นแม้แต่คำเดียว มิวที่เดินอยู่ข้างๆกันได้แต่มองตามหลังเขาด้วยความสงสัย ทว่าก็ไม่ได้ปริปากบอกคำใดออกมาแม้แต่คำเดียว จวบจนมาถึงหน้าหอของตนเอง
ร่างหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้หอในความมืด ทันทีที่เห็นทั้งสามคนเดินมา ร่างนั้นก็ลุกขึ้นและวิ่งเข้ามาหาพวกเขา
“พิ?” มิวร้องเรียกรูมเมทของตน สายตาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าพิจะมารอรับตนถึงหน้าหอเช่นนี้
“รออยู่นานแล้ว กว่าจะมาได้” ฝั่งพินั้นก็เอ่ยปากตำหนิทันที โดยที่ไม่สนใจว่ามีรุ่นพี่กำลังยืนอยู่ด้วยแม้แต่น้อย
“คุยเรื่องการแสดงกันอยู่น่ะ ก็เลยช้า” มิวอธิบายด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด หล่อนไม่คิดเลยว่ารูมเมทคนนี้จะลงมารอเธออยู่ด้านล่างเป็นนานสองนาน
“ก็แค่การแสดง จะมาดึงตัวคนอื่นให้อยู่ดึกดื่นขนาดนี้ได้ยังไง” พิพูดจาโพงพางอย่างไม่สนใจใครเหมือนทุกที มิวที่สัมผัสได้ถึงความกระด้างในคำพูดของเพื่อนจึงรีบเข้าไปจับแขนของอีกฝ่ายเอาไว้
“ขอบคุณรุ่นพี่ที่มาส่งนะคะ พรุ่งนี้เจอกันนะกันต์” มิวอำลาสองหนุ่มก่อนจะลากพิขึ้นหอไปก่อนที่จะเกิดเรื่องเสียก่อน
“บ้าอำนาจ!” เสียงของพิพึมพำอย่างเหลืออด ราวกลับเธอเกลียดการรับน้องเต็มประดา
มิวก็จนปัญญา เหตุเพราะพิเป็นคนไม่ฟังคำคนอื่น หากมีอะไรที่คิดแล้วก็จะทำอย่างนั้น ไม่สนคำทัดทานของใครทั้งสิ้น ป่วยการที่เธอจะไปเปลี่ยนความคิดของคนดื้อดึง
“แล้วนินาละ หลับไปแล้วเหรอ?” มิวถามเพื่อเปลี่ยนประเด็น ไม่อยากให้สถานการณ์มันตึงเครียดจนเกินไป
“ไม่รู้สิ พออาบน้ำเสร็จก็ออกจากห้องไปเลย คงจะไปหาเพื่อนที่ห้องอื่นละมั้ง” พิพูดอย่างไม่ใส่ใจ
มิวพยักหน้ารับฟังคำพูดของเพื่อน ทั้งสองเดินขึ้นบันไดจนมาถึงชั้น 4 ครั้นเดินเข้าไปในห้องและไม่พบว่ามีใครอยู่ด้านใน พิจึงหันมามองมิวที่กำลังจะเดินไปยังเตียงของตน
“ถ้าเจอคนบ้าๆ ก็อย่าไปยอมมัน สู้กลับไปบ้าง พวกรุ่นพี่มันบ้ากันทั้งนั้นแหละ ยิ่งเห็นเราลงให้มันยิ่งได้ใจ” พิพูดออกมาอย่างไม่กลัวจะมีคนเอาเรื่องไปบอกรุ่นพี่แม้แต่น้อย ทว่าในประโยคที่ดูโกรธเกรี้ยวนั้น กลับแฝงความห่วงใยเอาไว้บางเบา แต่ก็ไม่จางจนสัมผัสไม่ได้
“อ่อ...อืม เข้าใจแล้ว” มิวรับคำพลางพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ พิจึงได้เบนสายตาไปทางเตียงของนินาแทน
ครั้นมองไปเห็นเตียงที่ว่าง เจ้าหล่อนก็สะบัดหน้าไปทางอื่นก่อนจะล้มตัวลงบนฟูกนอนของตน ดึงผ้าห่มคลุมร่างจนมิดชิดและชิงหลับไปดื้อๆ
มิวที่เห็นเหตุการณ์เต็มสองตาได้แต่นึกขำอยู่ในใจ ไม่น่าเชื่อว่าการกระทำของพิจะทำให้เธอห้วนนึกถึงใครคนหนึ่ง... คนที่เอาแต่ใจตนและพูดจาไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน
เขาหายไปหลายวันแล้วนะ...
****************************************************************************************************************************************************
ใครก็ได้ ขึ้นเขาไปตามนายน้อยให้ไรท์หน่อย หายหน้าหายตาไปนานปานประหนึ่งน้อยใจที่ไม่จ่ายค่าตัว ถ้าเกิดใครเขอแล้วบอกด้วยนะคะว่าไรท์เพิ่มค่าตัวให้แล้ว กลับมาได้แล้ววว
เรื่องราวกำลังเจ้มจ้นนน พลาดไม่ได้สักตอนเลยน่าาา เดี๋ยวมาเรื่อยๆจ้าาา รอเค้าได้เยย