เก่งยืนกุมมืออยู่หน้าโซฟาตัวยาวในห้องรับรอง ร่างสูงของเจ้าของร้านกำลังนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟานุ่ม สายตาก็กวาดมองเอกสารอย่างพินิจพิเคราะห์เหมือนทุกที จะต่างก็ตรงที่มุมปากของเขานั้นยกยิ้มอยู่ตลอดเวลา ชวนให้เก่งใจหงาดผวาอย่างบอกไม่ถูก
เก่งมีคำถามมากมายเต็มหัว ทว่ายังหาโอกาสเหมาะในการถามคำถามไม่ได้ แต่แล้วจู่ๆสายตาคมก็ช้อนขึ้นมาจากแฟ้มเอกสาร สบประสานสายตากับเขาเข้าอย่างจัง
เตโชมองเก่งนิ่งโดยไม่เอ่ยปากอะไร ทว่าการกระทำเช่นนั้นของเขาราวกลับจะถามเก่งว่า ‘มองทำซากอะไร’
“อะ...เออๆ” เก่งลนลานพูดอะไรไม่ถูก ราวกลับคำถามมากมายที่คิดเอาไว้อันตถานหายไปจนสิ้น เพียงถูกจับจ้องจากแววตาดุดันคู่นั้น
“พูดบ้าอะไร” เตโชตำหนิก่อนจะโยนแฟ้มคืนให้เก่งอย่างไม่สนใจ
เก่งเร่งคว้าแฟ้มกลางอากาศอย่างลนลาน เอกสารนี้ถือเป็นของสำคัญ หากชำรุดเสียหายเขาจะต้องลำบากไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว ทว่าคนทำนั้นดูจะไม่ยี่หระ พลิกกายนอนหงายทอดสายตาออกไปมองภายในร้านผ่านบานกระจกอย่างสบายใจ
เก่งพยายามใช้เส้นสายทั้งหมดที่มีสืบหาเรื่องของมิว ทว่าไม่มีใครรู้และเห็นเธอมาเกือบสัปดาห์แล้ว คำพูดของเตโชที่เคยบอกว่ามิวอยู่บนเตียงของเขานั้นไม่รู้เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด
หากบอกว่าญาติของเขาถูกฆ่าตายด้วยฝีมือเจ้านายคนนี้ยังจะน่าเชื่อเสียกว่า!
“น่าเบื่อไปหมด” เตโชพึมพำกับตัวเองก่อนจะพยุงกายขึ้นนั่ง สอดปลายเท้าเข้าไปในรองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้มก่อนจะลุกขึ้นยืนเทียบความสูงกับผู้จัดการร้าน สองขาก้าวเข้ามาหาเก่งอย่างไม่ประสงค์ดี
แววตาของนายหนุ่มทำให้ลูกน้องเผลอถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว การลุกคืบเช่นนี้ของเตโชไม่ต่างกับสัตว์ร้ายที่หมายจะตะครุบเหยื่อให้แหลกคามือ
“ช่วงนี้ผลงานตกไปเยอะนะคุณผู้จัดการ” ไม่พูดเปล่า ปลายนิ้วยาวก็จิ้มที่หน้าอกของเก่งเบาๆอย่างตำหนิ
ร่างที่สูงกว่าของเตโชขยับเข้ามาชิดก่อนจะพูดเสียงเบาทว่าปนกลิ่นอายข่มขู่เอาไว้ทุกพยางค์
“อย่าให้เรื่องผู้หญิงบั่นทอนฝีมือสิ... ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะชอบคุณไปได้ถึงเมื่อไหร่” พูดจบก็ตบไหล่ของเก่งเบาๆแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่หันมามองผู้จัดการร้านที่ยืนแข็งค้างเป็นท่อนหินไปแล้ว
หากไม่ติดว่าเงินเดือนของที่นี่สูงกว่าทุกที่ที่เขาเคยทำมา และหากไม่ติดว่างานนี้มันตรงกับไลฟ์สไตล์ของเขา เก่งคงคิดจะลาออกจากงานนี้วันละหลายสิบรอบ
สามปีที่เขาทำงานอยู่ตรงนี้ คำชมที่เจ้านายมอบให้กลับทำให้เขากลับไปฝันร้ายตอนกลางคืน เก่งเฝ้าภาวนาให้เขาไม่เป็นที่พอใจของเจ้านายบ้าง อยากจะให้เขาลองตำหนิดู เผื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องฝันร้ายตอนกลางคืนอีก
แต่แล้วพอโดนตำหนิเข้าจริงๆ เก่งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันร้ายขณะที่ยังไม่ได้หลับด้วยซ้ำไป!
ระหว่างทางลงจากชั้นสอง เตโชมองเห็นพูกำลังจับร่างของผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ที่ตรงทางขึ้นบันได เขาพิจารณาดูใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นอยู่นานจึงนึกได้ในที่สุดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เขาส่งไปให้ผู้จัดการร้านเพื่อเป็นของขวัญ
ทีท่าของหล่อนดูเดือดดาลเอาเรื่องทีเดียว แม้จะถูกผู้ชายร่างสูงร่างพูจับเอาไว้ก็ยังดีดดิ้นและร้องโวยวายไม่เลิก
“บอกให้ปล่อยไงไอ้สวะ แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร” ผู้หญิงคนนั้นร้องตะโกนแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม ทว่ามีน้อยคนนักที่จะได้ยิน เพราะทุกคนต่างมัวเมาในแสงสีและเสียงเพลง อีกทั้งฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเลือดก็กำลังครุกรุ่น
จะมีก็แต่เตโชที่เดินทอดน่องลงมาจากชั้นสอง ที่เปิดูเปิดตาดูการกระทำของหญิงสาวอย่างสนอกสนใจ
ผู้หญิงคนนั้นจ้องหน้านักฆ่าของเตโชอย่างเอาเป็นเอาตาย สายตาเคียดแค้นที่มองมาราวกลับว่าจะกินเลือดเนื้อของพูให้หมดสิ้น แต่แล้วความรู้สึกรับรู้ถึงภัยร้ายก็ทำให้หล่อนช้อนสายตาไปทางบันได ก่อนจะพบกับร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินลงมาอย่างเนิบช้า
สายตาคมเข้มคู่นั้นจ้องมาทางเธอไม่กระพริบ กลิ่นอายอันตรายแผ่ซ่านจนร่างที่เคยดีดดิ้นของขิมหยุดชะงัก ราวกับว่าทุกก้าวที่เขาเยื่องย่างเข้ามาหาเธอเต็มไปด้วยหมอกควันพิษ ทำลายสตินึกคิดของหญิงสาวไปจนสิ้น
เพียงไม่นานร่างสูงนั้นก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ สายตาของเขาช้อนมองร่างเล็กของผู้หญิงตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ไปเถอะ ไม่ใช่ปัญหาของเรา” เตโชบอกกับพู ทว่าสายตาของเขาจดจ้องใบหน้าของขิมนิ่ง
พูปล่อยร่างของผู้หญิงคนนั้นในทันที เจ้าหล่อนเมื่อหลุดจากการจับกุมก็ขยับถอยหลังไปเล็กน้อยราวรับรู้ได้ถึงความอันตรายจากผู้ชายตรงหน้า ทว่าเตโชหาได้สนใจเธออีก เขาก้าวขาเดินออกไปจากตรงนั้นราวเธอเป็นเพียงหมอกควันไร้ค่า
ขินลูบแขนของตนเองที่ขนทุกเส้นกำลังลุกเกรียว ปกติหล่อนจะไม่ตื่นกลัวกับอะไรเช่นนี้มาก่อน เพราะเธอไม่ใช่คนขวัญอ่อนธรรมดาทั่วไป เธอเป็นผู้ล่ามาตลอดชีวิต ทว่าสายตาคู่นั้น... ราวกลับว่าเธอกลายเป็นกระต่ายตัวน้อยที่กำลังถูกเสือร้ายจดจ้องหมาดร้ายก็ไม่ปาน ขิมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กขนาดนี้มาก่อนเลย...
“มาทำอะไรที่นี่อะขิม?” เสียงของเก่งปลุกเธอจากภวังค์ฝันร้าย หล่อนหันไปมองร่างของแฟนหนุ่มที่กำลังเดินลงมาจากด้านบนช้าๆแล้วจึงรีบกระโจนเข้าไปหาราวกับต้องการอุ่นไอ
ขิมไม่ได้พูดคำใดเพียงแต่เกาะแขนของเขาเอาไว้แน่น เก่งสัมผัสได้ถึงความสั่นเทาน้อยๆของหญิงสาว ทว่าเขาก็ไม่รู้ว่าสาเหตุของมันคืออะไร
“เมื่อกี้ขิมเข้าไปที่ห้อง เห็นข้าวของกระจุยกระจายเหมือนมีคนเข้าไปขโมยของ ก็เลยจะมาหาว่าพี่ปลอดภัยดีใช่ไหม” เจ้าหล่อนบอกเสียงสั่น ทั้งๆที่เมื่อครู่กำลังโกรธเกรี้ยวราวฟ้าจะถล่มดินจะทลาย
ข้าวของหลายอย่างของเธอถูกทำลายและเอามากองไว้กลางห้อง หล่อนกำลังคิดว่าเป็นฝีมือของมิวที่กลับมาอยู่ที่ห้องของเก่งอีกครั้ง ความตั้งใจแรกหมายจะอาระวาทให้ร้านแตก จิกหัวญาติห่างๆร่านรักแล้วตบให้หน้ายับเยินจนสาแก่ใจ
แต่เมื่อได้เจอคนผู้นั้น ความโมโหของเธอคลายถูกเขาเหยียบขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี
เก่งฟังแล้วก็ประหลาดใจไม่น้อย คอนโดนั้นถึงจะไม่ได้เด่นดังเรื่องความปลอดภัยระดับสูง ทว่าก็มีระบบคีย์การ์ดหน้าคอนโด คนที่จะเข้าไปต้องมีคีย์การ์ด เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีขโมยขึ้นไป
แต่แล้วเก่งก็คิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ ยังมีกุญแจและคีย์การ์ดอีกชุดอยู่ที่มิว!
“มีอะไรหายไปบ้างไหม?” เก่งถามเสียงดัง มือก็จับแขนผู้หญิงตรงหน้าแน่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ขิมที่ถูกจับเขย่าเริ่มไม่พอใจ เพราะเธอไม่เคยถูกเก่งปฏิบัติต่อเธอเช่นนี้มาก่อน เจ้าหล่อนรีบสะบัดแขนจากการจับกุมทันที
“ก็ของนังมิวนั้นแหละ หายไปหมด เงินของขิมที่เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้ามันก็เอาไป” หญิงสาวพูดอย่างเดือดดาล
“เป็นไปไม่ได้ มิวไม่ใช่คนขี้ขโมย” เก่งเถียงเสียงแข็ง ทว่าทันทีที่พูดจบ ใบหน้าของเขาก็ถูกฝ่ามือของหญิงสาวซัดเข้าให้เต็มแรง
“เลิกเข้าข้างมันสักที ป่านนี้มันหนีไปมีผัวไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้ว!” คำพูดของหล่อนตะคอกออกมาเสียงดังอย่างเอาเรื่อง ความอดทนของขิมไม่ได้มีมากมายนัก ยิ่งเป็นเรื่องของเก่งหล่อนยิ่งอ่อนไหวง่าย
เก่งปากหยดเลือดข้างมุมปากช้าๆ เขาพยักหน้าแล้วหัวเราะกับตัวเอง หนนี้สายตาที่เขามองขิมไม่ใช่หวาดกลัวหรือเกรงใจอีกต่อไป มันเป็นสายตาแห่งความเกลียดชัง ขยะแขยงจนไม่อยากจะมองหน้า!
ขิมรู้สึกร้าวในอกเมื่อเห็นแววตาเช่นนั้นจากชายคนรัก หล่อนตั้งใจจะยื่นมือไปปลอบโยนเขาทว่าช้าไปเสียแล้ว...
เตโชที่เดินออกมานอกร้านกำลังขึ้นไปนั่งบนรถของตนที่ลูกน้องจอดรออยู่หน้าร้าน ฉันพลันเขาก็เห็นการ์ดสองคนหิ้วร่างผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากร้าน ชายหนุ่มปรายตาไปมองเพียงแวบเดียวก่อนจะปิดประตูรถอย่างไม่สนใจ
เขาคาดว่าต่อไปผู้จัดการร้านคนเก่งของเขาคงต้องเสียเวลาอีกนานโขกว่าจะสลัดผู้หญิงคนนั้นได้ แต่ก็นั่นแหละ ‘เธอไม่ใช่ปัญหาของเขา’
เพราะฉะนั้น เขาจะมองดูฝีมือของหมากตัวนี้ไปเงียบๆ หากแค่ผู้หญิงบ้าคนเดียวยังจัดการไม่ได้ เขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาอีก
“กลับบ้านกันเถอะ ที่นี่มีแต่อะไรน่าเบื่อ” เตโชบอกลูกน้องที่นั่งอยู่ด้านหน้าสองคน
เพราะอิฐกับอรรถหนีเอาตัวรอดไปก่อน เขาจึงต้องเอามือรองของสองคนนั้นขึ้นมารับใช้ใกล้ชิดแทน ทว่าชิวกับพูก็ถือว่าใช่ได้ ถึงจะพูดจาไม่ค่อยเข้าหูนักก็ตาม
“รีบกลับไปหานายหญิงใช่ไหมครับนาย” เสียงของชิวร้องแซวมาจากหน้ารถ
พูได้ยินดังนั้นก็อยากจะเอากำปั้นยัดปากเพื่อน ปากพาซวยจริงๆ คิดว่านายเป็นใครทำไมถึงได้กล้าหยอกล้อเล่นหัวเช่นนี้
“ตอนนี้ยังไม่ใช่หรอก” เสียงของเตโชดังมาจากด้านหลัง เป็นน้ำเสียงที่ไม่ส่อแววใดๆ ทั้งพูและชิวต่างมองย้อนกลับไปทางกระจกมองหลัง ก่อนจะเห็นว่านายกำลังหลับตายิ้มอย่างมีความสุข
ตอนนี้ไม่ใช่...แสดงว่าต่อไปก็อาจจะไม่แน่ใช่ไหม?
******************************************************************************************************************************************************************
ต่อไปนี้คือความเจ้มจ้นนน จะพลาดไม่ได้สักตอนนะรีทจ๋าาา ไรท์พยายามใช้ลูกไม้ทั้งหมดที่มีในงานเขียนแล้ว ถ้ามีคำผิดตรงไหนขออภัยในความง่วงงุนของไรท์ด้วย
เม้นต์มาคุยกันงับ ยังคงทายต่อมาได้เรื่อยๆน่าา อันนี้แจกของรางวัลจริงจัง สำหรับคนที่ตอบถูเป็นคนแรก ชุฟ