“ปั้งหว่าน ท่านรู้หรือไม่ว่าอ้ายฮุยพักอยู่ที่ใด” หมิงซิ่วถาม “ข้าตามหาเขามาหลายที่แล้วแต่ไม่พบ”
เมื่อตวนมู่หวงฮุนที่กำลังหลั่งน้ำตาออกมาในใจอย่างเงียบงัน ได้ยินอย่างนั้นก็เกือบจะระเบิดหัวเราะออกมา นี่แปลว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่หาอ้ายฮุยไม่พบ
เดี๋ยว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะดีใจนะ
ตวนมู่หวงฮุนรู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นบ้าเพราะตัวเอง เกิดอะไรขึ้นกับเขากันนี่ ทำไมเขาทำเรื่องผิดพลาดแบบนี้ตลอดเลย
หลังจากทำเรื่องผิดพลาดอย่างโง่ๆ และไร้เหตุผลมาหลายรอบ เขาก็อยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาไม่ค่อยเข้าเรียน” เมื่อทำใจให้สงบลงแล้วตวนมู่ก็ตัดสินใจพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับอ้ายฮุยก่อน แล้วจึงกล่าวเสริมอีกว่า “เขาเคยอาศัยอยู่ในโรงฝึกศาสตราวุธ ท่านลองไปหาที่นั่นดูสิ”
“เยี่ยมเลย ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปหาที่โรงฝึกเดียวนี้เลย” หมิงซิ่วรู้สึกยินดี จากนั้นนางก็ขมวดคิ้วเมื่อคิดถึงพฤติกรรมไม่ดีของอ้ายฮุยที่ชอบโดดเรียน นางจะต้องเตือนเขาเมื่อเจอตัวหลังจากนี้
ตวนมู่หวงฮุนจมอยู่ในความคิดพลางมองหมิงซิ่วเดินจากไป เขารู้สึกคุ้นชื่อนาง เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่จำไม่ค่อยได้
เนื่องจากเขาเคยพบกับหญิงสาวมานับไม่ถ้วน ตวนมู่จึงมีประสบการณ์ด้านนี้มากมาย เป็นไปไม่ได้ที่หญิงสาวที่แสนสุภาพ น่านับถือ กริยาท่าทางสูงส่งเช่นนี้จะเป็นคนไร้ชื่อเสียง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงรายละเอียดบางอย่างเช่นเสื้อผ้าของนาง ซึ่งค่อนข้างเรียบง่ายไม่โดดเด่นแม้แต่น้อย แต่เนื้อผ้ากลับมีคุณภาพสูงอย่างเห็นได้ชัด และทำมาจากผ้าพลังธาตุทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นงานเย็บปักบนผ้าก็เป็นผลงานชั้นยอดอย่างเห็นได้ชัด
ในฐานะที่เป็นคนของตระกูลผู้ดีที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยมาตั้งแต่เด็ก ตวนมู่หวงฮุนเพียงแค่ชายตาดูก็รู้ได้ว่าเสื้อผ้าของหมิงซิ่วนั้นแม้ไม่โดดเด่นนักแต่ในด้านราคาแล้วกลับสูงกว่าเสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่เสียอีก
อ้ายฮุยนั้นยากจนและอ่อนแอ ทำไมศิษย์พี่หมิงซิ่วของมันถึงได้รวยนัก
การเย็บปัก.....
ในที่สุดตวนมู่หวงฮุนก็นึกได้ว่าหมิงซิวเป็นใคร นางเป็นศิษย์รักของอาจารย์หันอวี้ฉิน! เมืองซงเจียนนั้นเล็กนิดเดียวไม่มีผู้ยิ่งใหญ่มากมายอะไร นี่คือสาเหตุที่ตวนมู่หวงฮุนสามารถจดจำนางได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความที่เขาตัดสินใจจะศึกษาที่โรงเรียนซงเจียน ทางตระกูลจึงได้รวบรวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเมืองซงเจียนเอาไว้
บุคคลแรกที่ไม่ควรไปล่วงเกินในโรงเรียนซงเจียนก็คือปรมาจารย์หันอวี้ฉิน
ไม่ว่าจะไปที่ใด ปรมาจารย์ด้านการเย็บปักผู้นี้จะได้รับการต้อนรับดุจแขกผู้มีเกียรติเสมอ แม้แต่อาจารย์ของเขา ยอดปรมาจารย์ไต้กัง ยังต้องสำรวมเมื่ออยู่เบื้องหน้านาง
ตวนมู่หวงฮุนรู้มากกว่าคนอื่น โรงเย็บปักของหันอวี้ฉินนั้นอยู่ห่างไกลและมีน้อยคนที่จะรู้ที่ตั้งของมัน หากไม่ใช่เพราะตระกูลเขาทำการสืบค้นเป็นพิเศษ ก็คงไม่รู้ว่าโรงเย็บปักเล็กๆ นี้จะมีเจ้าของที่ยิ่งใหญ่
และไม่มีใครโง่พอที่จะไปล่วงเกินเจ้าของโรงเย็บปักแห่งนี้
โรงงานแบบนี้มีธุรกิจกับสิบสามหน่วย ลูกค้ามากมายมาเพื่อซื้อผ้าทอพลังธาตุระดับสูง และลูกค้าเหล่านี้หากไม่มีอำนาจก็จะต้องร่ำรวยอย่างมาก
ความสัมพันธ์ภายในตัวที่สร้างขึ้นนั้นนับเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นแห่งหนึ่ง
เช่นนั้นแล้วหมิงซิ่วก็น่าจะเป็นศิษย์ของปรมาจารย์หันอวี้ฉิน แล้วนางกลายไปเป็นศิษย์ของอาจารย์หวังได้อย่างไร ไม่! ในทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าสามีของหันอวี้ฉินเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนซงเจียน นั่นต้องเป็นอาจารย์หวังเป็นแน่
ตวนมู่หวงฮุนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่ได้พบกับข้อสรุปนี้
อาจารย์หวังเป็นคนที่น้อยคนจะให้ความสนใจ และตวนมู่หวงฮุนไม่มีความรู้สึกประทับใจในตัวเขาแม้แต่น้อย พิจารณาจากวิชาที่เขาสอนแล้ว ระดับพลังของเขาไม่น่าจะสูงนัก
ตวนมู่หวงฮุนสงบใจลงอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ไม่น่าตื่นตระหนกสักนิด
ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกสงสัย แล้วหมิงซิ่วตามหาอ้ายฮุยเพื่ออะไร
ทำไมไม่ตามไปดูเล่า
เมื่อเขาคิดได้ดังนั้นตวนมู่หวงฮุนก็ไม่หยุดนิ่งอีกต่อไป ใช่แล้ว เขาควรตามไปดู เจ้าหมอนั่นอ่อนแอมากอยู่แล้ว อีกทั้งยังขาดเรียนแทบจะทุกวัน อยากรู้เสียจริงว่ามัวไปทำอะไรอยู่กันแน่
ตวนมู่หวงฮุนบอกกับตัวเองว่าในเมื่อพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกัน หากอ้ายฮุยอ่อนแอจนเกินไปก็จะถ่วงเพื่อนร่วมกลุ่มซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบกับเขาโดยตรง
เขาออกเดินในทันที
โรงฝึกศาสตราวุธนั้นอยู่ห่างไกล ไม่ง่ายเลยที่หมิงซิ่วจะหาเจอ ดังนั้นหากตวนมู่หวงฮุนตามไปในตอนนี้ก็คงไม่สายเกินไป
แต่เขากลับไม่ได้เดินไปยังโรงฝึกโดยตรง กลับกัน เขาเดินกลับไปยังที่พักและสวมหน้ากากพลังธาตุ
นี่คือความไม่สะดวกที่มาพร้อมกับชื่อเสียง มีคนจดจำเขาได้บ่อยจนเกินไป เขาไม่ต้องการให้นักเรียนหญิงผู้คลั่งไคล้เขามารบกวนระหว่างทาง
เขาตัดสินใจจะสืบหาว่าเจ้าสารเลวนั่นกำลังทำบ้าอะไรอยู่
ใบหน้าในกระจกนั้นแปลกไป ดวงตาทั้งคู่ดูเยือกเย็น
เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ เมื่อมาถึงตรอกทางเข้าสู่โรงฝึกศาสตราวุธ หมิงซิ่วยังมาไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงซื้อปิงถังหูลู่ไม้หนึ่งและหาที่ซ่อนกายเพื่อเฝ้ารอเช่นนักล่าคอยเหยื่อ
“หากคราวหน้าเจ้ามาแถวนี้ตามลำพักอีกก็ระวังตัวกว่านี้ด้วย”
เด็กผู้ชายพูดกับเด็กสาวข้างๆ ขณะย่างเท้ามาด้วยกัน
“ทำไมกัน แถวนี้ไม่ปลอดภัยหรือ” เด็กสาวถามด้วยความสงสัย
เด็กชายกล่าวอย่างจริงจังว่า “เจ้าไม่รู้หรือ ที่นี่คือสถานที่เกิดเหตุเปลือยกายเมื่อไม่นานมานี้”
“จริงหรือ” เด็กสาวตกใจเป็นอย่างมาก “คนบ้าเปลือยกายคนนั้นน่ะหรือ”
“ใช่แล้ว ข้าเองก็อยู่ที่นั่นในคืนนั้น และเห็นมันกับตา ไอ้คนบ้านั่นมีทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย” เด็กชายกล่าวต่อ “รักษาตัวด้วย”
ตวนมู่หวงฮุนกำลังกินปิงถังหูลู่อยู่ก็ได้ยินการสนทนานี้เข้า เขาแข็งทื่อไปในทันที ผิวหน้าแสบร้อนราวกับโดนตบอย่างรุนแรง รู้สึกเหมือนต้องหาที่ซ่อนตัวเอาไว้ สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นปรากฏขึ้นในความคิดของเขาอย่างไม่ตั้งใจ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปแล้ว เขาก็ยังรู้สึกอับอายขายหน้าอยู่
ตวนมู่กำลังจมอยู่ในความทรงจำอันสุดจะทนอยู่ จึงไม่ทันสังเกตเห็นเด็กชายที่เหลือบมองไปทางเขาอย่างไม่ตั้งใจ
เด็กชายคนนั้นตัวแข็งค้าง
เมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น เด็กสาวจึงถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไร” เด็กชายตอบด้วยเสียงเบา แต่เขาดึงมือเด็กสาวเงียบๆ ส่งสัญญาณว่าพวกเขาต้องไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
เด็กสาวไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไรแต่ก็เดินตามไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเดินออกไปได้ระยะหนึ่ง เด็กชายยังคงหวาดกลัวอยู่ เขาเหลือบมองไปด้านหลังก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อมั่นใจแล้วว่าตวนมู่กำลังมองพื้นและไม่เห็นพวกเขา
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเมื่อครู่นี้” เด็กสาวถามด้วยความเป็นห่วง
เด็กชายกำลังจะตอบคำถาม ก็พลันมองเห็นยามสองคนเดินลาดตระเวนอยู่ เขารีบดึงมือของหญิงสาววิ่งทางพวกยาม
ตวนมู่หวงฮุนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของถนน กำลังจมอยู่ในความคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์อันน่าอับอายและไม่สังเกตเห็นความกังวลบนใบหน้าของยามหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เด็กชายกล่าว
พวกยามรับฟังอย่างตั้งใจเพราะสาเหตุที่พวกเขาต้องมาเดินลาดตระเวนทุกวันก็เนื่องมาจากคดีเปลือยกายที่ทางโรงเรียนซงเจียนต้องการจะสืบสวนนั่นเอง
เนื่องจากความโด่งดังของตวนมู่หวงฮุน ชื่อเสียงของสถาบันซงเจียนจึงเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้นจะให้พวกเขาปล่อยเรื่องฉาวโฉ่เช่นนี้ไปได้อย่างไร
ยามทุกคนรู้ดีว่าไอ้สารเลวเปลือยกายนั้นมีทักษาการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
ยามคนหนึ่งเปิดกล่องแก้วขนาดเล็กที่บ่าของเขา ผึ้งสื่อสารสีเทาพุ่งออกมาจากกล่องและบินออกไป
พวกเขามองหน้ากันก่อนจะดึงอาวุธออกมาจากฝักที่ข้างสะเอว จากนั้นก็แยกกันเดินเข้าหาผู้ชายที่กินปิงถังหูลู่อยู่จากคนละด้าน