“แค่อยากจะยืนยันก็เท่านั้น”
“...พูดอะไรออกมาน่ะครับ”
“อะไรคือสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ ล่ะ”
ถ้าเทียบกับฮันฮีแล้ว เจ้านายที่ดูผ่อนคลายเกินเหตุก็ดื่มชาที่เขาเอาเข้ามาเสิร์ฟก่อนหน้านี้ไปอึกหนึ่งทั้งๆ ที่ยังนั่งอย่างหมิ่นเหม่อยู่บนโต๊ะอย่างนั้น แล้วก็ไม่ลืมที่จะชมอย่างสั้นๆ หลังจากที่วิเคราะห์รสชาติอยู่นาน
“กรรมการผู้จัดการครับ ถ้าทำแบบนี้เพราะเรื่องเมื่อวาน...”
“แข็งแล้วนี่”
ไม่สามารถพูดให้จบได้เลย ส่วนล่างของเขาที่นูนตั้งแต่เมื่อกี้ตามคำพูดของยุนซอง ตอนนี้มันถึงขั้นที่กระอักกระอ่วนในการจะปกปิด
ตอนนี้ฮันฮีกัดริมปากไว้แน่นก่อนจะหันไปทางยุนซอง ด้านข้างที่กำลังดื่มชานมอยู่ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด อีกคนจะรู้ไหมว่าการกระทำแบบนี้มันเข้าข่ายการคุกคามทางเพศภายในบริษัทนะ การกระทำที่จะข่มเหงพนักงานผ่านตำแหน่งทั้งหมดนั่นน่ะ มันไม่ถูกต้องเลย แต่คำพูดที่เขาเตรียมไว้เหล่านั้น มันกลับพลาดช่วงจัหวะเวลาที่ดีในการพูดออกไปซะแล้ว
อีกฝ่ายวางแก้วชาลง
“ฉันจะถามอีกครั้งนะ นี่เป็นสิ่งที่ต้องการใช่ไหม เลขาซอ”
ฮันฮีไม่สามารถต่อต้านการสบตาอีกฝ่ายได้ จะต้องตอบว่าอะไรล่ะ เขาน่ะ พลาดช่วงที่จะถามว่าทำแบบนี้ทำไมไปนานแล้ว แต่ถ้าสารภาพทุกอย่างออกไปอย่างเปิดเผยก็เดาไม่ได้อีกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะทำอะไรอีกในครั้งต่อไปอยู่ดี
เรื่องแบบนี้มันเป็นครั้งแรกเลย ฮันฮีรู้สึกว่าร่างกายทั้งหมดของเขาถูกมัดจนไม่สามารถขยับได้ สายตาเป็นประกายที่ไม่คุ้นเคยราวกับเคยชินมากกว่าภาพในวิดีโอที่ยังคงเล่นอยู่กำลังทำให้เขาหายใจไม่ออก
“...ใช่แล้วครับ”
ไม่ใช่ปัญหาของสถานะหรือตำแหน่งอีกต่อไป ฮันฮียอมรับออกมาอย่างเนือยๆ ทว่า
“แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากจะทำกับใครก็ได้นะครับ”
“รู้อยู่แล้วล่ะ เพราะว่าเลขาซอที่ฉันรู้จักน่ะ เป็นคนช่างเลือก”
“......”
“แต่ทำกับฉันก็คงได้สินะ”
ต้องผ่านขั้นตอนแบบไหน ถึงจะมีข้อสรุปแบบนี้ออกมาได้เหรอ ฮันฮีถามทางสายตา มันยากที่จะเลือกคำศัพท์ที่ผสมปนเปกันอยู่ในหัวเพื่อส่งเสียงพูดออกมา ตัวเขาตอนนี้น่ะ ไม่ว่าจะได้ฟังข้อเสนอแบบไหนหรือจากใครก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้แล้ว บอกว่าเขาจะทำอะไรกับใครนะ
นี่เป็นเรื่องที่เขาวาดฝันเอาไว้เมื่อตอนเช้าของวันนี้ ถ้าเจ้านายเขาเป็นซาดิสต์ก็คงจะดีสินะ แม้จะเป็นผู้ชายที่เอาแต่ใจ อวดดี แล้วก็แย่ก็เถอะ เพราะยุนซองเป็นคู่ขาที่เหมาะที่สุด ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน
“เหมือนจะมีอะไรที่เข้าใจผิดนะครับ กรรมการผู้จัดการ”
แต่ว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นซาดิสต์ที่เชี่ยวชาญพอที่จะสามารถช่วยทำให้เขาพอใจด้วยความยินดีได้ล่ะก็...
“ที่บอกว่าไม่อยากเล่นกับใครก็ได้น่ะ หมายความว่าจะไม่เล่นกับพวกมือสมัครเล่นนะครับ”
จะเก่งในเรื่องอย่างว่าหรือไม่ มันไม่ใช่ปัญหา ไอ้นั่นจะใหญ่หรือจะมีสมรรถภาพสูงยังไง ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกเหมือนกัน ฮันฮีน่ะเป็นมาโซคิสต์ สิ่งที่จะสามารถทำให้เขาพึงพอใจทางเพศได้ ไม่ใช่แค่เซ็กซ์ที่ดีเท่านั้น
ดูจากปฏิกิริยาของยุนซองที่ได้เห็นจนถึงตอนนี้ มันชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นซาดิสต์ แต่เป็นคนที่รู้ว่ามีสิ่งที่เรียกว่าซาดิสต์ในโลก ต่างจากตัวตนที่ดูเป็นซาดิสต์ราวฟ้ากับเหว เหนือสิ่งอื่นใดถ้าหากเป็น วานิลลา* ที่เลียนแบบพวกซาดิสต์อย่างน่าตลกแล้วล่ะก็ ฝ่ายนี้คงต้องเป็นฝ่ายปฏิเสธอย่างสุภาพก่อน พวกคนทึ่มทั้งหลายที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของเซ็กซ์ด้วยเหตุผลที่อยากครอบครองฐานะที่ดีเลิศอย่างง่ายดายบนโลกใบนี้น่ะ เขาน่ะเห็นมาจนเบื่อแล้วล่ะ
“ตั้งแต่เมื่อวาน มันไม่ใช่การปฏิเสธอย่างอ่อนน้อมมากๆ เหรอ”
“ถ้าคำพูดของผมมันสะกิดศักดิ์ศรีของกรรมการผู้จัดการ ก็ต้องขอโทษด้วยครับ”
“ตอนนี้รู้แล้วเหรอ ว่าถ้าเป็นคำพูดนั้นน่ะ มันสะกิดศักดิ์ศรีของฉัน”
พลาดแล้ว ฮันฮีอยากจะร้อง โอ๊ะ ทันทีที่พูดออกไป ความกังวลของเขาเป็นจริงอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ใช่การยั่วอารมณ์อย่างจงใจแล้วล่ะก็ ห้ามพูดจายั่วยุกับคนอย่างยุนซองเด็ดขาด เพราะยิ่งทำแบบนั้นก็คงจะยิ่งเดือด เป็นคนประเภทที่แข็งแรงและรวดเร็วที่สุดถ้าเป็นตอนที่ต้องไล่ตามหลังเหยื่อ
และเป็นคนประเภทที่ถ้ามันมาอยู่ในมือแล้วก็จะเบื่อเร็วกว่าใคร ฮันฮีตระหนักถึงการที่จะต้องอ้อมทางรถไฟโดยทันทีด้วยวิธีที่จะไม่กวนอารมณ์ของเจ้านายถ้าเป็นไปได้
สายตาของชายหนุ่มที่ไม่มีรอยยิ้มเลยกำลังจ้องมองเหมือนจะจับเขากิน
“ไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะครับ แต่ว่ากรรมการผู้จัดการไม่ใช่ซาดิสต์นี่ครับ ผมอยากจะทำกับคู่ขาที่เชี่ยวชาญมกากว่า เพราะน่าจะเป็นแค่ผมที่เหนื่อยถ้าจะเล่นแบบไม่ชำนาญ”
หลังจากลองพูดโดยไม่สนความประหม่าแล้ว เขาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ช้าเกินไป ทำไมเขาต้องมาอธิบายอะไรแบบนี้ที่นี่ด้วยล่ะ จะจิตใจดีอะไรขนาดนี้
“แต่ผมไม่อยากจะคุยกับกรรมการผู้จัดการ ด้วยปัญหาแบบนี้อีกต่อไปแล้วครับ ...ที่นี่มันเป็นที่ทำงานของผม และกรรมการผู้จัดการก็เป็นเจ้านายของผม ผมคิดว่ามันไม่ดีสำหรับเราทั้งคู่ที่จะมาเกี่ยวข้องกันโดยส่วนตัว”
“แล้วถ้าอยากจะเกี่ยวข้องล่ะ”
เขาเชื่อว่าตัวเองอธิบายทีละอย่างทีละอย่างและใช้ประโยคที่ไม่ซับซ้อนเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจแล้ว แต่ว่าสิ่งที่ได้กลับมากลับเป็นคำถามที่ไม่สามารถเดาทิศทางได้เลยอยู่เสมอ ฮันฮีสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ กับคำถามที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
“ถ้าฉันอยากจะเกี่ยวข้องกับเธอเป็นการส่วนตัวล่ะ”
“กรรมการผู้จัดการอยากจะพูดอะไรเหรอครับ ผมไม่รู้เรื่องเลยครั....”
“อย่าโกหก”
ในที่สุดยุนซองก็ยิ้มออกมาพลางขมวดคิ้วอย่างหยอกล้อ แต่ฮันฮีไม่สามารถวางใจได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าเขาโกหกตามคำพูดของอีกฝ่ายจริงๆ ยุนซองอยากจะพูดเรื่องอะไร ไม่มีอะไรที่ฮันฮีไม่รู้หรอก แค่ทำเป็นไม่รู้เท่านั้นเอง
“ตอนนี้ไม่รู้เหรอว่าฉันจะพูดอะไร”
แล้วก็แค่ไม่อยากคิดไปเองเท่านั้น มันมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการเข้าใจผิด แม้จะพูดด้วยสีหน้าแบบนั้นในเรื่องนี้ ฮันฮีคว้าที่วางแขนโดยไม่รู้ตัวเมื่อเงาของอีกฝ่ายทาบทับบนใบหน้า มือของยุนซองจับเข้าที่พนักเก้าอี้และระยะห่างของพวกเขาก็ใกล้เข้ามาอีกขั้นหนึ่ง
“ข้อเสนอของฉันมีสามข้อนะ เลขาซอ”
“อึก.......”
“ตอนนี้ก็สองข้อแล้ว”
ในชั่วพริบตาที่ระยะห่างเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ใบหน้าของยุนซองก็มาอยู่ตรงหน้าเขาพอดี เป็นเวลาเดียวกับที่ใบหน้าของฮันฮีก็บูดเบี้ยวด้วย ริมฝีปากที่เผยอขึ้น อันตรายราวกับได้สัมผัสเผลอทำเสียงสั้นๆ หลุดออกมา
ใกล้มาก แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าไม่มีพื้นที่ให้หลบและเขาก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะหยุดอีกฝ่ายได้ด้วย ใบหน้าที่ปกติจะไม่ขยับไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นนั้นวอกแวกหลังจากเสียสมาธิไปครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งการทำให้พ่ายแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น เขารู้... ก็เลยเพิ่มแรงจับตรงที่วางแขนขึ้นไปอีก สุดท้ายฮันฮีก็เค้นแรงอย่างยากลำบากพร้อมกับหันหน้าหนี
แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ อยู่ในหู
“...ข้อเสนอที่สามก็คือ ทำบนเตียงของฉัน”
ฮันฮีเบิกตาขึ้นมาทันที
* Vanilla ภาษาเฉพาะที่ใช้เรียกคนธรรมดาที่ไม่ได้มีรสนิยมทางเพศแบบ SM