ถ้านายคุกเข่าลง ไม่ว่าใครก็ตามในโลกนี้คงจะไม่สามารถลดตัวลงต่ำไปมากกว่านายอีกแล้ว ถ้านายหมอบลงแล้วขยับไปทั้งสะโพกไม่ใช่แค่เอว ก็คงไม่มีอะไรเอาชนะความเสี่ยวซ่านได้มากกว่านั้นแล้ว ฉันจะปลดปล่อยใส่นาย จะปลดปล่อยจนน้ำกามไหลลึกลงไปในคอจนทำให้นายรู้สึกอยากอาเจียน จะปลดปล่อยให้หมดจนกว่าปากของนายจะไม่สามารถรับมันได้อีกแล้วล้นทะลักออกมา
ในที่สุดนายก็จะถูกตีตราอย่างน่ารังเกียจ
ต่อจากนั้นฉันก็จะบอกนาย จะบังคับให้นายที่หายใจหอบอยู่ด้านล่างและไม่มีสติเอนหัวไปทางด้านหลัง กัดตรงติ่งหูที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของฉันแล้วบอกนายว่าไอ้บ้านเกิดเฮงซวยของฉันน่ะมันคือที่ไหน ฉันโหยหานายมานานมากขนาดไหน และทำไมนายถึงเป็นจุดหมายปลายทางของฉัน
นายมีสิทธิ์เลือกไหมนะ ก็ไม่หรอก ตอนนั้นนายคงทำได้แค่ร้องไห้ไปพร้อมๆ กับเฝ้าดูช่วงเวลาที่หูของตัวเองโดนรุกล้ำเข้าไป
ถึงจะไม่อยากรู้ยังไงก็ต้องรู้ ท้ายที่สุดนายที่ถูกทำลายไปทั้งหมดแล้ว ก็จะตกอยู่ในกำมือของฉัน
ฮันจูค่อยๆ ถอนหายใจยาวออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมความรู้สึกที่เหมือนจะระเบิดออกเสียตอนนี้ พอเจอตัวจริงถึงรู้ว่าอีกฝ่ายอ่อนแอ คุณชายผู้ไร้เดียงสาที่ตกใจจนถอยหลังทุกครั้งที่ตั้งใจจะทำให้ลุกขึ้น คังยองจี
ยองจี
ทันทีที่เรียกชื่อออกมา ในที่สุดเสียงครางอย่างกลั้นไม่อยู่ก็ถูกเปล่งออกมาจากปาก ฮันจูจับเข้าตรงความเป็นชายของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
“อา…"
การเรียกร้องจะปลดปล่อยเป็นความต้องการอย่างแรงกล้าที่เหมือนกันของอัลฟ่าทุกคน ตัวเขาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น พวกเขาผู้มีลักษณะทางพันธุกรรมแบบเดียวกันจะเผชิญหน้ากันด้วยความต้องการแบบเดียวกัน แต่ฮันจูรู้อยู่แล้วว่าความต้องการที่อีกฝ่ายมี ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ไม่สามารถหนีตัวเขาพ้น
แม้แต่ตอนนี้ที่เป็นช่วงผสมพันธุ์ การสารภาพบาปดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เริ่มจากสมองมาจนถึงหัวใจ เส้นเลือดทุกเส้นที่เชื่อมต่อระหว่างสองสิ่งส่งเสียงร้องตะโกนและกระโดดโลดเต้นอย่างบ้าคลั่ง
รู้ไหม หลังจากตัดสินใจมาเกาหลีฉันก็นึกถึงนายทุกคืนตอนช่วยตัวเอง จินตนาการว่ากำลังขืนใจร่างกายตั้งแต่ส่วนด้านล่างคอลงไป โดยที่ยังไม่รู้จักแม้กระทั่งใบหน้านายด้วยซ้ำโดยวิธีการมากมาย มัดมือทั้งสองข้างเข้าไว้ด้วยกันเหนือหัวพร้อมกับล็อกขาทั้งสองข้างให้แยกออกจากกัน สุดท้ายก็สอดนิ้วเข้าออกช่องทางจนกว่านายจะสะอื้นออกมา และทุกครั้งที่จินตนาการแบบนั้น ร่างกายส่วนล่างก็จะรู้สึกคันยุบยิบไปหมด
จินตนาการว่าฉันได้ปลดปล่อยตัวตนของฉันใส่นาย แต่ความเป็นจริงไม่ใช่นาย แต่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ชายชราสติไม่ดีคนนั้นสั่งสมมา ฉันจะทำให้เขารู้สึกอยากตายเป็นร้อยๆ ครั้งและทำอะไรไม่ได้นอกจากมีชีวิตอยู่ต่อไป
แต่ว่าไม่ได้สินะ ตอนนี้ต้องอดทน ต้องทำให้อีกฝ่ายกระวนกระวายใจโดยห้ามประมาท ต้องรอจนกว่าจะกระวนกระวายจนได้ที่ ระหว่างรอก็คิดว่าถ้านายดูดดุนและขบกัดแก่นกายของฉันเบาๆ จะเป็นยังไงกันนะ จะไม่คิดได้ยังไงกัน
ทุกครั้งที่ฉันเขี่ยยอดอกของนาย มองนายตัวสั่นเกร็งไปด้วยความหวาดกลัวและความหวัง พร้อมกับจินตนาการถึงกระดูกไหปลาร้าได้รูปและกระดูกคอที่มองเห็นได้ชัดเจนจากหัวที่ก้มลงด้านล่าง ปริมาณของของเหลวที่ปลดปล่อยออกมาอาจจะมากกว่าเลือดที่ไหลออกมาจากตัวนายก็เป็นได้
ฉันรับรอง
สุดท้ายแล้วนายจะไม่เสียใจที่เลือกฉันเลย
ในที่สุด ฮันจูก็ลืมตาขึ้นภายในห้องที่มืดมิด
มือก็ยังคงขยับไม่หยุด ห้องนอนที่เต็มไปด้วยความมืดและชื้นมากกว่าห้องน้ำทำให้หายใจไม่ออก โคมไฟที่เคยเปิดไว้ทั้งคืนเหมือนทุกวันกลับมีส่วนทำให้ห้องมืดลง ความมืดบีบเค้นลำคอของเขา
ยิ่งเป็นแบบนั้นก็ยิ่งรุ่มร้อนขึ้น ความเร็วก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เขาไม่สามารถเอาชนะอุณหภูมิร่างกายที่เหมือนจะระเบิดออกมาได้ บรรยากาศมืดสลัวที่เห็นรอบๆ ไม่ได้แปลกใหม่อะไร ความคิดตามความเป็นจริงของเขาหยุดลง
เพราะสิ่งที่เข้ามาครอบครองพื้นที่ภายในหัวทั้งหมดคือคังยองจี คือยองจีเท่านั้น หากปล่อยวางเรื่องนั้นแล้วจะสามารถเรียกว่าความคิดได้ยังไง
“อือ อา...ใช่ อึก ใช่แล้ว ตอนนี้ล่ะ ตอนนี้ อา...”
ช่องคอร้อนผ่าวถูกเปิดออก แม้ว่าเสียงหายใจที่ดังออกมาจะฟังดูขาดๆ หายๆ แต่ฮันจูก็ไม่หยุดบ่นพึมพำ ไม่ใช่การพูดส่งเดชไปเรื่อยเพราะมัวเมาไปกับความเร่าร้อน
เพราะต้องการพูด แม้ว่าจะอดกลั้นด้วยคำพูดที่ว่าต้องอดทน ไม่ใช่แค่เพียงความคิด แต่เพราะไม่สามารถต้านทานความต้องการโดยสัญชาตญาณได้
ฮันจูคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางไว้อยู่ตรงหัวเตียง
เป็นเรื่องที่ทำได้หรือเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เหมาะสมกับแผน หรือสุดท้ายยังไงก็เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เด็ดขาด เขาก็แยกแยะไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
สติที่เหลืออยู่ขาดสะบั้นลงอย่างสมบูรณ์
ขณะเดียวกันก็ได้ปลดปล่อยครั้งแรกออกมา ถึงจะเขาทำมันเพียงคนเดียวแต่เหมือนกับเป็นการร่วมมือกันของคนสองคน
น้ำกามที่หลั่งไหลออกมาเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าท้อง บ่งบอกให้รู้ว่าช่วงผสมพันธุ์ได้เริ่มขึ้นอย่างจริงจังแล้ว
* * *
แสงไฟระยิบระยับทำให้ยองจีเวียนหัว
เขาหยุดทำทุกอย่างครู่หนึ่งก่อรจะขยับมือไปแตะตรงหว่างคิ้วอย่างแรง ผู้คนรอบข้างต่างสังเกตความรู้สึกของยองจีได้จากสีหน้าที่บึ้งตึงและแสดงให้เห็นถึงความไม่สบอารามณ์ของเขา แต่ยังไงก็ไม่ได้ทำให้อาการของเขาดีขึ้น
ช่วงนี้รู้สึกเหนื่อยอยู่บ่อยๆ ไม่ได้คิดไปเอง แค่รู้สึกเหนื่อยจนเกินไปและปวดหัวเป็นช่วงๆ ด้วย การตื่นนอนตอนเช้าหรือนอนให้หลับตอนกลางคืนไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนแต่ก่อน ฟูกที่ใช้นอนทุกวันกลับนุ่มเกินไปจนนอนไม่สบายเอาเสียเลย
คงเพราะคิดอะไรเยอะแยะไปหมด ยองจีจึงพยักหน้าส่งๆ ให้กับคำถามว่าไม่เป็นอะไรใช่ไหม แล้วรอให้งานนี้จบลงเท่านั้น