ตอนที่ 83 : Day After Day
นิตยสาร : Day After Day
คอลัมน์ : เรื่องเล่าหลังคีย์บอร์ด
หัวเรื่อง : ชีวิตของ @NIP
ถาม : @NIP คือใครมาจากไหน?
ตอบ : @NIP คือนามปากกาของผมครับ ผมเป็นนักเขียนนิยาย งานเขียนคืออาชีพเสริม อาชีพหลักคือหมอฟันครับ ปัจจุบันก็เลยเบญจเพสมาหลายปีแล้ว
ถาม : เริ่มชีวิตบนเส้นทางนักเขียนยังไง?
ตอบ : เริ่มต้นตอนม.ปลายครับ เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือ พออ่านมากๆ ก็รู้สึกอย่างจะแบ่งปันโลกที่เราสร้างขึ้นให้คนอื่นเห็นบ้าง มันมีความสุขดีเวลาที่คนอื่นอินไปกับโลกใบใหม่ที่เราสร้างขึ้น มันมีความสุขมากเลยครับเวลาเห็นคนยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ และมีความสุขไปกับโลกที่เรารังสรรค์ขึ้น เรียกได้ว่าเป็นความสุขที่หาสิ่งอื่นมาทดแทนได้ยากก็ว่าได้ครับ
ถาม : นิยายที่แต่งเป็นแนวไหน?
ตอบ : นิยายรักครับ เน้นกลุ่มนิยายวาย หมายถึงชายรักชายหนะครับ
ถาม : ชอบอ่านหนังสือแนวไหน?
ตอบ : นิยายที่ชอบอ่านมากๆ คือนิยายผจญภัยอิงประวัติศาสตร์ หรือไม่ก็เป็นแนวปรัชญา สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ไปเลย แนวสารคดีท่องเที่ยวก็ชอบอ่าน อีกกลุ่มที่ชอบก็จะเป็นพวกบริหารธุรกิจ การเงินการลงทุน สรุปว่าอ่านเกือบทุกแนว ยกเว้นแนวนิยายรักที่ตัวเองแต่งนี่แหละ (หัวเราะ)
ถาม : ทำไมไม่ชอบอ่านนิยายรัก?
ตอบ : จะว่าไม่ชอบอ่านนิยายรักก็คงไม่ได้ เรียกว่าชอบอ่านนิยายรักของตัวเองมากกว่า เวลาเราอ่านงานคนอื่นบางทีต้องลุ้นว่าเคมีจะตรงกันไหม แต่นิยายของเราเองไม่ต้อง เราชอบแน่ จังหวะจะโคน การเล่าเรื่อง การเคลื่อนไหวของอารมณ์มันคือตัวเราที่สุด นานๆ จะอ่านงานคนอื่นบ้าง แต่สุดท้ายก็ชอบอ่านงานตัวเองมากกว่า เราถือคติว่า อยากอ่านอะไรก็แต่งเอา แล้วเราจะได้อ่านทุกอย่างที่เราต้องการ (หัวเราะ)
ถาม : จาก non-fiction มาสู่ fiction ได้อย่างไร?
ตอบ : ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนชอบอ่าน non-fiction มาก แต่เวลาเขียนเราชอบเขียน fiction มากกว่า เพราะว่าเสน่ห์สำคัญของการเขียนคือความสุขที่ได้เห็นคนได้เข้ามาอยู่ในโลกที่เราสร้างขึ้น เราอยากสร้างโลกขึ้นใหม่มากกว่า เพราะเราอยากให้คนมาอยู่ในโลกของเรา
ถาม : ให้เวลากับการเขียนมากไหม?
ตอบ : ส่วนตัวที่นั่งอยู่หน้าคีย์บอร์ดเองก็รู้สึกว่ามาก แต่สำหรับคนที่มองเข้ามาจะรู้สึกว่ามากไหมหรือเปล่าก็ไม่รู้ เรารู้แค่ว่าเราชอบงานนักเขียนมาก เราอยากเขียนงานไปตลอดชีวิต ความจริงเราต้องอุทิศอะไรไปหลายอย่าง แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เราเลือกแล้ว
ถาม : อะไรคือสิ่งที่ต้องสูญเสียไปบ้าง?
ตอบ : งานเขียนต้องใช้เวลาเยอะมากในการผลิตผลงานออกมา สิ่งที่สูญเสียไปชัดที่สุดก็คือโอกาสในการหารายได้ของเราจากงานเส้นหลักที่คือทันตแพทย์ แต่เราก็เลือกสร้างสมดุลเอา หาเงินเท่าที่เราพอใช้ และทำตามความฝันเท่าที่เราพอใจ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่ามีความสุขมาก เรียกได้ว่าเป็นความสูญเสียแบบยินดีครับ
ถาม : อยู่บนถนนนักเขียนมานานแค่ไหนแล้ว?
ตอบ : ตั้งแต่วันแรกที่จรดปากกาเขียนก็เกิน 12 ปีแล้ว
ถาม : ทุกวันนี้มีความสุขไหม?
ตอบ : มาก (ยิ้ม)
ถาม : การเป็นนักเขียนของเราเชื่อมโยงกับชีวิตด้านอื่นของเราอย่างไรบ้าง?
ตอบ : ด้วยธรรมชาติแล้ว นิสัยเราเป็นคน emotional มาก ไม่รู้จะใช้คำอธิบายว่ายังไงดี แต่เราเป็นคนที่อารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อยมาก คือเรารู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัวเองค่อนข้างเยอะ แล้วเราก็ไปแตะอารมณ์ต่างๆ จากบริบทแวดล้อมได้ง่าย อย่างเช่น ถ้าเราเห็นฝน เราจะรู้สึกเหงา ถ้าเราเห็นต้นไม้กำลังโต เราจะรู้สึกมีความหวัง เรื่องราวละเอียดอ่อนแบบนี้มันซ่อนอยู่ในทุกจังหวะชีวิตของเรา แต่ด้วยความที่เราทำงานสายการแพทย์ เราไม่มีวิธีอะไรที่จะถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ออกมาได้ นิยายก็จะเป็นช่องทางที่สำคัญของเรา สำหรับเรามันเป็นมากกว่างานเขียนนะ มันเหมือนงานศิลปะมากกว่า
ถาม : แล้วทำไมถึงต้องเป็นนิยายวาย?
ตอบ : เพราะอยากแต่ง (หัวเราะเสียงดัง) อย่างแรกคือเรารู้สึกว่าเราเป็นแค่ no one ในวงการหนังสือมาก การเลือกหรือการตัดสินใจไม่ได้ส่งผลอะไรต่อองค์รวมอะไรทั้งสิ้น ดังนั้น เราก็อยากเลือกที่จะทำในสิ่งที่เราอยากทำด้วย อยากเขียนนิยายวายก็จะเขียน อยากเขียนแนวไหนที่คนไม่ค่อยอ่านก็จะเขียน ถ้าเราหนีจากงานในชีวิตประจำวันมาทำในสิ่งที่อยากทำแล้ว แต่ยังมัวห่วงโน่นกังวลนี่ มันก็คงเป็นความฝันที่น่าเบื่อพิลึก
ถาม : กลับมาเรื่องชีวิตประจำวันบ้าง เล่ากิจวัตรประจำวันให้ฟังหน่อย?
ตอบ : ตื่นเช้าก็อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันไปทำงาน งานหลักก็จะมีอยู่ 2 ที่ คือโรงพยาบาล กับคลินิกทันตกรรม ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นต้องไปทำงานที่ไหน สลับกันไปแล้วแต่ตารางเวร หนึ่งอาทิตย์ก็จะได้หยุดอยู่บ้านสักหนึ่งวัน เสาร์บ้างอาทิตย์บ้าง เลิกงานค่อนข้างเร็ว ส่วนใหญ่ไม่เกินสองทุ่ม กลับมาบ้านก็จะแบ่งเวลามาเขียนนิยายบ้าง แต่ชอบเขียนนิยายในวันหยุดมากกว่า
ถาม : มีแฟนหรือยัง?
ตอบ : มีแล้วครับ (ยิ้ม)
ถาม : เล่าเรื่องความรักให้ฟังหน่อย?
ตอบ : แฟนเป็นวิศวกรปิโตรเลียม (ยิ้ม) ทำงานอยู่แท่นขุดเจาะพลังงานกลางทะเลอ่าวไทย ไปทำงานงานกลางทะเล 21 วัน กลับมาหยุดยาว 21 วัน คบกันมาเกือบ 10 ปี จากวันที่เริ่มต้นก็ไม่คิดว่าความสัมพันธ์จะยาวนานได้ขนาดนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าใครที่ทู่ซี้ ผมหรือมันกันแน่ (หัวเราะ)
ถาม : 21 เว้น 21?
ตอบ : ใช่ครับ 21 วันแรกก็จะหายไปทำงานกลางทะเล อีก 21 วันก็จะกลับมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่บ้านทุกวัน ตอนแรกก็ไม่ชิน ตอนนี้ชินมากแล้ว (หัวเราะ)
ถาม : บทจะหายก็หายไปนานแบบนี้เป็นปัญหากับความรักไหม?
ตอบ : ตอนแรกก็เป็นปัญหามาก (หัวเราะเสียงดัง) เราเป็นคนค่อนข้างติดแฟน พอรู้ว่าเรียนจบแล้วแฟนจะต้องไปทำงานกลางทะเลก็ช็อคไปเลย ใครจะไปทำใจได้ ความจริงก็รู้สาขาที่แฟนตัวเองเรียนมาตลอด แต่เราก็แอบหวังในใจว่ามันจะเลือกทำงานในเมืองตามปรกติ แต่พอมาถึงจังหวะชีวิตจริง การออกไปทำงานที่แท่นขุดเจาะพลังงานก็ให้อะไรมากกว่าจริงๆ ทั้งความรู้ ประสบการณ์ โดยเฉพาะความก้าวหน้าในสายอาชีพ เราก็ห้ามไม่ได้ นี่คือชีวิต เราจะมาเห็นแก่ตัวเพราะอยากให้ตามใจเรามันก็ไม่มีเหตุผลเกินไป
ถาม : ผ่านมาได้อย่างไร?
ตอบ : สุดท้ายก็กลับมานั่งคุยกับตัวเองว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไปดี ชอบมัน แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ เราก็คงจะไปเปลี่ยนอะไรมันไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องเลือกว่าจะเข้าใจหรือจะแยกจากกัน
ถาม : สุดท้ายก็ยอมรับได้?
ตอบ : สงสัยมันจะทำยาเสน่ห์ไว้ ตัดใจจากมันไม่ได้สักที (หัวเราะ)
ถาม : 21 เว้น 21 นี่มีข้อดีอะไรไหม?
ตอบ : ตอนแรกคิดว่ามันมีแต่ข้อเสีย แต่ความจริงแล้วมันมีข้อดีเยอะมาก
ถาม : ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย?
ตอบ : คือตอนแรก เรามัวแต่ไปมองว่าจะไม่ได้เจอกันตั้ง 21 วัน มันดูเยอะมาก แต่ความจริงแล้วคนที่เขาทำงานกันคนละที่คนละจังหวัด การจะไม่เจอกันครั้งละเกือบเดือนนี่ก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่คู่อื่นจะได้เจอแค่วันสองวันหลังที่หายไปเกือบเดือน แต่เราได้เจอตั้ง 21 วัน ความจริงมันคือข้อดีมากเลยนะ อยู่มาเรื่อยๆ ก็ชอบเหมือนกัน หาวันหยุดยาวไปเที่ยวง่ายดี
ถาม : คิดว่าแฟนเรามีเสน่ห์ยังไง?
ตอบ : มันเป็นคนทื่อๆ เงียบๆ คิดอะไรก็ไม่ค่อยพูด ภายนอกมันดูเจ้าชู้ไวไฟมาก แต่พออยู่ๆ กันไปแล้วก็ค้นพบว่ามันเฉื่อยกว่าที่คิด ความเงียบของมันก็ถือว่าเป็นข้อดี อย่างน้อยเราก็จะได้ภูมิใจว่าคนที่มันคุยด้วยมากที่สุดคือเรา (หัวเราะ)
ถาม : มองอนาคตของชีวิตคู่ยังไง?
ตอบ : ก็คงอยู่กันไปเรื่อยๆ แบบนี้ ใครตายก่อนก็แพ้ (หัวเราะ)
ถาม : ชีวิตคู่ของเราสะท้อนออกมาในงานเขียนของเราบ้างไหม?
ตอบ : เยอะมาก (ยิ้ม) เพราะความรักจริง ปัญหาจริงนี่แหละที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการเขียนงาน เวลาเขียนฉากทะเลาะกันในนิยายก็ง่ายหน่อย เพราะทะเลาะกันบ่อยอยู่แล้ว บางช่วงบางความรู้สึกบางจังหวะของความสัมพันธ์ก็กลายมาเป็นพล๊อตนิยายได้เรื่องหนึ่งเลย
ถาม : แฟนอ่านนิยายของเราบ้างไหม?
ตอบ : ไม่เลย (หัวเราะ) แต่มันชอบให้เราเล่าให้ฟังมากกว่า เหมือนสรุปว่าเรื่องนี้มีใจความสำคัญคืออะไร แต่ละคนในเรื่องคิดอะไร พล๊อตสำคัญคือตรงไหน หักมุมยังไง จบยังไง อย่างที่บอกว่ามันเป็นคนทื่อๆ มันก็ไม่ค่อยชอบอ่านอะไรที่เป็นบทบรรยายพรรณนาเท่าไหร่ เราก็เลยต้องสรุปให้มันฟัง
ถาม : ฝากอะไรถึงคนที่อ่านนิยายของเราหน่อย?
ตอบ : คงไม่มีคำไหนดีไปกว่าคำว่า “ขอบคุณ” นักเขียนคงเป็นนักเขียนไปไม่ได้ ถ้าไม่มีนักอ่าน ขอบคุณที่ให้เกียรติเข้ามาเที่ยวในโลกใบใหม่ที่เราสร้างขึ้น ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะชวนให้อยู่เที่ยวด้วยกันไปนานๆ (ยิ้ม)
ถาม : สุดท้าย ชอบนิยายเรื่องไหนของตัวเองมากที่สุด?
ตอบ : เรื่อง Need You Now | ต้องการคุณ... ตอนนี้เลย
ถาม : เล่าเรื่องย่อให้เราฟังหน่อย?
ตอบ : NYN เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของผู้ชายสองคนที่เกิดจากความสัมพันธ์แบบ one night stand ของคนทั้งคู่ คนหนึ่งเป็นคนเจ้าชู้ อีกคนหนึ่งต้องการประชดชีวิตเพราะเพิ่งอกหักมา แต่พอผ่านคืนนั้นไปแล้วต่างฝ่ายก็ต่างลืมกันและกันไม่ได้ สุดท้ายก็กลายมาเป็นความรักที่ยืดยาว (ยิ้ม)
ถาม : ฉากไหนที่ประทับใจที่สุดในเรื่อง
ตอบ : ตอนประมาณปี 4 นายเอกอยู่กรุงเทพ อยู่ดีๆ ไฟที่บ้านก็ดับ นายเอกก็เลยโทรหาพระเอกที่ไปฝึกงานต่างจังหวัดอยู่ เพราะไม่อยากอยู่ในบ้านเงียบๆ คนเดียว ทั้งคู่ก็คุยโทรศัพท์กันนานมาก จนเกือบ 2 ชั่วโมงผ่านไป พระเอกก็บอกให้นายเอกเดินออกมาหน้าบ้าน ปรากฎว่าพระเอกยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนพอพระเอกรู้ว่านายเอกไม่อยากอยู่คนเดียวก็คุยโทรศัพท์อยู่เป็นเพื่อนมาตลอด ระหว่างนั้นก็ขับรถกลับมากรุงเทพด้วย เพื่อที่จะกลับมาอยู่ด้วยกัน นายเอกจะได้ไม่ต้องข้ามคืนแย่ๆ คืนนั้นไปคนเดียว สำหรับเรามันเป็นอะไรที่พิเศษมาก ไม่รู้ว่าคนอื่นมองความรักกันแบบไหน แต่สำหรับเรา เราคิดว่าคนที่สแตนบายพร้อมที่จะอยู่ข้างเราตลอดเป็นอะไรที่โรแมนติกที่สุดเลย
ถาม : สุดท้ายและท้ายสุด พระเอกนายเอกชื่ออะไร เผื่อจะมีคนสนใจไปติดตามบ้าง?
ตอบ : เพียวกับโฟคครับ (ยิ้ม)
นายพินต้า
ฝากเฟสกับทวีตนายพินต้า ninepinta ด้วยเด้อ เผื่อมีนิยายเรื่องใหม่ จะได้ไม่ลืมกันน้า
ภาคนี้ลงน้อยลงหน่อยให้นิ้วมือและข้อมือผมได้พักฟื้น อิอิ อาการดีขึ้นมากเลย จำกัดการพิมพ์งานเป็นเวลา พักผ่อนมากขึ้น อาการดีขึ้นมาก ลงน้อยลง อย่าเพิ่งงอน อย่าเพิ่งน้อยใจนะ ใครเหงา ใครรอนาน กลับไปย้อนตอนเก่าอ่านก่อนได้ มีตั้ง 86 ตอนแหนะ อ่านวนอีกสักรอบสองรอบนะ อิอิ
อยู่ด้วยกัน เดินทางไปส่งไป๋อิฐโฟคเพียวว่านด้วยกันจนถึงบทสุดท้ายนะ :)
ปล. รออ่านเมนต์เด้อ ห้ามลืม >,,,<