ตอนที่ 5
“รอบที่ห้าแล้ว”
ผมส่งสายตาตวัดมองมันอย่างดุๆ เมื่อมือหนาเริ่มมาลูบไล้เนื้อหนังใต้ร่มผ้า(ความจริงตอนนี้ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า)ผมอีกครั้ง ร่างสูงเปลือยไร้อาภรณ์มีเพียงผ้าห่มหนาปกปิดช่วงล่างเท่านั้น ส่วนช่วงบนก็เปิดโล่งเผยซิกแพ็คสุดเซ็กซี่นั้นสู่สายตาชาวโลก (ที่จริงในห้องก็มีแค่ผม) แอร์ในห้องเปิดอุณหภูมิต่ำถึง 19 องศาแต่ผมกลับคิดว่ามันร้อนยิ่งกว่าอะไร สาเหตุก็คงจะเป็นเพราะพวกเราพึ่งจะออกกำลังกายไปแล้วห้ารอบ
คงเข้าใจใช่ไหมว่า ‘ออกกำลังกาย’ ของพวกเรามันหมายถึงอะไร ?
นับจากวันที่เสียซิงครั้งแรกก็ผ่านมาได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ผมและไอ้เสือ(กระดากปากไม่อยากเรียกว่าพี่)ก็อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม สถานะก็ยังไม่เดิม เพื่อนก็ไม่ใช่ แฟนก็ไม่ใช่ รุ่นน้องก็ไม่ใช่ เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเจ้าของบ้านกับผู้อาศัย ไม่มีอะไรผิดแปลก จะแปลกก็ตรงที่ผมสมยอมให้มันมากกว่าเดิม ผมไม่ได้มั่วนะแต่ก็โปรดเข้าใจว่าผู้ชายมันก็มีอารมณ์ทางเพศสูงทุกคน อยู่ที่ว่าใครจะสามารถควบคุมมันได้ดีกว่ากัน
แต่ไอ้นี้ พอผมสมยอมแล้วก็ได้ใจไปกันไหญ่ เอาได้แบบไม่เลือกสถานที่ มีครั้งหนึ่งเราเคยได้กันในห้องน้ำมหา’ลัย ถามว่าตอนนั้นผมสมยอมไม่ ไม่! ผมไม่ได้ยอมมันทุกครั้งหรอกนะ แต่เพราะเสือมันมีมารยาชายมากมายมหาศาลทำให้ผมตกหลุมพรางมันทุกครั้งไป
“โอเค” ร่างสูงกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนจะผละออกไป เสือลุกขึ้นยืดตัวพิงหัวเตียง ผมมองการกระทำของมันอยู่สักครู่ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อมือหนาเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะวางโคมไฟแล้วล้วงไปหยิบม้วนบุหรี่ออกมา จุดไฟแช็กจ่อปลายบุหรี่แล้วดับมันลง นัยน์ตาคมมองมาทางผมแล้วถามความเห็นก่อน “สูบได้หรือเปล่า”
“มึงสูบด้วยหรือ”
“เวลาเครียดๆน่ะ”
ผมเม้มปากแล้วพยักหน้า เปลวไฟสีแดงฉ่าจ่อเข้าที่ม้วนบุหรี่สักพักก็เริ่มมีควันออกมา นิ้วเรียวคีบเอาไว้ วางที่ปากสูดดมเข้าปอดแล้วปล่อยควันสีขุ่นออกมา “เครียดเรื่องอะไร” ผมลองถามไป
ชีวิตของเสือมันผมก็ไม่ค่อยจะรู้จักหรอก ตอนเช้าไปส่งที่คณะพอเลิกก็มารับกลับคอนโด บางวันก็ทานข้าวนอกบ้าน บ้างวันก็ซื้อของสดมาทำ อ๋อ… ผมรู้เรื่องมันอีกอย่างหนึ่งคือนอกจากที่มันจะรวยแล้วมันยังทำอาหารเก่งมาก ตั้งแต่อาหารไทยยันไปถึงทางยุโรป ออกจะทึ่งกับความสามารถนี้นิดๆ วันเสาร์-อาทิตย์เราก็ไปเที่ยวกัน ดูหนังบ้าง เล่นเกมบ้าง จะมีสองสามวันมานี้ที่เสือคุยโทรศัพท์บ่อยขึ้นและทำสีหน้าเคร่งเครียดทุกที แต่ผมก็ไม่ได้ถามเนื่องจากไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของมัน หรืออาจจะเป็นเรื่องของการเรียนละมั้ง มันเรียนคณะแพทยศาสตร์นี่หว่า ผมก็มีเพื่อนอยู่คณะนี้เยอะพอสมควรนะ แถมแต่ละคนยังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน แต่ไม่เห็นไอ้เสือมันจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านให้ผมเห็นบ้างเลย เวลาว่างมีตั้งเยอะแต่ก็ใช้มันไปแบบเปล่าประโยชน์ (เอามาเล่นกับผมจนหมด) จะอ่านตอนกลางคืนก็คงไม่ใช่เพราะช่วงนี้เรามักจะเอ่อ… อันนั้นแหละ กันตลอด
“…” เสือไม่ตอบมันก้มลงจูบที่หน้าผากผมเบาๆ “นอน พรุ่งนี้มึงมีเรียน”
“ไม่ง่วงแล้ว”
โกหก ตาจะปิดละกูเนี่ย
มุมปากมันยกยิ้มขึ้น “เด็กเลี้ยงแกะ”
ร่างสูงเอ็ดเบาๆ ผมปิดตาลงหัวเราะหึหึในลำคอแล้วไม่ตอบอะไรอีก หลับตาลงสักพักก็รู้สึกถึงมือหนาที่กำลังลูบไล้ศีรษะผมอยู่ ผมหรี่ตาขึ้นมองเสือที่ยังคงนั่งพิงผนังเตียงเหมือนเดิม ปากมันยังคาบบุหรี่ ลมหายใจร้อนปล่อยควันสีขุ่นออกมาทุกครั้งยามหายใจออก หากแต่แววตามันกลับดูเหม่อลอยคล้ายคนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่างจนตัดโลกภายนอกออกไปโดยสิ้นเชิง
“เสือ” ผมส่งเสียงเรียกแผ่นหลังกว้างคล้ายสะดุ้งเบาๆ “เป็นไร”
“…” พอเห็นมันไม่ตอบผมเลยลุกขึ้นมาในท่านั่งก่อนจะมุดลอดแขนเข้าไปนั่งบนตักมัน ไอ้เสือหัวเราะก่อนจะยอมให้ผมนั่งแต่โดยดี แขนแกร่งมาโอบล้อมเอวบางเอาไว้ ผมเอนพิงไหล่เปล่าเปลือยของมัน นัยน์ตาเบิกโพลงเมื่อพึ่งจะมาพึงระลึกได้ว่าเราสองคนยังคงโป๊อยู่ อ่า… ท่าจะไม่ทันดูเหมือนบางสิ่งด้านล่างกำลังดันก้นผมอยู่ “มึงยั่วกู”
“เออ” ผมยอมรับแต่โดยดีขี้เกียจเถียง “สูบด้วยได้ไหม”
“อยากลองหรือไง”
ผมร้องอื้มในลำคอ ไอ้เสือกระซับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก ม้วนบุหรี่ถูกยื่นมาจ่อริมฝีปากให้ผมคาบมันเอาไว้
“ครั้งแรก อย่าดูดแรงมากนะ” เสียงแหบพร่าบอก นัยน์ตาสีครามเข้มยังคงจ้องอยู่ตลอด ผมพยักหน้าค่อยๆดูดเอายาเสพติดนั้นเข้าปอดช้าๆ วูบหนึ่งมีความรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ หัวมันโล่งไปหมด แต่พอพ่นควันออกมาก็ค่อยๆกลับสู่สภาพเดิม ความรู้สึกมึนเข้ามาแทนที่ ผมสั่นศีรษะไล่อาการมึนออก
“อือ”
“เป็นไง” มันว่า “ต่อไปห้ามสูบ”
“…” ผมไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอาการมันยังค้างอยู่ เสือคงจะรู้มันเลยจับผมให้นอนลงที่เดิม แล้วนอนคร่อมตาม ริมฝีปากนั้นมาขับเขี้ยวบนปากผมอยู่สักครู่ก่อนจะแทรกลิ้นร้อนเข้ามาด้านใน ผมเอื้อมมือล้อมรอบคอตอบกลับอย่างใจเย็น แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่เย็นด้วย เมื่ออุณหภูมิเริ่มร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง อารมณ์มันคงไม่ติดง่ายขนาดนี้ ถ้าผมไม่หลงลืมไปชั่วขณะว่าตอนนี้เราก็ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า “ไม่… พอแล้ว”
“อื้อ” เสียงมันส่งเสียงครางตอบในลำคอประมาณว่า ‘โอเค’ แต่การกระทำกลับตรงข้ามกับคำพูดลิบลับ
“พอแล้ว… ไม่เอา พี่เสือไม่เอา” คำสรรนามที่ผมไม่เคยใช้เรียกมันดังขึ้น นัยน์ตาคมตวัดสายตามองขึ้นมาทีหนึ่งก่อนมาจะขโมยจุ๊บผมไปเหมือนเคยแล้วผละออก มันล้มลงนอนตรงข้าม จัดการเอาขามาพาดและกอดผมไว้แบบหลวมๆ เสียงทุ้มเอ่ย
“ชอบว่ะ”
ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รอมันพูดต่อ
“เรียกบ่อยๆ”
ก่อนจะอมยิ้มแล้วหลับไปจนกระทั้งรุ่งเช้า…
Lamborghini Aventadorเลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณคณะนิเทศศาสตร์ ผมโค้งตัวเอื้อมไปเอาหนังสือด้านหลังรถใส่กระเป๋าสะพาย พลางเหล่มองไอ้เสือไปด้วยตอนนี้มันอยู่ในชุดของนักศึกษาแพทย์ที่มองปราดเดียวก็รู้เลยว่าใส่มาแบบ ‘ผิดระเบียบ’ เสื้อเชิ้ตสีขาวหลุดลุ่ยออกมาด้านนอก กระดุมจงใจไม่ติด 2 เม็ด ปากยังคาบบุหรี่ ไม่รู้จะเครียดอะไรกันนักกันหนา เห็นเมื่อเช้าก็พึ่งสูบไปม้วนหนึ่งแล้วจนผมเริ่มนึกหวั่นๆว่ามันจะเป็นโรคถุงลมโป่งพอง
“ไปแล้วนะ” ผมหันไปบอกมัน เสือพยักหน้าแล้วโน้มลงมาหอมแก้มผมอย่างเคย ทันทีที่ผมเปิดประตูออกนักศึกษาหลายคนที่กำลังมองอยู่ก็หลบสายตาลงไปทันที แม้จะไม่ได้เข้ามาถามแต่คงอยากรู้อยากเห็นมากว่าเจ้าของรถคันนี้เป็นใคร (ไอ้เสือติดฟิล์มทึบมากมองข้างนอกไม่เห็นหน้าเลย) หรืออาจจะรู้ก็ได้ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก
รอจนเสือมันขับรถออกไปจึงเดินขึ้นตึก ทันทีที่ขึ้นผมก็สังเกตถึงความผิดปรกติได้ว่าเพื่อนนักศึกษากำลังจ้องผมแปลกๆ หวั่นใจอยู่ไม่นานก็โดนฝ่ามืออรหันต์ของไอ้กิ้งตบมาที่หลังดัง
เพี๊ยะ!
“เจ็บสัส” หันไปแขวะมันเบาๆ ไอ้กิ้งทำหน้าเหยเกเล็กน้อย
“จะให้กูถนอมมึงเหมือนพี่เสือของมึงหรือไง”
“บ้าหรือไง” ผมพูดติดตลก
“ไม่บ้าแหละมึง ไม่เห็นหรือว่าคนอื่นเขามองมึงแปลกๆ ตั้งแต่ที่โรงอาหารแล้ว 2 อาทิตย์ก่อนก็ยังมาส่ง วันนี้ก็ด้วย พวกกูสงสัยอยู่ตั้งนานว่าเจ้าของ Lamborghini ที่มาส่งมึงเป็นใคร ขนาดตั้งกลุ่มเป็นสายลับเลยนะมึง” ไอ้กิ้งพูดจริงจังขณะที่มันกำลังตะไบเล็กตัวเองไปด้วย
“แล้วรู้หรือไง”
“พึ่งรู้วันนี้” มันหยุดพูดกางมือสำรวจเล็บแล้วว่าต่อ “มึงเปิดประตูออกนานไปคนเลยถ่ายรูปพี่เสือบนรถมาไว้ได้ ถ่ายปุ๊บแชร์ลงกลุ่มปั๊บ ข่าวว่อนค่ะดีออก แถมวันที่โรงอาหารพี่เสือยังประกาศว่ามึงเป็นเมียเป็นการเสริมมึงอีก วันนี้ก็มาส่ง ขนาดผู้หญิงที่พี่เขาเคยเล่นๆด้วยยังไม่ทำขนาดนี้เลยนะมึง”
“แล้ว ?” ผมเลิกคิ้วขึ้นมันเกี่ยวอะไรกับกู
“พวกกูเลยสันนิษฐานว่ามึงเป็นตัวจริง พอเท่านั้นแหละค่าชะนีถอนหายใจเพรียบ โหยก็พี่เขาทั้งหล่อทั้งรวยซะขนาดนั้น” มันส่ายหัวเหลือกตาขึ้นประกอบท่าทางเสียดาย ผมหัวเราะคิกคิกในลำคอตั้งใจจะบอกคำจริงแต่ดันมาถึงห้องซะก่อน หญิงและชายหลายคนมองพวกเราสองคนเหมือนตัวประหลาดตอนเปิดประตูเข้าไป ผมยิ้มรับทุกคนจึงหันกลับไปคุยกันต่อ แต่ก็ยังไม่วายมีขาเม้าท์เรื่องของผมอยู่ดี
‘ตัวจริงพี่เสือหรือแก’
‘เสียดายพี่เขาอ่ะแก หล่อโคตร’
‘ธามมันก็หน้าตาดีนะแก ก็ดูเหมาะสมกันดี’
‘ฉันว่าคู่ควงคนก่อนเหมาะสมกว่า’
‘แต่คนนี้มาถึงเลยนะแก ได้ข่าวว่าพี่เสือให้ไปอยู่คอนโดเดียวกันด้วย คนก่อนนี้ท่าจะเอาไว้แค่นอนร่วมเตียง’
ข่าวมันก็มีทั้งด้านดีและด้านร้ายผมไม่ได้ใส่ใจกับผมมาก จนอาจารย์เดินเข้ามาตั้งใจเรียนอยู่สักพักจึงฟุ๊บหน้าลงบนโต๊ะเอาหนังสือบังเพราะความง่วงเข้าครอบงำจนจบชั่วโมง…
วันนี้ผมเลิกเร็วกว่าเดิมสองชั่วโมง ปกติเสือมันจะมารับผมเวลาเดิมตลอด ถ้าโทรไปตอนนี้มันก็คงจะเรียนอยู่ผมเลยตั้งใจจะไปกินคาเฟ่เป็นเพื่อนไอ้กิ้งมัน เห็นมันบ่นว่าอยากกินมาตั้งนานแล้วด้วย
“สรุปไปกินกับกูนะ” มันทวนอีกที
“เออ ไปๆ”
“ผัวมึงจะไม่ว่าหรือวะ”
“ว่าอะไรก็ยังไม่ได้…” ผมพูดติดตลกขณะกำลังเก็บหนังสือใส่กระเป๋า ยังไม่ทันจบคำเสียงหวานก็เอ่ยถามตัดขึ้นมาก่อน
“ธามเป็นแฟนพี่เสือหรือ”
ทุกคนที่ยังเหลือในห้องมองมาทางผมทันที ผมเงยหน้าสบสายตากับผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งที่น่าจะเป็นเจ้าของเสียง ใบหน้าน่ารัก ผิวพรรณดี ผมยาวสลวยแต่งกายถูกระเบียบ เธอคงจะเป็นที่ชื่นชอบของพวกผู้ชายหลายคน (สเปคผมด้วยนะ) ถ้าไม่ติดตรงตามีน้ำคลอที่เหมือนจะร้องไห้ออกมาทันทีหากผมตอบคำถามไม่เป็นดั่งใจเธอ เธอชื่อ ‘มันตา’ ผมจำเธอได้เพราะเธอเป็นจุดเด่นมากที่สุดตอนงานรับน้อง ทั้งนิสัยดีและหน้าตาก็ดี (เขาว่ากันแบบนั้นนะ)
“เอ่อ…” ผมอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี ตัวเองยังไม่รู้สถานะเลยด้วยซ้ำเลยไม่กล้าเดาส่งเดช ครึ่งหนึ่งผมเริ่มจะชอบมันไปแล้วแต่ไม่รู้ว่ามันจะคิดแบบผมหรือเปล่า ก็เลยได้แต่นั่งเกาหัวแกรกๆจนไอ้กิ้งขัดขึ้นมา
“แล้วหล่อนอยากจะรู้ไปทำไมยะ”
“ร…เรา”
“เรื่องของตัวเองก็ไม่ใช่”
“มะ… มีคนฝากถาม”
“เสือก” มันว่าออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย จนใบหน้าของมันตาซีดไปนิด คนทั้งห้องเหมือนจะอึ้งไปตามๆกันแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ไอ้กิ้งมันเป็นคนพูดตรงๆแต่มันนิสัยดีและอัธยาศัยดี มีเพื่อนอยู่ทั่วมหา’ลัย ใครรู้จักจะรู้ว่ามันเป็นคนดี แต่ตั้งแต่ที่ผมอยู่กับมันมายังไม่เคยเห็นกิ้งพูดแบบนี้เลยสักครั้ง
“ปะไปได้แล้วมึง” กิ้งละสายตาจากมันตาก่อนจะฉุดผมให้ลุกขึ้นแล้วลากออกจากห้อง
“แรงไปไหมวะ เขาแค่ถาม…”
“มันจะแย่งของมึง” กิ้งพูดตัดขึ้นมา
“ห้ะ”
“ภายนอกมันก็ดูดีเลยมีแต่คนชมมัน”
“…”
“สันดานทำไมจะไม่รู้ มันแย่งแฟนเพื่อนกูไปหลายคนแล้วด้วยหน้าใสๆของมันนั้นแหละทำให้คนอื่นเห็นใจ”
“…”
“แล้วฝ่ายที่โดนว่าร้ายก็เป็นฝ่ายที่ถูกแย่ง”
“…”
“มันถามมึงแสดงว่ามันสนใจพี่เสือ”
“…”
“มึงระวังเอาไว้ให้ดีละ”
“…”
“อีนี่มันแรดเงียบ”
ไอ้กิ้งไม่ได้พูดต่อ ผมก็ไม่ได้พูด เลยเดินเงียบไปจนถึงร้านคาเฟ่สั่งไอติมมาทานแต่บรรยากาศกลับกล่อยอย่างเห็นได้ชัด ไอ้กิ้งหน้านิ่งเล่นโทรศัพท์เหลือบตามองผมเป็นระยะ แล้วพิมพ์อะไรไม่รู้ของมันได้ยินแต่เสียงแชทไลน์เด้งเบาๆ นานก่อนมันจะยิ้มหึตรงมุมปาก ที่ผมคาดว่ามันคงจะเป็น
เรื่องอะไรสักอย่างเกี่ยวกับผม เสือและ …มันตา
การกินไอติมถ้วยเล็กๆเสียเวลาไปน้อยกว่าที่ผมคิด ตอนนี้ไอ้กิ้งมันอารมณ์ดีแล้วแต่สายยังคงจับจ้องอยู่ที่โทรศัพท์ ผมยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงในการรอไอ้เสือเลิกเรียน เราสองคนจึงเลือกมานั่งเล่นที่ใต้ร่มไม้เพราะไอ้กิ้งมันก็รอเมฆมารับเหมือนกัน
“ศรนารายณ์ครูวานเธอหน่อยสิ” อาจารย์คนคุ้นหน้าเดินมาทางผมในมือถือกองเอกสารอยู่กองหนึ่ง ส่วนศรนารายณ์คือชื่อจริงผมเองครับ “ช่วยเอาเอกสารนี้ไปให้อาจารย์ศักดินัยที่คณะแพทยศาสตร์หน่อย”
“ครับได้ครับ” ผมตอบรับก่อนจะยื่นมือไปรับกองเอกสารมาพลางคิดในใจว่าหนักเชี้ย หมดธุระกับผมแล้วคุณท่านก็เดินไปอย่างไม่ใยดี ไอ้กิ้งที่นั่งทำตากะพริบอยู่ตั้งนานจึงพูดขึ้น
“มึงมีรถหรือ คณะแพทยศาสตร์อยู่คนละโยดเลยนะมึง”
ผมเบิกตาโพลง“เออว่ะ”
“โง่เอ๊ย”
“แล้วกูจะไปยังไงวะ”
“เดินดิสัส”
“มึงจะไปเป็นเพื่อนกูหรือ”
“เออ”
จบคำมันก็นำลิ่วๆไป ผมเดินตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไกลก็ไกลหนักก็หนัก กว่าจะมาถึงคณะแพทยศาสตร์งี้กูแทบจะเป็นลม ตึกสูงใหญ่กว่าตึกคณะผมถึงสองเท่าตั้งเด่นตระง่าอยู่ตรงหน้า ตัวอักษรใหญ่สีขาวเขียนเอาไว้ตัวโตว่า ‘คณะแพทยศาสตร์’ คณะรวมคนเก่งโคตรพ่อโคตรแม่ เก่งบรรลัย ไอ้กิ้งพาผมมานั่งพักใต้ตึกมันเดินไปซื้อน้ำสองขวดแล้วเผื่อแผ่มาให้ผมขวดหนึ่ง
“ร้อนเหี้ยยยยย” ผมว่าพลางเทน้ำที่เหลือใส่หน้า
“บ่นๆ เดินแค่นี้ทำเป็นสำออยกูเป็นกระเทยกูยังไม่บ่น”
“ดูหุ่นมึงด้วยดิสัส” หุ่นไอ้กิ้งเหมือนผู้ชายทั่วไปออกจะใหญ่กว่าด้วยซ้ำ
“ย่ะ!” มันสะบัดหน้าหนีทำงอน เหอะๆ กูไม่ง้อมึงหรอก ผมนั่งพักอยู่ประมาณสิบนาทีจึงลุกขึ้น แต่ปัญหาก็เกิดอีกครั้งเพราะดันเสือกไม่รู้ว่าอาจารย์ศักดินัยอะไรนี้สอนอยู่ที่ไหน ข้อมูลที่ได้มาก็มีแค่คณะแพทยศาสตร์นี้หว่า ผมนั่งเกาหัวแกรกๆมองหน้าไอ้กิ้งมันเดิม มันกระฟัดกระเฟียดกำลังจะบ่นก็มีเสียงทุ้มขัดขึ้นมาก่อน
“อ้าวธาม…”บุรุษปริศนาผู้นี้คือเพื่อนร่วมห้องสมัยมัธยมของผมเอง “มาได้ไงวะ” ร่างสูงถาม มันชื่อธัญ ผมจำมันได้เพราะเคยอาศัยการบ้านยามเช้าของมันมาคอปปี้อยู่หลายครั้งหลายครา ประเด็นคือมันเก่งแถมหล่อด้วยแหละ
“เอาเอกสารมาให้อาจารย์ศักดินัย”
ไอ้ธัญพยักหน้ารับรู้
“แต่คือกูไม่รู้ว่าอาจารย์เขาสอนห้องไหนไง”
“อ๋อ” มันลากเสียงยาว “มาดิเดี๋ยวกูพาไป”
ผมหอบเอกสารยื่นหันอีกครั้ง หันหน้าไปมองไอ้กิ้งประมาณว่ามึงจะไปด้วยไหม แต่ไอ้กิ้งกลับส่ายหน้ารัวๆ ผมพยักหน้ารับไม่ว่าอะไรต่อ
“เป็นไงบ้างวะไม่เจอกันนาน”
“ก็ดี ปีหนึ่งมันไม่ค่อยมีอะไรมาก โคตรว่างอ่ะมึง” ไอ้ธัญ้ตอบส่วนผมขมวดคิ้วสงสัยทันที
“อ้าว เรียนแพทยศาสตร์ไม่หนักหรือวะ”
“ก็หนักแต่ไม่มากเพราะอยู่ปีหนึ่งไง หนักสุดช่วงพี่ปี 3 ขึ้นไปนู้น”
“ทีไอ้เสือมันเรียนมันยังเหมือนชิวๆอยู่เลย” ประโยคนี้ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่สงสัยไอ้คนที่เดินข้างๆมันจะหูดี ไอ้ธัญหันหน้ามามองผมแบบแปลกๆ คล้ายคนกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง
“กูว่าจะถามมานานแล้ว…”
“หือม์”
“มึงกับพี่เสือ”
“…”
“คบกันหรือวะ ?”
…
จบประโยค บริเวณนั้นก็เหมือนจะเงียบลงแบบดื้อๆ ไอ้ธัญมันหยุดเดินแล้วหันหน้ามามองผมแบบจริงจัง ผมก้มหน้าลง รู้สึกถึงแรงสั่นของไหล่ตัวเองก่อนจะ
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ขำกลิ้ง ขำจนจุกที่ท้องไปหมด ไอ้ธัญหน้าเสียมันเกาหัวตัวเอง ทำหน้าไม่เข้าใจอย่างรุนแรง
“ขำเหี้ยไรวะ มึงตอบกูมาก่อนดิ”
“ป…เปล่า” ผมหายใจแรง ยกมือเบรกเพราะจุกที่ท้อง ยืนขึ้นแล้วเงยหน้าถามมันกลับ
“มึงรู้ไหมว่าวันนี้มีคนถามประโยคนี้กับกูมาหนึ่งคนแล้ว มึงเป็นคนที่สอง”
“กูจะรู้ไหม มึงตอบกูมาดิ”
“กะ… ก็เปล่ายังไม่ได้คบกันหรอก” ผมบอกไปตามความจริง “แต่ก็ไม่แน่นะ”
“สรุปยังไงวะ”
“ก็ยังไม่ได้คบกันไง”
“เฮ้ย! แต่ที่คณะกูพี่เขาทำท่าหวงมึงมากเลยนะเว้ย”
ผมขมวดคิ้วยืนงง “ยังไงอ่ะ”
“ก็แบบ…”
“ตี้” ไอ้ธัญยังพูดไม่จบเสียงมันก็โดนขัดขึ้นมาอีก สรรพนามตี้ที่ใช้เรียกผมก็คงจะมีคนเดียว ไอ้เสือนั้นแหละครับ ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเงียบ ในมือมันถือหนังสืออยู่คาดว่าพึ่งจะเลิกพอดี มือหนามาฉุดแขนผมไปอยู่ข้างมันแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ทำไมมาที่นี้”
“อ๋อ เอาเอกสารมันให้อาจารย์ศักดินัย”
มันปรายตามองแล้วฉกฉวยเอาเอกสารกองใหญ่ไปใส่ไว้ในมือของไอ้ธัญที่ยังทำหน้างง “กูฝาก” มันว่า
ไอ้ธัญพยักหน้ารับบอกครับๆก่อนจะเดินหลีกออกไปทันที ผมชะโงกหน้ามองตามหลังมันจนสุดสายตาก่อนจะโดนมือหนาบีบปลายคางให้กลับมามองหน้าไอ้เสือ “เจ็บเสือเจ็บ”
“เลิกนานแล้วหรือ ทำไมไม่โทรบอก”
“นานแล้ว 2 ชั่วโมงก่อน กูกลัวมึงเรียนอยู่ไง”
“กูจะให้คนไปรับมึงแทน”
“ยุ่งยากเปล่าๆน่า” ผมเบะปากจะประคบประงมอะไรนักหนาแค่นี้ก็สบายจนไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว “หิว วันนี้กินข้าวนอกบ้านนะ ไปกินอาหารญี่ปุ่นกัน”
เสือไม่พูดแต่พยักหน้าเป็นการตอบรับ มันก้มลงจูบหน้าผากผมทีหนึ่ง
“พอมีเมียนี้อ่อนโยนขึ้นเยอะเลยนะมึง” เสียงแหลมๆดังขึ้นผมผลักไอ้เสือออกทันที เจ้าของเสียงเป็นผู้ชายรูปร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาแบบอันตราย ดิบๆเถื่อนๆทำให้ใจสั่นหวั่นผวาชอบกล ด้านหลังมีพี่พังค์ยืนอยู่
“สวัสดีครับ” ผมไหว้พี่เขาแทบไม่ทัน คาดว่าพี่คนนี้คงจะเป็นพี่บอลหนึ่งในแก็งของเสือ
“หวัดดีไอ้น้อง” พี่บอลรับไหว้ถือวิสาสะพาดแขนลงบนไหล่แล้วดึงตัวผมให้ไปใกล้พี่เขาด้วย ไอ้เสือทำหน้าไม่พอใจแต่ไม่พูดอะไรตามสไตล์มัน เห็นดังนั้นคราวนี้พี่เขาจึงเลื่อนมือลงไปที่เอวผมแล้วตะโกนเสียงดัง “เชี้ย! หุ่นโคตรเอ็กซ์เลยสัส”
…ไอ้เสือจับผมออกมาแทบไม่ทัน
“โอ๊ะโอ ห่วงขนาดนี้เลยหรือวะ คู่ควงมันก่อนมึงยังให้กูใช้ด้วยอยู่เลย”
คราวนี้เป็นผมที่ส่งสายตาไปมองมันแบบดุๆ หมายความว่ายังไงห้ะเสือ!!!!
“พวกมึงสองคนพอเลย น้องธามกูโกรธแล้วเห็นไหม” พี่พังค์เป็นคนหยุดสถานการณ์ มือหนาลากผมออกมาจากตรงกลางไอ้เสือและพี่บอล
“นั้นแค่คู่ควง” เสือเริ่มพูดต่อ
“แล้วนี้แค่อะไร” พี่บอลชี้นิ้วมาทางผม
“อันนี้เมีย”
ไอ้เสือตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง บรรยากาศเงียบไป พี่แกทำหน้าตกใจอยู่นานแล้วร้องขึ้น “เหยด ท่าจะจริงจังจริงๆวะคนนี้”
“เออ”
…เชี่ย กูเขิน
ผมเม้มปากพยายามยิ้มในใจแต่เหมือนจะปกปิดเอาไว้ไม่อยู่ “ยิ้มเลยน้องกู”
“มานี้มะ” ไอ้เสือกวักมือเรียกผมเข้าไปหาแล้วรวบตัวผมเข้าไปกอดแน่นๆ มันเลียที่ติ่งหูผมเบาๆแต่เสียววาบลงไปถึงไข่ เราสองคนบอกลาพี่บอลและพี่พังค์ (เอาจริงๆผมเป็นคนพูดเสือมันเงียบ) แล้วขอแยกตัวออกมาก่อนเพราะกะเพราะน้อยๆของผมเริ่มดังโครกครากไม่หยุด คือหิวไง
เห็นดังนั้นเสือมันเลยเบิ่งรถออกจากมหา’ลัยถึงห้างสรรพค้าชื่อดังโดยใช้เวลาเพียงสิบนาที ตอนแรกผมว่าจะทานอาหารญี่ปุ่นแต่คิดไปคิดมาแล้วไม่ดีกว่า เลยเดินจูงมือมันมองหาร้านน่ากินในห้างไปเรื่อยๆก่อนจะสะดุดตาเข้ากับคาเฟ่บรรยากาศน่ารักๆร้านหนึ่ง อารมณ์อยากกินของหวานก็พุ่งพรวดขึ้นมาทันที ทั้งๆที่พึ่งกินไปหยกๆกับไอ้กิ้ง ผมจะจูงมือเสือเดินไปแต่มันมองผมตาขวางประมาณว่า ‘ห้ามไปนะมึง’
“อยากกินอ่ะ” ผมมองมันตาแป๋วหวังว่ามันจะใจอ่อนลงบ้าง
“กินข้าวก่อน แล้วค่อยกินของหวาน”
“แต่ว่า…”
กูอยากกินของหวานก่อนนี่
“ท้องร้องเสียงดังแล้ว”
ผมเบะปากพยักหน้าตกลงขี้เกียจเถียง ก่อนจะโดนลากไปยังร้านสเต็กซ์ราคาแพงหูฉี่ร้านหนึ่ง มองราคาบนรายการอาหารกูก็แดกไม่ลงแล้ว เสือเลิกคิ้วเห็นผมไม่สั่งมันเลยจัดการสั่งให้ซะเลย พออาหารมาปุ๊บผมนี้ก็รีบสวาปามให้หมดทันที (อยากไปคาเฟ่มาก) ไอ้เสือมันเหลือบมองแล้วหัวเราะเบาๆในลำคอเหมือนกลัวผมได้ยิน แต่ขอโทษเถอะ แหม… คิดว่าไม่เห็นหรือไง!!
“เสือเร็ว”
“อยากขนาดนั้น”
“มาก”
“งั้นไปก่อนไป”
ผมยังไม่ได้ตอบเท้าก็ใช้สกิลโก่ยสุดตีนมายังร้านจุดหมาย สองมือผลักประตูบ้านเล็กเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง พี่พนักงานผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเดินมาต้อนรับ ผมชูสองนิ้วเป็นอันเข้าใจว่าสองที่นั่ง ร่างสูงผายมือไปยังมุมเล็กแต่เป็นส่วนตัว เรียบง่ายและดูคลาสสิกดี ผมยิ้มรับเดินไปวางของไว้บนโต๊ะแล้วไปสั่งเค้กที่หน้าเคาน์เตอร์แทนที่จะให้พนักงานมาบริการ สาเหตุคือกูอยากกินมากเลยตอนนี้ ผมยืนจิ้มรายการชนิดที่ว่าพนักงานเขียนไม่ทัน ไม่สนด้วยว่าราคาเท่านั้นเพราะไม่ได้จ่ายเอง (ว่ะฮะฮะ) ไม่ลืมสั่งน้ำเพื่อไอ้เสือด้วยคิดว่ามันคงไม่กินเค้กแน่ๆ
พอพี่หน้าเคาน์เตอร์ทวนรายการที่สั่ง ร่างสูงก็เปิดประตูร้านเข้ามาพอดี ออร่าความหล่อก็มันพุ่งกระจายจนคนทั้งร้านหันไปมองมันประหนึ่งเป็นจุดรวมสายตา ผมเห็นผู้หญิงหลายคนแอบกรี๊ดเบาๆส่วนผู้ชายก็ทำหน้าหมั่นไส้ใส่ เสือมันไม่สนใจตรงเดินดิ่งมาทางผม ก้มลงมองบิลแล้วเลิกคิ้วขึ้นคล้ายแปลกใจ
“กินหมด ?”
ไม่แปลกที่จะถาม เพราะผมสั่งแบบเหมาทุกเมนูของทั้งร้าน
“ไม่หมดก็ห่อไง”
“หึ!” มือหนามาขยี้ผมของผมไปมาก่อนจะรวบเอวเดินไปรอเค้กที่ที่นั่ง เสือมันให้ผมนั่งอยู่ข้างเดียวกับมันแถมยังเบียดเข้ามาจนผมจะไปนั่งเกยบนตักแกร่งนั้นอยู่ละ ผมหยิกที่แขนมันไปแรงๆทีหนึ่งแต่กลับไม่สะทกสะท้าน ผมรอเค้กอยู่นานเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรทำจึงหยิบโทรศัพท์หรูขึ้นมาเล่นเกมเพื่อฆ่าเวลา แต่โทษเกมที่มันมันส์ไปหน่อย พอเค้กมาแล้วผมก็เมินเฉยต่อมันไปทันทีเพราะติดทำภารกิจในเกมอยู่
“สั่งมาทำไมไม่กิน”
“ติดภารกิจอยู่ เสือป้อนหน่อย”
ปากว่าตาจ้องอยู่ที่โทรศัพท์ เสือมันก็ไม่ว่าอะไรมือหนายกถ้วยเค้กขึ้นมาตักพอดีคำแล้วจ่อปากผม ผมอ้าปากรับทันที รสชาติหวานละมุนติดปลายลิ้นมีกลิ่นใบเตยอ่อนๆ คาดว่าจะเป็นเค้กใบเตยละมั้ง เล่นไปกินไปจนภารกิจสำเร็จลุล่วงผมจึงกดออกจากแอพ เอนหัวซบไหล่กว้างกดเข้าแอพอื่นเล่นไปเรื่อยๆ
“อือ อิ่มแล้ว”
“เอาอันนี้ให้หมด จะหมดแล้ว”
“อือไม่ อิ่มแล้ว”
ผมส่ายหน้าตายังมองโทรศัพท์แต่ที่บอกว่าอิ่มคือเรื่องจริงนะครับ เสือละความพยายามที่จะบังคับให้ผมกินต่อ มันถามว่าอิ่มแล้วหรือยังเมื่อผมพยักหน้าไม่พูดอะไรจึงเดินไปจ่ายที่เคาน์เตอร์พร้อมบอกให้เขาห่อกลับบ้านให้หน่อย ผมชะโงกคอมองรู้สึกปวดฉี่หน่อยๆ
“เสือ ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
“ครับ”
ได้รับการอนุญาตแล้วจึงเดินออกจากร้าน แต่มือยังเล่นโทรศัพท์เหมือนเดิม เหลือบมองทางกันไม่ให้ชนคนอื่นจนมาถึงห้องน้ำ แล้ว…
ตุบ!
“โอ๊ย ขอโทษครับ” ผมร้องเจ็บและก้มหัวขอโทษเล็กน้อยเมื่อดันเดินไปชนคนอื่นจนได้ ผมก้มจนรู้สึกว่าเขาเดินผ่านไปแล้วจึงค่อยผงกหน้าขึ้นมา ทันใดนั้นความรู้สึกคุ้นเหมือนเคยเจอกันที่ไหนก็ประดังเข้ามาจนผมต้องเหลียวหลังกลับไปมองดู
เขาเป็นผู้ชายร่างสูง ใส่เสื้อแจ็กเกต กางเกงยีนส์ รูปร่างดีแค่มองด้านหลังยังรู้เลยว่าด้านหน้าต้องหล่อ
แต่ว่า… แผ่นหลังแบบนั้น
เหมือนไอ้เสือชะมัดเลย
“ตี้”
“…”
“ตี้”
“…”
“ตี้ครับ”
“อ๊ะ”ผมสะดุ้งเฮือกจากแรงกอด กระพริบตาแล้วหมุนหน้าไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ห่างกันแค่คืบ
“เหม่ออะไร”
“อ๋อ ป…เปล่า” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้เราออกจากห้างมาถึงคอนโดแล้วครับแต่ผมก็ยังไม่หายสงสัยอยู่ดีอ่ะ
“อาบน้ำได้แล้ว” เสือว่า “ดึกแล้ว”
“อือ” ผมพยักหน้า ถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปเพื่อไปอาบน้ำแต่โดนจับตัวเอาไว้ก่อน “ปล่อยดิ”
ร่างสูงไม่ตอบ ลิ้นร้อนก้มเลียไปตามคอจนผมหน้าร้อนวูบวาบ
“วันนี้ขอนะ…”
“ไม่!”ผมปฏิเสธอย่างรู้ทัน “หลายวันแล้ว วันนี้งด ง่วงมาก”
“นิดเดียว”
“คราวก่อนก็ว่าแบบนี้” แล้วมึงก็ล่อไปห้าครั้งไง “ไม่เอา งดนะ”
เสือถอนหายใจ มันกัดปากเหมือนอดทนพูด “ครับ ก็ได้”
ผมหัวเราะหึในลำคอก่อนจะเดินจากมันมาอาบน้ำ น้ำเย็นๆช่วยคลายความขี้สงสัยของผมไปพักหนึ่ง ก่อนจะรีบอาบน้ำใส่เสื้อผ้าให้เสร็จเพราะไอ้เสือตะโกนเข้ามาว่ารีบอาบเดี๋ยวเป็นหวัด หลังจากนั้นผมก็นอนเล่นโทรศัพท์ รอเสือมันอาบน้ำเสร็จจะได้นอนพร้อมกัน จนมือนานปิดไฟแล้วผลักผมให้นอนลงไปกับเตียง
“นอนได้แล้ว ดึกแล้ว”
มันผลักผมลงแต่ตัวเองเอาหัวพิงผนังจะสูบบุหรี่อีกแล้ว
ผมบรือตาที่ว่าง่วงนะคือความจริง
“เสือ”
“หือม์”
“ที่ห้าง วันนี้มึงได้ไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่า” ยังไงก็คงไม่ใช่แต่ขอให้กูได้ถามเถอะ
ถึงจะมืดแต่ผมเห็นคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแบบมัวๆเพราะตากำลังจะปิดแล้ว
“ไม่นี่”
“หรือ”
“…”
“วันนี้กูเห็นคนที่เหมือนมึงมากเลย”
“…”
“แค่มองด้านหลังเองนะ แต่โคตรเหมือน”
“…”
“ไม่ใช่ก็ดีแล้ว”
ผมว่าก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไป
ตี้หลับไปแล้ว
นัยน์ตาสีครามเข้มมองร่างเล็กในความมืด มือหนาจับผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เข้าที่ ก่อนจะสูบบุหรี่ต่อพลางใช้ความคิดกับตนเองอย่างหนักมากกว่าทุกที
กลับมาแล้วสินะ
คนๆนั้น
อย่าลืมติดแท็ค เสือธามเมียหมอ
ในทวิตเตอร์นะคะ อย่าลืมไปกดไลค์เพจด้วยนะคะ