"นั่นลูกค้ามาพอดีเลย"
ข้ารีบวิ่งไปรับลูกค้าที่คาดว่าน่าจะเป็นคุณชายเพราะรูปร่างสูงใหญ่ อาจเป็นบัณฑิตสักคนที่ต้องการปกปิดตัวตนจึงใส่หมวกสานปิดบังใบหน้า เขาทำเพียงหันมองนิดๆเท่านั้นหลังจากที่ข้าเข้าไปทักทาย ข้าเลิกสนใจและเริ่มการไต่ถามถึงสิ่งที่เขาต้องการตามแบบที่ชิงชิงทำทันที
"ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะไม่ทราบว่าคุณชายท่านนี้ ต้องการผ้าแบบใดเจ้าคะ" เสียงใสเอ่ยถามชายหนุ่มใต้หมวกไม้ไผ่
"...."
ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างสูงตรงหน้า มีเพียงหางตาชั่วครู่เท่านั้น
"ร้านผ้าฉิงเฟิง ของเรามีทั้งผ้าสีไร้ลาย แลผ้าปักลายที่ได้รับความนิยม ทั้งยังรับปักผ้าหรือชุดสำหรับท่านที่ไม่ต้องการปักเองหรือหาร้านปักไม่ด้หลังจากซื้อผ้าจากทางร้านแล้ว สามารถจัดส่งให้ท่านที่จว.."
ยังเอ่ยไม่จบก็ต้องยืนนิ่งตาค้างมองแผ่นหลังที่หันเดินออกจากร้านไปโดยไม่เอ่ยอะไร แม้แต่หันมองข้าได้แต่ยืนอึ้งอ้าปากค้างจนชิงชิงต้องเข้ามาสะกิดจึงได้สติ
"คุณหนู ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ คุณชายท่านนั้นมารยาทแย่ยิ่งนักเหตุมดจึงเมินกันซึ่งหน้าเช่นนี้"
"ข้าไม่ได้เข้าใกล้เขาเกินไปนะ ไม่ได้ทำหน้าแปลกๆด้วย หรือข้าจะนำเสนอมากเกิน" ใบหน้าสดใสหมองลงทันทีที่ถูกปฏิเสธจากลูกค้าคนแรก
"อย่าใส่ใจเลยเจ้าค่ะลูกค้าที่ไร้มารยาทมีมากมายส่วนใหญ่มักมาก่อกวนให้เสียการมากกว่า"
"ใช่เจ้าค่ะ ซานเหนียงกล่าวถูกแล้ว คุณหนูมาใส่ใจลูกค้าท่านต่อไปดีกว่าเจ้าค่ะ"
"เห้ออ ขอให้อย่าเจอกันอีกเลย"
"ลูกค้ามาแล้ว" เสียงเนิบๆของซานเหนียงทำให้ข้าหูผึ่ง รีบหันไปรับลูกค้าทันที
กลางยามเซิน (16:00)
หลังจากฝึกรับลูกค้าจนสามารถพูดชักชวนได้คล่องขึ้นทั้งนายบ่าว เป็นที่พอใจของซานเหนียงเป็นอย่างมาก คนบอกยามบอกเวลายามเซินมาสักหน่อยนางจึงปล่อยพวกข้าจากการฝึก เล่นเอาต้องขอน้ำดื่มและนั่งพักกันยกใหญ่ เพราะลูกค้าในช่วงเย็นที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งแล้วนั้นมีมาอุดหนุนกันเรื่อยๆเล่นเอาแทบไม่ได้นั่งพักกันเลยทีเดียว ดีที่มีคนมาช่วยรับหน้าบ้างในคราที่ไม่ไหวต้องพักจริงๆ นั่งพักจนท้องฟ้าเริ่มหม่นลงอีกครั้ง คนขับรถม้าก็เข้ามา เขาตกใจดล็กน้อยที่เรามีสีหน้าเหนื่อยอ่อนและผมที่กระเซิงหน่อยจากการหันซ้ายทีขวาที แต่ดีที่ยังรู้ว่าอะไรควรไม่ควรมิได้เอ่ยถามตามใจคิด เพียงนำเราไปที่รถม้าอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่จะได้ขึ้นรถม้าชิงชิงก็ขอตัวก่อน ข้าเห็นนางเดินไปหาเสี่ยวเอ้อของโรงเตี้ยมหอสวรรค์คนเดิมเขาหันมาคำนับให้จึงยิ้มน้อยๆเป็นการทักทาย เห็นชิงชิงพยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบวิ่งกลับมาส่วนเสี่ยวเอ้อคนนั้นก็เดินจากไป
"มีอะไรกัน นี่เจ้าสนิทกับเขาขนาดนั้นเลยรึเนี่ยข้าไม่เห็นรู้เลย"
"/// บ่าวแค่คุยกันแลกเปลี่ยนข้อมูลนิดหน่อยเท่านั้นเจ้าค่ะ"
"แล้วข้อมูลที่ว่านี่คืออะไรรึ ข้ารู้ได้หรือไม่"
กล่าวล้อเลียนใบหน้าแดงน้อยๆของนางจนเริ่มจะบิดตัวไปมาก่อนทำท่านึกขึ้นได้ก็สะบัดศีรษะแล้วทำหน้าจริงจังพูดกับข้า
"เขากล่าวว่าคุณหนูเซียนเออร์ชวนท่านไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันที่โรงเตี้ยมเจ้าค่ะ"
"นี่นางว่างมากเลยสินะ ถึงได้ส่งคนมาชวนข้าอยู่ได้แทบทุกวัน"
"จะไม่ไปรึเจ้าคะ"
"ไป" แล้วข้าก็หันหลังเดินขึ้นรถม้าทิ้งชิงชิงไว้ด้านหลังให้นางตามขึ้นมาข้าก็ทำทีเป็นหลับทันที ถึงแม้จะบ่นไปแต่ใจก็อยากเจอพวกเพื่อนฝูงอยู่ดีนั่นแหละ
"ว่าแต่ นางชวนข้าไปด้วยเรื่องอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า"
"นางบอกว่า เห็นคุณหนูทำงานหนักเมื่อกลางวันและอาหารจากที่จวนคงไม่ทำให้ท่านอิ่มนางเลยอยากชวนท่านมาเลี้ยงข้าวสักมื้อเจ้าค่ะ"
"นางเลี้ยงข้าแทบทุกมื้ออยู่แล้วหล่ะถ้าข้ามากินที่นี่หน่ะ"
"คุณหนูก็นำเงินไปรวมกองกลางด้วยสิเจ้าคะ ข้าไม่เห็นท่านจะเอามันเข้ากองด้วยเสียทีมีแต่คุณหนูฝาแฝดกับเซียนเออร์เอง"
"ส่วนของข้าหน่ะมันก็มาจากฝาแฝดยังไงหล่ะเราทำธุรกิจกันเจ้าไม่รู้รึไง"
"ถูรากี คือสิ่งใดเจ้าคะ แล้วบ่าวจะไปรู้ได้อย่างไรกันเจ้าคะ"
"คำของข้าเจ้าไม่ต้องรู้หรอก รู้แค่ว่าข้ามีสินค้าที่ขายในร้านเครื่องประดับเพราะงั้นเงินส่วนนั้นจึงอยู่กับเจ้าแฝดไม่ใช้ข้าอย่างไรหล่ะ"
"อาา แล้วคุ.. "
"อ้ะ! ถึงแล้วๆ ลงไปได้แล้วชิงเออร์"
"เห้ออ เจ้าค่ะ"
จริงๆแล้วแบบเครื่องประดับพวกนั้นก็ไม่ได้สร้างรายได้มากขนาดนั้นหรอกเพียงแค่มันมีหลายแบบเท่านั้นจึงทำให้มีรายได้ขึ้นมาบ้าง แต่ก็ดีที่ข้าไม่ต้องยุ่งยากไปแบ่งเองว่าจะเอาเข้ากองกลางเท่าไหร่เอาเข้ากระเป๋าตัวเองเท่าไหร่เพราะหนี่ห์เออร์เป็นคนคอยดูแลให้อย่างดี ข้าเพียงตรวจบันทึกรายจ่ายพอเป็นพิธีเท่านั้น
ปลายยามเซิน (16:30)
ตอนนี้ข้ากำลังนั่งรอแม่ตัวดีที่จะไปบอกคนครัวเรื่องอาหารแต่เจ้าตัวยังไม่มาให้ข้ารออยู่ที่โต๊ะ สงสัยจะหาขนมกินตามเคยหล่ะ
"มาแล้วๆ รอนานหรือไม่"
"ฮ้าววว ข้าหลับไป10ตื่นได้แล้วกระมัง" ทำท่าปิดปากหาวแล้วโน้มตัวฟุบที่โต๊ะทันที
"ข้าไม่ได้ไปนานขนาดนั้นเสียหน่อย เจ้านี่เล้นใหญ่ซะจริง"
"ข้าหลับจริงต่างหาก เจ้าเถอะหาขนมกินอีกแล้วสิเนี่ย"
"ก็แหม วันนี้แม่ครัวทำของหวานได้อร่อยมากเลยนี่นา"
"ก็อย่างนี้แหละเจ้าเห็นของหวานดีกว่าสหายอย่างข้าไง"
"โถ่ เสี่ยวเฟิงเจ้าอย่าน้อยใจสิ ข้ารีบกินแล้วรีบมาที่สุดแล้วแต่มันเหลือตั้งครึ่งหม้อ แหน่ะ ข้าก็เลยก็เลย...แฮะแฮะ" นางยิ้มเจื่อนๆส่งมาเป็นการสำนึกผิด
"ช่างเถอะวันนี้ข้าค่อนข้างเบื่อหน่ายหน่ะเลยอารมณ์เสียใส่เจ้า แล้ววันนี้เรามีเมนูอะไรบ้างเอ่ย"
ข้าไม่อยากยืดเวลาเพราะน้ำลายเริ่มสอตั้งแต่นางวางถาดอาหารลงตอนที่เราพูดกันแล้วจึงรับถามเพราะความอยากล้วนๆมิได้ยกโทษให้แต่อย่างใดเพราะก็มิได้โทษนางแต่แรกแต่ก็ดี นางจะได้ปฏิบัติตัวดีขึ้นไม่เห็นแก่กินขึ้น
"ข้าต้องขอโทษจริงๆ"
"ก็ข้าว่าไม่เอาความเจ้าอย่างไรเล่า"
"ฮิฮิ งั้นเรามาทานกันดีกว่า วันนี้ข้าสั่งหมูอบน้ำผึ้งสูตรพิเศษกับน้ำจิ้มจากซ่านเสิงมาด้วยหล่ะยังไม่เคยลองคิดจะให้เจ้าช่วยตัดสินว่าควรนำมาขายรึไม่หน่ะ"
"งั้นข้าทานหล่ะนะ" กล่าวจบมหกรรมการจ้วงก็เริ่มขึ้น สงสัยข้าวกลางวันจะไม่พอจริงๆ แต่หมูกับน้พจิ้มนี่ก็เด็ดดวงจริงๆสงสัยต้องขอสูตรไปให้แม่ครัวที่เรือนเสียหน่อยแล้ว
ยามอิ่ว(17:00)
หลังสงครามการกินเสร็จสิ้นพวกเราก็ได้มาเดินย่อยตลาดในช่วงเย็นโดยมีชิงเออร์และเสี่ยวเอ้อน้อยที่คุ้นหน้ากันดีเดินตาม เดินเลือกซื้อของจุกจิกได้เล็กน้อยเสี่ยวเซียนก็ไปเจอซุ้มจับรางวัลข้างๆแม่น้ำเข้า มีสร้อยข้อมือมงคลเป็นของรางวัล เพียงแค่จ่าย 50 ตำลึงแล้วปาลูกดอกใส่ผืนหนังหากแทงทะลุครบ 5 ลูกของรางวัลก็จะตกเป็นของคนนั้นทันที มีคนเล่นได้เพียง 2 คนเท่านั้น เป็นชายร่างกำยำ 2 คนเลยทีเดียว
"นี่ ดูนั่นสิผู้ที่สามารถเล่นได้ครบ 5 ลูกหน่ะ เจ้าเห็นแขนของเขาหรือไม่แล้วดูแขนเจ้าสิ ข้าว่าเจ้าอย่าทำให้ตนเองต้องเศร้าใจจากแรงอันน้อยนิดของตนเลย"
"เดี๋ยวสิ ข้าแรงเยอะนะ อาหารที่เรากินวันนี้ก็เพิ่มพลังให้ข้าเยอะเลยด้วย เจ้าดูให้ดีหล่ะข้าจะเอามาฝากเจ้าเส้นนึงเลย" แล้วนางก็เดินฝ่าฝูงชายร่างใหญ่เข้าไปจ่ายเงินเพื่อปาเป้า ข้าที่ไม่คิดว่านางจะได้อยูแล้วจึงหันหาที่นั่งรอ เหลือบไปเห็นตั่งยาวใต้ต้นไม้ใกล้กับแม่น้ำจึงบอกแก่ชิงเออร์ว่าให้รอเสี่ยวเซียนไปไม่ต้องตามมาข้าอยากอยู่คนเดียว นางทำหน้าสงสัย ข้าจึงชี้ไปที่ตั่งริมน้ำนางจึงตอบตกลง
นั่งเล่นตรงนี้อยู่สักพักจิตใจกลับสงบยิ่ง จนเผลอพูดกับตนเองเสียงเบา
"ที่นี่จะมียุงบ้างรึเปล่านะ ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เห็นจะเคยเห็นเลยสักครั้ง"
"สิ่งที่เจ้ากล่าวถึงเป็นสิ่งมีชีวิตรึ"
"ก็ใช่หน่ะสิ ยุงที่มะ... เอ้ะ!"
รีบหันขวับไปด้านหลังทันที ก็พบกับชายในหมวกสานไม้ไผ่คนเดิมเพราะเขามีหยกพกเป็นสีน้ำเงินเข้มลวดลายและพู้ห้อยเหมือนกันเป๊ะ
แต่ต่างตรงที่ครานี้เขาเปิดผ้าที่คลุมหมวกอยู่ให้เห็นใบหน้าได้ชัดเจน จึงได้เห็นว่าเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้างดงามท่านนึงเลยทีเดียว แต่กลับทำสีหน้าเย็นชายิ่ง แต่นั่นกลับทำใจข้าสั่นไหวไปวูบใหญ่ทีเดียวจนเขาต้องเอามือมาอุลที่หน้าผากและถามข้าจึงได้สติ
"เป็นอันใดจึงหน้าแดงเยี่ยงนี้หล่ะ" เสียงทุ้มหวานที่ไม่เข้ากับใบหน้าเย็นชานั้นเป็นอะไรที่ลงตัวสุดๆ
"อ้ะ ปะ... เปล่าซะหน่อย" กล่าวปฏิเสธเสียงสั่นก็รีบหับกลับมานั่งลงอย่างรวดเร็วและเอามือปิดหน้าค้อมตัวลงเพื่อปกปิดใบหน้าที่แสดงอาการน่าอายเสีย
ฟุบ
เสียงจากด้านข้าที่ว่างไว้ เป็นการบอกให้รู้ว่าชายที่อยู่ด้านหลังตอนนี้ย้ายทานั่งข้างๆกันเสียแล้ว
"เจ้ามานั่งข้าข้าทำไมเนี่ย"ส่งเสียงถามอย่างเดือดดาล
"ข้าเมื่อย" เท่านั้นแล้วจึงถอดหมวกของตนออกวางไว้ขั้นกลางระหว่างทั้งสอง
"ว่าแต่ไอ้ตัวที่เจ้าพูดถึงนี่มันทำอะไรรึ"
"เสียงถามไม่แสดงอารมณ์ประมาณว่าจะตอบหรือไม่ก็ได้นะข้าไม่สนใจ
".... "
"เห้ออ... ข้าต้องขออภัยเจ้าด้วย อรื่องเมื่อกลางวันหน่ะ"
ข้ารีบเงยหน้าขึ้นมามองเขาทันที
"ข้าตกใจที่เจ้าวิ่งมาแล้วกล่าวอะไรตั้งมากมายหน่ะ"
"แค่นั้น? จริงเหรอ" สีหน้าตอนนี้ของข้าคงมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมดเขาจึงมีสีหน้ากังวลขึ้นมา
"เอาเป็นว่าเจ้าอย่าไปพุ่งใส่ใครแล้วก็พูดอะไรยืดยาวแบบนั้นอีกนะ"
"เอ๋ ก็มันคืองานนี่นา ข้ามีหน้าที่เสนอสินค้าให้ลูกค้าไม่พูดสรรพคุณแล้วใครจะอยากซื้อหล่ะข้าว่าเจ้านั่นแฟละขวัญอ่อนไป"
"เป็นตามที่เจ้าว่า"
"ก็ต้องเป็นงั้นอยู่แล้วหล่ะ ฮึ"
"งั้นข้าขอตัว"
"อืม ... เดี๋ยวสิ"
ข้ารีบหันไปกล่าวเรียกเข้าเอาไว้ได้ทันพอดีเขาทำสีหน้าสงสัยบ้าง
"เจ้าชื่ออะไร ข้าฉิงเฟิง" เขาได้ยินก็ยิ้มตอบ
"ผู้คนเรียกข้าว่าซ่างเฉิน"
แล้วเขาก็เอาหมวกคลุมหัวแล้วเดินเข้าฝูงชนไป สวนกับเสี่ยวเซียนที่เดินคอตกมาพอดีตามมาด้วยชิงชิงและเสี่ยวเอ้อที่มีห่อลูกท้อและเกาลัดคั่วน้ำตาลจากร้านข้างๆมาด้วย
"ซ่างเฉิน"
เอ่ยทวนชื่อนั่นรู้สึกคุ้นๆแต่็เลิกสนใจเมื่อเสี่ยวเซียนเดินมายืนอยู่ตรงหน้าท่าทางห่อเหี่ยวจึงเอ่ยแซวนางทันที
"ไหนหล่ะกำไลของข้า"
"โถ่ เจ้าเห็นในมือจ้าหรือไม่เล่า" นางมีสีหน้าบูดบึ้งจึงสำทับเรื่่องแรงอีกรอบ
"ข้าบอกเจ้าแล้ว มีเนื้อเยอะใช่ว่ากำลังจะเยอะไปด้วยเสียหน่อย"
รับถุงขนมจากเสี่ยวเอ้อแล้วหันกลับมานั่งทานไม่สนใจคนพ่ายแพ้กำลังตนเองที่กำลังทำสีกน้าตกใจที่เสี่ยวเอ้อยื่นขนมให้ข้าแทนที่จะยื่นให้นาง
"อื้มม เกาลัดถุงนี้รสชาติดีจริงๆกลิ่าหอม มัน หวานนิดๆ สงสัยว่าข้าต้องให้เจ้ามาซื้อให้บ่อยๆเสียแล้วหหล่ะชิงเออร์"
"เจ้าค่ะ"
"ว่าแต่เจ้าจะยืนอ้าปากให้แมลงวันบินเขเาก่อนรึไง"
ข้าหันไปถามนางกวนๆ นางจึงได้สติรีบมานั่งแล้วทำท่าจะฉกถุงขนมไปจากตักข้าข้าที่รู้ทันจึงทำทีเป็นลุกขึ้นหลบมือของนางได้อย่างเฉียดฉิว
"อ้าา เฟิงเออร์นั่นขนมของข้าน้าา"
"อะไรกัน นี่เจ้ายังกินไม่พออีกรึ อยากอ้วนพุงพุ้ยก่อนรึไงจึงจะหยุดกินหน่ะห้ะ"
"ก็มันอร่อยนี่นา" นางก้มหน้าอย่างสำนึก
"เห้อออ งั้นต้องแบ่งกับข้าไม่อย่างงั้นเจ้าไม่ได้กินมันแน่ครานี้หน่ะ"
"ก็ได้ ไม่เห็นเป็นอันใดเลย" แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างน่ารักก่อนที่จะวิ่งมาเกาะแขนข้าและหยิมเกาลัดใส่ปาก
"นี่ก็เย็นมากแล้วเรากลับกันเถอะ"
"อื้มม แล้วคืนนี้เจ้าจะนอนกับข้าที่โรงเตี้ยมหรือไม่" นางข้าทั้งที่พึ่งจะกัดผลท้อหายไปครึ่งลูก
"เจ้ากลืนก่อนค่อยถามจะได้มั้ยฮึ"
"แฮะแฮะ"
"เห้ออ เอาเถอะคืนนี้ข้านอนกับเจ้าอีกคืนแล้วกัน ลิงเออร์รบกวนเจ้าอีกแล้ว ช่วยบอกท่านแม่ด้วยว่าพุ่งนี้ข้ากลับบ้าในตอนเย็นคราเดียวเลยนะ"
"เจ้าค่ะ งั้นบ่าวขอตัว"
"อืม"
แล้วนางก็เดินฝ่าฝูงชนออกไปอย่างรวดเร็ว ข้าจึงลากเสี่ยวเซียนที่เกาะเป็นปลิงคอยหยิบขนมในมือข้าเข้าปากกลับโรงเตี้ยมไปอย่างเชื่องช้าพอมาถึงก็ปาเข้าไป ปลายยามอิ่วแล้ว พอขึ้นห้องได้คนบอกยามก็บอกเวลายามซวีทันที ข้าจึงเร่งให้เสี่ยวเซียนที่กินของในถุงหมดแล้วและกำลังจิบชาล้างปากไปอาบน้ำส่วนข้าก็รีบอาบน้ำแล้วเราจึงเข้านอนพร้อมกันในอีก 2 เค่อต่อมา
เป็นตอนเนิบๆอีกนามเคย เอเขียนตอนนี้ค้างไป 3 วันเลยค่ะอืดมากจริงๆ
ปล. ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ฮาเร็มน้าา
ปล2.ขอคอมเมนท์เป็นกำลังให้หัวแล่นเร็วๆด้วยนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าเด้ออ บายย