11
รอยยิ้มจากเนตรนภาหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า หล่อนทำท่าทางเป็นมิตรด้วยการยื่นมือมาปัดเสื้อให้ริสาทั้งที่ไม่มีอะไรเปื้อนแม้แต่นิด พยายามหยอกล้อแสดงความสนิทสนมแต่ริสากลับไม่สามารถปั้นหน้าได้มากนัก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะทำไปเพื่ออะไร
“เสื้อริสาสวยมากเลยนะ ของห้องเสื้ออะไรหรอจ๊ะ?”
น้ำเสียงหวานยังคงถามเจื้อยแจ้ว
“ไม่ทราบค่ะ เป็นของคุณแม่”
ริสาตอบกลับโดยเว้นระยะห่างอย่างชัดเจน แม้จะไม่ใช่ดูบอบบางหากแต่เธอก็ไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะเสแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรทั้งที่คนตรงหน้ากลั่นแกล้งเธอมาก่อน ร่างบางขยับอย่างเสียมารยาทเพื่อไม่ให้เนตรนภาจับปลายเสื้อ
“ริสา...”
คุณกรองแก้วสังเกตท่าทีที่ริสาแสดงออกได้ชัดเจน น้ำเสียงตำหนิเล็กน้อยแต่ก็รับรู้ว่าคงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ลูกสาวแสดงท่าทางแบบนี้
“งั้นหรอจ๊ะ...”
ใบหน้าของนางเอกสาวเจื่อนลงถนัดตา หล่อนกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ที่พุ่งพล่าน แสร้งดื่มน้ำเพื่อดับโทสะ
“ของห้องเสื้อลาเบลจ้ะ”
เมื่อเห็นบรรยากาศที่เริ่มมาคุบนโต๊ะอาหารก็เป็นหน้าที่ของคุณกรองแก้วในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง เหตุผลที่ลูกสาวของเธอไม่ชอบเนตรนภาเห็นทีคงต้องคุยกันทีหลัง เพราะพ่อของหล่อนก็ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทกับสามีของเธอ หากมีเรื่องระหองระแหงเกิดขึ้นเกรงว่าคุณอดุลย์จะไม่สบายใจ
“สวยมากเลยนะคะ เหมาะกับงานวันนี้มากเลยค่ะ ยิ่งสาใส่ก็ยิ่งสวย”
คำป้อยอทำหน้าที่ได้มากที่สุดก็คือรอยยิ้มตามมารยาทจากริสาเท่านั้น หากอีกฝ่ายมาดีหล่อนก็ไม่คิดจะตอบโต้อะไร แต่ถ้าให้ฝืนมากนักก็คงจะยากเกินไป
“จ้ะ หนูเองก็สวยมากเหมือนกัน หน้าหวานตาโต”
“ขอบคุณค่ะ”กิริยาท่าทางอ่อนหวานตามแบบลูกสาวนายหัวน่ามองไปเสียทุกอย่าง อ่อนช้อยงดงามจนคุณกรองแก้วเอ็นดู
“ได้ยินคุณอดุลย์บอกว่าเป็นนักแสดงด้วยใช่ไหมจ๊ะ? พอดีน้าไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่”
“ใช่ค่ะ ละครเรื่องใหม่ก็เพิ่งเปิดกล้องไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ ตอนนี้ก็เลยทำงานจนได้พักแค่อาทิตย์ละวันเองค่ะ”
เสียงหวานบอกเล่าถึงส่วนหนึ่งของชีวิตทำงาน เวลาของเธอหมดไปกับการเข้ากองถ่ายละคร ทั้งที่ปีหนึ่งรับละครแค่สองเรื่อง แต่งานอีเว้นท์ก็มากมายในฐานะนางเอกสาวอนาคตไกลจนแทบไม่มีเวลาได้พัก โชคดีแค่ไหนแล้วที่เจียดเวลาได้บ้างไม่อย่างนั้นเธอต้องคลั่งไปเสียก่อนแน่
“แต่หน้าตาดูผ่องใสเชียวนะจ๊ะ มีเคล็ดลับยังไงเอ่ย?”
คุณกรองแก้วมองใบหน้าหวานที่ดูสดใสไม่มีร่องรอยความอิดโรยเลยแม้แต่น้อยแล้วก็นึกทึ่ง หญิงสาวคงดูแลตัวเองดีมากจนคาดไม่ถึง
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คงเป็นเพราะ...มีคู่หมั้นมั้งคะ?”
“คู่หมั้น?”
คุณกรองแก้วอุทานตกใจ คราวนี้ริสาที่นั่งอยู่เหม่อมองไปที่หน้าเวทีถึงกับหยุดชะงัก ร่องรอยความกังวลแฝงชัดในดวงตา หล่อนแสร้งมองไปทางอื่นทั้งที่หูยังคงได้ยินชัดทุกถ้อยคำ
“ค่ะ คู่หมั้น...”
เนตรนภาเน้นย้ำอีกครั้ง นึกขันกับท่าทีของริสา ใบหน้านั้นดูซีดเผือดในความคิดของหล่อน
“ตายแล้ว! มีคู่หมั้นแล้วหรอจ๊ะเนี่ย แบบนี้หนุ่มๆคงผิดหวังแย่เลย”
คุณกรองแก้วกระเซ้าแหย่ มือเอื้อมไปลูบแขนนวลของหญิงสาวรุ่นลูก
“ไม่ใช่แค่หนุ่มๆหรอกนะคะ ผู้หญิงบางคนยังผิดหวังด้วยซ้ำค่ะ”
“...”
ริสาหันกลับมามองเนตรนภาที่นั่งอยู่ด้านข้าง หล่อนไม่ชอบใจนักกับคำพูดที่สื่อความหมายหาเรื่องอย่างชัดเจน หากแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมานอกจากเบือนหน้าหนีไป
“คู่หมั้นเนตรเป็นคนเจ้าชู้น่ะค่ะ ตอนแรกที่คบกันเนตรก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงตามหวงไปทั่วเหมือนกันนะคะ แต่ตอนหลังก็พอรู้แหละว่าเขาเองไม่เคยจริงจังกับใครสักที เขาเคยจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนึงมาก่อนค่ะ แต่เหมือนโดนนอกใจก็เลยต้องยกเลิกงาน”
“...”
“หลังจากนั้นเขาก็มองผู้หญิงเปลี่ยนไปค่ะ เนตรก็เข้าใจเขานะคะว่าเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่จะมีสัมผัสทางกายไปทั่ว แต่ไม่เข้าใจผู้หญิงพวกนั้นที่คิดจริงจังไปเสียได้ค่ะ คิดว่าเขาจะหยุดอยู่ที่ตัวเอง...ทั้งที่ผู้ชายไม่เคยคิดแบบนั้น ก็ได้มาอย่างง่ายๆ สุดท้าย...ก็จะโดนทิ้งแบบง่ายๆ”
เนตรนภาพูดทุกอย่างด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหากแต่คำพูดกลับร้ายแรงกัดเซาะไปยังจิตใจคนฟัง รินรดาบังคับตัวเองให้เชิดหน้าขึ้นไม่ให้หวั่นไหวไปกับคำพูดนั้นทั้งที่ทำร้ายหล่อนเหลือเกิน
เป็นตามที่เนตรนภาพูดทุกอย่าง...
บางทีแล้ว เขาอาจจะไม่เคยคิดจริงจังกับเธอเลย
“ถ้าเขารักผู้หญิงพวกนั้นจริงเขาคงมาขอเลิกกับเนตรนะคะ แต่ก็ไม่...เนตรก็ยังเป็นคู่หมั้นเหมือนเดิมโดยที่ผู้หญิงคนอื่นก็ได้อยู่แค่ในเงา เขาไม่แม้แต่จะให้เกียรติโดยทำทุกอย่างให้ถูกต้องด้วยซ้ำ”
“...”
ริสาถึงกับสั่นสะท้านกับคำพูดนั้น ขอบตาร้อนผ่าวอย่างควบคุมไม่อยู่ ท่าทางเสแสร้งเข้มแข็งก็ดูเปราะบางขึ้นมาทันที เหมือนกำแพงอ่อนไหวที่จวนเจียนจะถล่มลง
“แย่จริงนะผู้ชายสมัยนี้...”
คุณกรองแก้วอดแสดงความคิดเห็นไม่ได้ เธอไม่ชอบใจกับแนวคิดแบบนี้เท่าไหร่ นึกสงสารผู้หญิงด้วยกันเหลือเกิน
“แต่เนตรก็ไม่โทษเขาหรอกนะคะ เนตรรักเขาค่ะ”
“หนูเนตร...”
คุณกรองแก้วสงสารจับใจจนได้แต่ปลอบประโลมเนตรนภาที่แสร้งทำเป็นเศร้า การแสดงของหล่อนไร้ที่ติจนไม่อาจมีใครจับได้ หล่อนยิ้มกระหยิ่มภายในใจ
“แต่เนตรชินแล้วล่ะค่ะ เพราะพี่ภั...”
“สวัสดีค่ะทุกคนนน ยินดีต้อนรับเข้าสู่งานในค่ำคืนนี้นะคะ ในฐานะพิธีกรกิตติมศักดิ์ก็อยากขอความร่วมมือเพื่อไม่ให้งานกร่อยไปเสียหน่อย อยากขอให้คุณหนูคุณชายทั้งหลายสร้างสีสันเล็กน้อยให้งานด้วยการเต้นรำ แอบกระซิบบอกว่ารอพวกคุณลุงคุณป้าลงทะเบียนรับของที่ระลึกหน้างานจ้า”
เสียงประกาศจากไมค์เสียงดังทำเอาทุกคนละความสนใจจากบทสนทนาของตัวเอง พิธีกรบนเวทีคือสาวน้อยชื่อดังจากคลื่นวิทยุที่ผันตัวมาเป็นนางแบบสุดฮอตฝีปากจัดจ้าน เพิ่งออกข่าวว่าคบหากับลูกชายของคุณหญิงป้าเมื่อไม่นานมานี้ ตัวจริงน่ารักกว่าในทีวีเป็นเท่าตัว
“ริสา ไปสิลูก...”
คุณกรองแก้วส่งยิ้มละไมให้ลูกสาวของตัวเอง แม้จะไม่เคยพาลูกออกงานสังคมแต่การให้ความร่วมมือภายในงานก็ถือเป็นเรื่องที่ควรทำ
“แต่แม่คะ สา...”
จะกล่าวอ้างว่าเต้นไม่ได้ก็ไม่ใช่ความจริง เรื่องพวกนี้แม้ไม่เคยได้ปฏิบัติในสถานที่จริงแต่ก็ได้รับการสั่งสอนมานับไม่ถ้วน
“ถ้าไม่รังเกียจ ผมขออนุญาตได้ไหมครับ?”
เสียงทุ้มนุ่มที่ดังขึ้นทำเอาริสาที่หันหลังรับรู้ได้ นัยน์ตาของหล่อนไหวระริกยามที่ได้ยินเสียงของเขา ไม่รู้ว่าพี่ภัทรมาตรงนี้ได้อย่างไรกัน
“ตาภัทร! สวัสดีจ้ะ ไม่เจอกันเสียตั้งนาน”
คุณกรองแก้วรับไหว้ชายหนุ่มที่ช่วงหลังห่างหายไม่ค่อยได้พบเจอ
“พี่ภัทร...”
ใบหน้าหวานของริสาดูตึงเครียดกับการปรากฏตัวสายฟ้าแลบของคนตรงหน้า จักภัทรไวเหลือเกิน
“ว่ายังไง ให้เกียรติเต้นกับพี่หน่อยได้ไหมครับ?”
น้ำเสียงนุ่มของเขาทำเอาหัวใจของริสาสั่นไหว เขาทำทุกอย่างเป็นธรรมชาติด้วยความใส่ใจเสียจนเธอแทบหลงระเริง มือของเขายื่นมาพร้อมรอยยิ้มหวานละมุนเพียงเพื่อต้องการสัมผัสตอบรับจากเธอ ริสาเผลอไผลจนแทบวางมือลงบนนั้นหากแต่ถอยชะงักไว้ได้ทัน นิ้วมือเรียวที่ยืดยาวหดกลับเข้าหากันก่อนที่จะถูกทิ้งลงบนตัก
“ไม่ค่ะ คงไม่เหมาะเท่าไหร่”
ริสาหลบตาคนตรงหน้า ไม่อยากถูกคาดคั้นในสิ่งที่เธอไม่อยากตอบ ยิ่งเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคู่สวยก็ราวกับคนใจร้ายที่ต้องการจะล้วงความลับ
“สา...”
ถ้อยคำและน้ำเสียงที่แสดงถึงความสนิทสนมทำเอาริสาเม้มปากแน่น บางคราคนตรงหน้าก็ขยับเข้ามาใกล้เสียจนแนบชิด แต่บางคราก็เว้นระยะห่างเสียจนเธอคาดเดาไม่ถูก ริสาไม่รู้แล้วว่าอย่างไหนคือสิ่งที่เขาต้องการกันแน่
“พี่ภัทรคะ”เนตรนภาเรียกชายคนรักเสียงหวาน รอยยิ้มของเจ้าหล่อนสว่างใสตรึงตา “นี่คุณน้ากรองแก้วค่ะ”
“ฉันรู้จักแล้ว”
น้ำเสียงทุ้มตอบกลับพยายามดึงมือของเนตรนภาที่คล้องแขนเขาเสียแน่น หากแต่เจ้าหล่อนกลับไม่ยอมทำตาม ท่าทางแสดงความเป็นเจ้าของชัดเจนจนทุกคนดูออก คุณอดุลย์เลิกสนทนากับนายหัวมองไปที่ลูกสาวอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าหวานของริสาดูวิตกจนพ่อเองก็กังวลไปด้วย แหงนกลับไปมองชายหนุ่มที่เขาคุ้นหน้ารับรู้ว่าเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทอีกคน
“แต่คุณน้ายังไม่รู้จักพี่ภัทรดีเลยนะคะ ให้เนตรแนะนำก่อนสิคะ”
เธอว่ากล่าวเสียงใส ในขณะที่จักภัทรไม่ชอบใจจนมองหน้าหล่อนนิ่ง
“ไม่จำเป็น”ชายหนุ่มกัดฟันพูด
“จำเป็นสิคะ คุณน้ากรองแก้วจะได้รู้ไงว่าเราสองคน...”
เนตรนภาพูดชัดถ้อยชัดคำ หล่อนส่งยิ้มให้เขาอย่างร้ายกาจ ท่าทางที่เหนือกว่าทำเอาจักภัทรขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน มือแกร่งกำเข้าหากันจนสั่นระริก เล็บยาวของเจ้าหล่อนจิกเข้าไปในเนื้อหนุ่มจ้องประสานอย่างไม่ยอมแพ้
“เป็นคู่หมั้นกัน”
**************************************
น้องเนตรออกตัวได้ล้อฟรีมากจ้า
พี่ภัทรจะทำอะไรก็ทำนะ โดนดักทุกทางแล้ว
เม้นท์+ไลค์ = กำลังใจดีๆ