ตอนที่2
เริ่มนับเวลาถอยหลัง
‘พวกนายคบกันตอนไหน?’
มันเป็นคำถามซ้ำซากจากคนที่รู้เรื่องนี้
นั่นสินะ...
เรื่องมันคงเริ่มจากความบังเอิญหลายๆอย่าง กระทั่งหลุดปากไปว่า ‘เรามาลองคบกันดีไหม?’
แล้วหลังจากนั่นถึงรู้ว่าต่อให้พูดออกไปแบบนั้น มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลยสักนิดเดียว
พวกเราก็แค่พูดคุยกันบ้างหรือกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกัน แต่ไม่มีอะไรคืบหน้าไปมากกว่านั้นมาตลอดสามเดือน ส่วนถ้าจะถามว่าแล้วคนอื่นๆรู้ได้ยังไง ก็เพราะธีมเป็นฝ่ายพูดกับป๊อบเอง
“กลับมาแล้วเหรอ?” ผมหันไปมองผู้มาใหม่ที่จู่ๆก็เข้ามาในห้องอย่างถือสิทธิ์
“อืม” ธีมตอบรับพลางเดินเข้ามาใกล้ผมที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา
ผมเงียบ ตั้งใจฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ
“ไปกินข้าวแล้วไม่ยอมชวนกันเลยนะ” อีกฝ่ายเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมา
“...เห็นไม่ว่าง” ใช่ ผมพูดความจริง
“ว่างตลอด ถ้าวินชวน”
ผมควรจะดีใจใช่ไหม?
“แล้วผู้หญิงพวกนั้น”
“ก็เพื่อนร่วมคณะเท่านั้นล่ะน่า”
“เหรอ”
“หึงเหรอ”
“ไม่”
เอาจริงๆผมไม่รู้เลยว่าตัวเองหึง...
“ใจร้ายจังเลยนะ คบกันมาตั้ง3เดือนแล้วแท้ๆ” ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าหมอนี่กำลังผิดหวัง
...แค่3เดือนก็พอ
“ยังไงก็มาหาได้นะ ห้องอยู่ฝั่งตรงข้ามกันแท้ๆ แต่นายไม่เคยไปหาฉันเลย”
“ก็เคยไปแล้วนี่”
อ่อ ผมลืมบอกไปสินะว่าพวกเราอยู่ห้องตรงข้ามกัน เพียงแต่อีกฝ่ายน่าจะเรียกมันว่าเป็นที่พักชั่วคราว ผิดกับผมที่เรียกมันว่าบ้าน เพราะเป็นหนึ่งในสิ่งสุดท้ายที่ครอบครัวของผมเหลือทิ้งไว้ให้หลังจากแม่ของผมประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตรองจากเงินค่าประกัน ส่วนคนเป็นพ่อก็ทิ้งผมเอาไว้แล้วมีครอบครัวใหม่ ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจเขาอีก ตราบใดที่ยังส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือน
“เข้าไปเพราะจะทวงหนังสือเรียนเสริมนี่นะ?”
“เอาเถอะ ถ้ามาก็โทรบอกก่อนนะ ฉันจะได้จัดของในห้อง” ผมบอกปัดๆออกไปพร้อมว่าอีกครั้ง “ตั้งใจอ่านหนังสือสอบด้วย”
“คร้าบๆ”
ผมสะดุ้งเฮือกเพราะจู่ๆธีมก็เข้ามากอดผมจากทางหลังไว้แน่น ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง
RRR
เสียงมือถือดังขัดจังหวะขึ้น อีกฝ่ายจิ๊ปากเบาๆในลำคอเมื่อเห้นชื่อคนโทรเข้า ทำท่าจะกดตัดสาย แต่ผมก็พูดขัดขึ้นมาก่อน
“รับสิ”
“....โทษทีนะ” ธีมบอกพลางเดินเลี่ยงออกจากห้องไป
ผมถอนหายใจนิดหน่อยพลางนอนราบลงกับโซฟา อารมณ์จะจัดของในห้องหมดไปแล้ว ตอนนี้ขอพักจะดีกว่า
ธีมเป็นเพลย์บอย ผมรู้ดี ก็ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ในเมื่อก่อนที่เราจะคบกัน ผมอยู่ที่นี่ตั้งแต่ม.ปลาย เห็นธีมควงสาวเข้าออกห้องตัวเองไม่เว้นแต่ละวัน จนมาคบกับผมนี่ล่ะ แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะยกเลิกนิสัยเคยตัวหรอก เรื่องเมื่อกลางวันมันพิสูจน์ได้ดี
อย่างน้อยๆผู้หญิงที่ยังโทรมาตามตื้อนั่นไง
เพื่อนของผมที่รู้จักกับธีมก็บอกมาแล้วว่าหมอนั่นร้ายแค่ไหน และแน่นอนว่าคงไม่คบผมแค่คนเดียว
คิดๆแล้วผมก็ลืมตัวตนของตัวเองไปตั้งแต่เสียครอบครัวทั้งหมดไปด้วยซ้ำ การแสดงออกทางด้านอารมณ์ยังทำไมได้ แค่นี้ก็เกินพอแล้ว ผมไม่ใช่เด็กๆขนาดที่จะมาร้องไห้หรือน้อยใจกับเรื่องแค่นี้
เทียบกันแล้วปัญหาเรื่องแฟนตัวเองยังคบกับคนอื่นอยู่ทั้งที่มีเราอยู่ทนโท่ มันคือเรื่องจิ๊บจ๊อย
ถ้าถามว่าไม่เจ็บเหรอ...ทำไมผมจะไม่รู้สึกอะไรล่ะ แต่ผมไม่ใช่คนกล้าพูดอะไรเห็นแก่ตัว
ถ้าหากธีมบอกเลิกกับผม ผมก็ยอมแต่โดยดี
อย่างที่บอกไปข้างต้น เราไม่ได้มีความผูกพันอะไรขนาดนั้น แล้วผมคิดธีมไม่ควรจะเสียเวลากับคนแบบผมจริงๆ
ความจริงก็อยากจะจบความสัมพันธ์ลงเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่อะไรบางอย่างทำให้พูดไม่ออก แถมดันเผลอจะร้องไห้ออกมาซะอย่างนั้น
สุดท้ายเลยไม่ได้พูดออกไป
ผมกำลังรอคอยเวลาบอกเลิกอยู่
คนรู้จักของผมบอกว่าปกติธีมจะคบกับใครไม่เกินสามเดือน
ดังนั้น....ผมก็กำลังรออยู่
...ก็นะ มันเป็นการรอคอยที่เจ็บปวดพอๆกับตอนที่ผมเฝ้าห้องผ่าตัดตอนแม่ของผมเข้าห้องICUเลย...
ทั้งๆที่เรียนสายจิตวิทยามา แต่ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม....
ก็แค่แฟน...นี่นะ...