วันต่อมาลุงวัฒเอากระดาษมาส่งให้ป้าคนขายกล้วยทอดหน้าปากซอยก็เห็นคนยก
ทีวีและตู้เย็นเข้ามาในซอย จึงได้แต่มองตามเพราะว่าที่บ้านไม่มีทีวีมาหลายปีแล้ว
“ ยกไปไหนกันล่ะน่ะพ่อหนุ่ม ” ป้าขายกล้วยทอดตะโกนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ ไปบ้านเกือบท้ายสุดน่ะป้า ” พนักงานที่ช่วยกันยกของตอบแล้วรีบเดินไป
“ อ่าวเฮ้ย!! บ้านกู ยกมาได้ไง ไม่ได้ซื้อโว้ย ” ลุงวัฒได้ยินจึงรีบเดินตามไป
“ มีคนซื้อให้ครับลุง บอกว่าให้มาติดตั้งที่บ้านนี้ ”
“ ลุงตามพวกผมกลับมาที่บ้านที จะได้เซ็นรับของ ”
ลุงวัฒรับเงินค่าพับถุงกระดาษจากแม่ค้าขายกล้วยทอดแล้วก็เดินตามคนยกของมาที่บ้านของตัวเอง
“ ใครคนซื้อ ใช่ชื่อวีรธัชมั้ย ” ลุงวัฒถามเผื่อเป็นลูกชายที่ซื้อเข้าบ้าน
“ คุณอิทธิน่ะครับ เซ็นตรงนี้ครับลุง ”
ชายวัย 60 มองการติดตั้งทีวีจอแบน 32 นิ้วกับผนังบ้านของตน พร้อมทั้งตู้เย็นขนาด
5 คิวสีเทา ที่ถูกวางไว้ตรงครัว ใจหนึ่งก็ดีใจแต่อีกใจก็กังวลว่าเค้าซื้อให้ทำไม เพราะมูลค่าของไม่ใช่น้อยๆ
“ แน่ใจนะว่าไม่ได้ส่งผิดบ้านน่ะ ”
“ ไม่ผิดหรอกครับคุณลุง ” พนักงานติดตั้งแอร์หันมายิ้มและบอกอย่างมั่นใจ
“ สวัสดีครับลุงวัฒ... ” กรรณส่งเสียงทักทายลุงที่ยืนมองของใหม่ในบ้าน พร้อมทั้งอิทธิ
ก็เดินเข้ามาในบ้าน มองทีวีและตู้เย็นที่ตัวเองสั่งซื้อและก็ติดตั้งให้กับพ่อของวี จากนั้นก็เดินไปส่งมอบกระเช้านม
กับน้ำผลไม้ที่ซื้อมาฝาก
“ วันนั้นเห็นลุงบอกว่าไปดูทีวีกับบ้านหัวมุม ผมเลยซื้อมาให้ ลุงจะได้ไม่ต้องออกไปดูกับคนอื่น
ชอบมั้ยล่ะ ดูอะไรดูได้หมดเลยนะ ” อิทธิคิดไปถึงความปลอดภัยเวลาลุงวัฒไปดูในตอนมืดๆ
“ ลุงไม่มีจ่ายหรอกนะเงินน่ะ ”
“ นายผมซื้อให้ลุง ไม่คิดเงินหรอกครับ ” กรรณบอกให้ลุงวัฒหายห่วง
“ เดี๋ยวไม่นานช่างจะมาติดมิเตอร์แยก ถ้าลูกชายลุงบ่นว่าจะเปลืองค่าไฟ
ลุงก็ให้เค้าจ่ายส่วนของเค้า ผมจะจ่ายส่วนของผมเองที่ซื้อมาให้ ตกลงตามนี้นะ ” อิทธิชี้แจงเล็กน้อย
“ รอบคอบจริงๆ ”
“ นี่นามบัตรนายผม เก็บไว้ ลุงมีโทรศัพท์ใช่มั้ยครับ ”
“ มีๆ แล้วซื้อของอะไรมาให้ทำไมเนี่ย ” ลุงวัฒถามกลับไปตรงๆจะได้หายข้องใจ
“ ผมอยากซื้อให้ ลุงอย่าปฏิเสธก็พอ ” อิทธิพูดด้วยใบหน้านิ่งๆไม่บ่งบอกอารมณ์
“ คุณกับลูกชายผม...มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันรึเปล่า ” กรรณยิ้มกับคำถามของลุงวัฒ
แล้วหันมองไปที่นายที่ยืนแน่นิ่งไป ก่อนที่นายจะปริปากเพื่อพูดอะไรบางอย่างออกมา
“ ผมรักลูกชายของลุง ผมทำไม่ดีกับเค้าไว้เยอะ จนเค้าให้เพื่อนเอาเงินมาใช้หนี้แล้วออกจากบ้าน
ผมมา ผมตามง้อเค้ามาหลายวันมากแล้ว แต่ลูกลุงใจแข็งเหลือเกิน ” อิทธิยอมเล่าความจริงทั้งหมด
“ ลุงว่าแล้ว มันต้องมีอะไรแน่ๆ ”
“ ลุงพอจะช่วยให้คุณวีใจอ่อนกับนายผมได้มั้ย ”
“ โอ๊ย มันน่ะเดาใจยาก นี่มันก็ไปทำงานต่างประเทศเนี่ย ” ลุงวัฒพูดเชิงบ่นๆ
“ อะไรนะ ไปทำงานต่างประเทศเหรอ ” กรรณทวนแล้วหันไปมองนาย
“ ใช่ ไปวันนี้แหละ ”
“ เมื่อไร ไปประเทศอะไร ” อิทธิเดินเข้าไปใกล้พ่อวีแล้วถามอย่างรวดเร็ว
“ ลุงไม่รู้หรอก จำไม่ได้ มันบอกไปไม่นาน ”
“ คุณวีขึ้นเครื่องกี่โมงครับลุง ” กรรณถามเอาข้อมูลให้ชัดเจนมากขึ้น
“ บ่ายๆวีมันบอกแค่นี้ ”
“ ไปตอนนี้น่าจะทัน ” อิทธิมองดูนาฬิกาแล้วพูดออกมาอย่างมีความหวัง
“ จะไปหามันก็รีบไป ไปๆซะไป ” ผมยกมือไหว้ลุงวัฒ แล้วก็รีบเดินออกมาจากซอย
เพื่อขึ้นรถมุ่งไปสนามบิน แต่รถแม่งก็ติดชิบหาย จะไปทันมั้ยเนี่ย คำพูดที่เค้าบอกกับผมไว้ว่าถ้าผมไม่ไป
เค้าจะไปจากผมเอง ไปให้ไกลเลยด้วย แล้วนี่เค้าจะไปทำงานต่างประเทศ ผมกลัวว่าเค้าจะไปจากผม
แล้วจริงๆ ผมคงทำใจไม่ได้แน่ถ้าไม่ได้เห็นหน้าเค้าอีก
“ เบียดๆไปสิพี่ยศ นายรีบรู้มั้ย ” กรรณเร่งให้ก่อนที่นายจะระเบิดลง
“ ครับลูกพี่ ”
อิทธินั่งอยู่ในรถจนเวลาเหลือเพียงแค่ 28 นาทีจะบ่ายโมง เห็นทีว่าจะไม่ทันจึงเปิดประตูรถ
วิ่งไปหา วินมอเตอร์ไซค์ เพื่อนั่งไปที่สนามบินก่อนเกรงว่าจะไม่ทันเวลาที่วีจะบิน กรรณพอเห็นนายวิ่งลง
จากรถไป ตัวเองก็รีบตามไปติดๆไม่ปล่อยนายไปคนเดียว และเมื่ออิทธิและกรรณมาถึงสนามบินก็พากันวิ่งวุ่น
เพื่อตามหาวี ไปถามประชาสัมพันธ์ก็แล้ว อะไรก็แล้ว จนอิทธิมองเห็นเหมือนวีไกลๆ จึงรีบวิ่งหน้าตั้งเข้าไป
ก็เป็นวีจริงๆที่ยืนอยู่กับกระเป๋าลาก อิทธิจึงรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดวีแน่นโดยที่วีไม่ทันได้ตั้งตัว อิทธิเหนื่อยหอบ
แฮ่กๆอยู่กับบ่าของวี คนระแวกนั้นพากันมองและซุบซิบกันเต็มไปหมด
“ ไม่ไปได้มั้ย ” มาเฟียหนุ่มพูดอย่างออดอ้อนพร้อมหายใจแรงอย่างเหนื่อยหอบ
“ ไม่ได้ ผมตัดสินใจแล้ว ”
“ กูรักมึง กูรักมึงวี ไม่มีมึงกูขาดใจตายแน่ๆ แค่นี้กูก็จะเป็นบ้า ตามง้อมึงก็ไม่สำเร็จ
กูหมดหวังไปหลายรอบแล้ว กูจะไม่ตามมึงแล้วก็ได้ จะไม่ทำให้มึงรำคาญใจอีก ขอแค่กูได้เห็นมึงก็พอ ”
วียิ้มออกมาเมื่อได้ยินความในใจนั่น มีเพียงกรรณเท่านั้นที่เห็น เพราะหน้าของอิทธิยังคงอยู่
ที่เหนือไหล่วีอยู่ แต่วีก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป จนกระทั่งอิทธิได้บอกรักซ้ำๆ พร่ำเพ้ออยู่หลายหน
“ กูรักมึงได้ยินมั้ยเนี่ย ” คำบอกรักคำสุดท้ายถูกถามอย่างเหวี่ยงๆนิดๆ
“ ได้ยิน ” อิทธิคลายกอดจากวี แล้วเอามือจับมือวีขึ้นมากุมไว้ พร้อมก้มลงไปหอมแก้มวีเบาๆ
อย่างไม่สนคนรอบข้าง
“ เฮ้ย!! นาย! ” วีหันมองคนรอบข้างอย่างอายๆ
“ ตกลง...มึงไม่ไปแล้วใช่มั้ย ”
“ วี..ได้เวลาแล้ว รีบไปเหอะ ” นนท์เรียกเพื่อนจนมาเฟียหันมามองตาขวางใส่
“ กะ...กูไปก่อนนะ ”
“ ขอโทษนะครับ ผมขอตัว ” วีแกะมืออิทธิออกแล้วเอ่ยคำร่ำลา
เมื่อตอนที่ผมบอกรักเค้า มองตาเค้าก็ดูเหมือนว่าเค้าจะยอมใจอ่อนให้
แต่ทำไม...ทำไมเค้าถึงเลือก ที่จะไปต่างประเทศ ทิ้งผมไปแบบนี้ ทำไม!!!
“ นาย...กลับกันนะครับ ป่านนี้รถมาถึงหน้าสนามบินแล้ว ”
“ แม่งเอ๊ย!!! ” อิทธิสบถอย่างหัวเสียแล้วเดินออกจากสนามบินไปขึ้นรถอย่างคน
ไร้เรี่ยวแรง สั่งคนขับว่าให้รีบกลับบ้านเลย พร้อมสั่งกรรณให้โทรให้กาเบียลเพื่อยกเลิกงานทั้งหมดของวัน
“ มีสัญญาณดีนะครับนาย ” กรรณบอกกับนายเพราะเห็นทุกๆอย่างของวี
“ ดีบ้าบออะไร กูพูดขนาดนี้เค้ายังทิ้งกูไป ”
“ อย่างน้อยก็ได้บอกความในใจ แถมหอมแก้มนะครับ ”
“ มึงเลิกปลอบใจกูได้ละกรรณ ”
“ นายของผมไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆนะ ” กรรณพูดดักไว้เผื่อนายจะถอดใจ จนทำให้
คนเป็นนายมองแล้วถอนหายใจแรงใส่ จากนั้นก็มองออกนอกกระจกรถไป
“ ตามเค้าไปเลยมั้ยล่ะครับ ”
“ ไม่ ถ้ากูตามนะ เค้าอาจจะหนีกูไปไกลกว่านี้ก็ได้ แล้วนี่ไปนานขนาดไหนก็ไม่รู้
พ่อเค้า ก็ไม่รู้อะไรเลย ”
เมื่อรถเคลื่อนตัวมาจอดหน้าบ้าน อิทธิก็ลงแล้วเดินขึ้นไปยังห้องด้านบนแวะเข้าห้องฮันนี่ไปมองเด็กน้อย
ที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง จึงกลับมาที่ห้องทำงานตัวเอง สั่งให้ลูกน้องเอาเครื่องดื่มมาให้ตามเคย
“ พี่กรรณสั่งให้ผมเอาชาขึ้นมาให้นายครับ ” ลูกน้องบอกเมื่อเห็นนายจ้องดุๆใส่
“ กูกับไอ้กรรณ มึงฟังใคร ”
“ แต่... ”
“ มึงอยากเจอดีใช่มั้ย!! ” มาเฟียพูดเสียงดังใส่ลูกน้องจนต้องรีบก้มหัวรับคำสั่ง
แล้วรีบเดินไปเอาเครื่องดื่มที่นายต้องการมาเสิร์ฟให้นายอย่างเร็วที่สุด
“ จะเอาเหล้าเอาเบียร์ไปไหน ” กรรณเห็นลูกน้องเดินขึ้นบันไดจึงเรียกถาม
“ ไปให้นายไงพี่ ”
“ ให้กินแค่ชาพอ เพิ่งบ่ายจะกินเหล้าเลยรึไง ” กรรณบอกกับลูกน้องให้เอาไปเปลี่ยน
“ ผมจะโดนซ้อมอยู่แล้วเนี่ย ไม่กล้าหรอก ”
“ จะกินให้ตับแข็งตายไปเลยรึไง นายนะนาย… ”
“ พี่เอาขึ้นไปเองนะ ผมไม่ไปแล้ว ” ลูกน้องมาเฟียเกิดกลัวขึ้นมาจึงขอตัวไม่ขึ้นไป
“ มึงใช้กูเหรอวะ ”
“ ผมให้พี่กระทืบทีนึงเลยก็ได้ ไม่อยากขึ้นไป..นะพี่ ”
กรรณหยิบเหล้าพร้อมแก้วเดินขึ้นไปหานายที่ห้องทำงาน แต่นายเข้าไปที่ห้องพักที่เชื่อมกับ
ห้องทำงานแล้ว กรรณจึงเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป
“ ไปนานชิบหาย รอไอ้กรรณอนุญาตมึงรึไง ”
“ ผมเห็นว่าตะวันยังส่องแสงจ้านายจะเมาอีกแล้ว ดื่มแล้วได้อะไรขึ้นมาครับ ”
“ ไม่ต้องมาสอนกู!! เอามา.. ” ผมลุกขึ้นไปหยิบถาดที่กรรณถือมา แล้วมานั่งกิน
อยู่ที่โต๊ะข้างหน้าต่างของห้อง ไม่ต้องรินใส่แก้ว ยกซดแม่งเลย สะใจดี อึกกกกกกกกก อึกกกกก
“ ขออนุญาตครับ ”
“ เข้ามา ”
“ พี่จัดการเอาเองนะ ผมลงไปข้างล่างละ ” กรรณเดินไปพูดเบาๆกับกาเบียล
“ งานการไม่ทำ กลับมากินเหล้าเนี่ยนะนาย ” กาเบียลพูดอย่างดุๆใส่คนเป็นนายที่ตอนนี้
ไม่ยอมทำอะไรเลย มัวแต่กินเหล้าย้อมใจ ขนาดบ่นยังยกขวดกระดกน้ำเมาเข้าปากได้
“ ดีนะคุณวีมาทิ้งไปช่วงศัตรูอ่อนมือลงมาสวามิภักดิ์เรา ไม่งั้นสิ่งที่นายสร้างมา
เป็นสิบๆปีคงมอดไหม้แน่ๆ ”
“ ผมรู้น่ะว่ากำลังทำอะไร ไม่ปล่อยสิ่งที่สร้างมาทะลายลงไปหรอก ”
“ ทำให้ได้อย่างปากว่าก็แล้วกัน ” อิทธิมองกาเบียลด้วยสายตาแข็งกร้าว
“ นายคงรู้นะที่ผมพูดเพราะผมหวังดี ”
“ อือ เข้าใจ ”
กาเบียลเดินออกมาจากห้องพักนาย ปิดประตูให้อย่างเรียบร้อย จากนั้นก็เดินลงมา
ที่ห้องทำงาน ของนายเพื่อดูงานแทนให้ ก่อนที่มันจะล้นโต๊ะไปกว่านี้โดยมีกรรณคอยช่วยอีกแรง
“ คุณวีหนีนายไปทำงานต่างประเทศน่ะ เลยเฮิร์ทหนัก ” กรรณบอกถึงสาเหตุ
ที่นายกลับมาก็มานั่งเข้ามุมขังตัวเองอยู่กับแอลกอฮอล์
“ เป็นเอามากนะเนี่ยนายเรา ”
“ สงสารนายอะ ไม่เคยง้อใคร พอมาตามง้อคุณวีแล้วก็เหนื่อยแทน ” กรรณเห็นใจและเข้าใจ
เพราะเป็นคนที่อยู่กับนายตลอด และนายเองก็ระบายอะไรให้ฟังบ่อยๆ
“ นั่นสิ....เออ เดี๋ยวกูคัดงานเร่งด่วน แล้วมึงเอาไปให้นายเซ็นนะ ”
“ ได้ เดี๋ยวเอาไปเอง ”
ในส่วนของวี พอแยกจากอิทธิก็รีบเดินตามทีมงานตัวเองขึ้นมาที่เครื่องเพื่อบินไปดูงาน
ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งไม่ได้ไปไหนไกลจากภูมิภาคเอเชียเลย ใช้เวลาไม่นานก็บินมาถึง
“ ไหนบอกไม่มีอะไร ทำไมมากอดมาบอกรักกันกลางสนามบิน ”
นนท์ถามขณะที่รอเอาสัมภาระจากทางสายการบิน
“ หูฝาดเปล่ามึง ”
“ กูก็ได้ยินแบบนนท์ ” วีถึงกับหน้าแดงขึ้นเมื่อโดยถามแบบจี้จากเพื่อนร่วมงาน
“ แล้วดูหน้ามึงตอนนี้ดูแฮปปี้ดี๊ด๊ากว่าที่ผ่านๆมาหลายเท่า ยังไงๆ ”
“ อะไร กูดีใจได้มาดูงานต่างประเทศตางหากเว้ย ” วียังคงทำเฉไฉเลี่ยงที่จะพูดออกไป
“ เออ...ไปเข้าที่พักกันก่อน พรุ่งนี้ถึงไปบริษัทTFT ”
หัวหน้าไม่รอฟังสั่งการแล้วเดินไปโบกแท็กซี่มาที่โรงแรมเพื่อเข้าเช็คอินและพักผ่อนกันก่อนที่จะดูงาน
จริงในวันพรุ่งนี้ โดยวีเองก็ได้พักห้องเดียวกับเพื่อนสนิทอย่างนนท์ หัวหน้านอนกับพนักงานอีกคนที่มาด้วยกัน
“ มีไรไม่เล่าเพื่อนนะ จำไว้ ” นนท์ยังคงไม่เลิกล้มที่จะรู้แต่พูดแบบงอนๆ
“ เจ็ทแลค โอ๊ย!! ปวดหัว กูนอนดีกว่า คร่อกก ” วีทิ้งตัวลงนอนที่เตียงแล้วหลับตาลง
“ เจ็ทแลคพ่องงงง สิงคโปร์เร็วกว่าไทยแค่ชั่วโมงเดียว ทำมาเป็น จะเฉไฉไม่เล่าใช่มั้ย
งั้นกูจะไปบอกเค้าว่ามึงโกหกว่ากูเป็นแฟนมึง จะเล่าไม่เล่าไอ้วี เล่ากูมาเดี๋ยวนี้ ”
“ เค้ารู้นานแล้ว สืบไม่กี่นาทีก็ได้ถ้าเค้าอยากจะรู้น่ะ ”
“ งั้น...เด็กคนนั้นก็ลูกมึงกับเค้าเหรอวะ ”
“ ไอ้สัส!!! กูเป็นผู้ชายนะเว้ย ไม่มีมดลูกไม่มีรังไข่ ท้องได้เหรอ ” วีด่านนท์ที่ถามไม่คิด
“ เออว่ะ หรือมึงไปแย่งเค้ามาจากผู้หญิงคนอื่น ” นนท์คิดถึงความน่าจะเป็นไปได้ทางอื่น
“ เลิกเดา กูเล่าให้ฟังก็ได้ ”
ร่างบางเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนรักฟัง ไม่มีปกปิดแม้แต่เรื่องที่นอนด้วยกันกับอิทธิ
จนเพื่อนเข้าใจ และกระจ่างทุกอย่าง จะได้ไม่ต้องถามและคาดการณ์เรื่องเอาเองอีก
“ ชีวิตมึงเจออะไรมาเยอะจริงๆว่ะ นับถือเลย ” นนท์พูดพลางตบบ่าเพื่อนเบาๆ
“ จริงๆชีวิตเค้าก็เจออะไรไม่ดีมาเช่นเดียวกับกูแหละ แล้วกูก็เชื่อว่าทุกคนต้องมีเรื่อง
มีเหตุการณ์ร้ายๆในชีวิตเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นอุปสรรคที่จะทำให้คนอยู่บนโลกนี้ ต่อสู้กับชีวิตเพื่อสร้าง
ความเข้มแข็งในการใช้ชีวิตจนกว่าจะตายไป ”
“ อืม...ก็จริงของมึง ”
“ นอนละนะ ” วีบอกกับนนท์ดักไว้กลัวว่านนท์จะถามอะไรอีกแล้วก็ทิ้งตัวลงนอน
กับเตียงอีกครั้ง เช่นเดียวกับนนท์ที่จะนอนเอาพลังเช่นเดียวกัน
วีนอนตะแคงหันมาทางกระจกมองวิวท้องฟ้าที่กำลังจะเปลี่ยนสี แต่ยังคงสีเดิมไว้ด้วยการมีสีเหลือง
สีเทา สีฟ้าและสีส้มเล็กน้อยปะปนกันในตอนเกือบเย็น นกน้อยกำลังบินกลับรัง แล้วก็คิดถึงคนที่วิ่งเข้า
มากอดและบอกรักตัวเองท่ามกลางผู้คนมากมายในสนามบิน
" กูรักมึง กูรักมึงวี กูรักมึงได้ยินมั้ยเนี่ย "
มีคำพูดมากมายที่อิทธิพูดกับวีหลังจากที่วีออกมาจากบ้าน แต่ก็ไม่มีคำไหนที่ทำให้วียิ้ม
ได้มากเท่ากับคำว่ารักวันนี้ที่ได้ยินจากปากของมาเฟียที่ปากแข็งและปากดีคนนี้
" ผมก็รักนาย " วีเอ่ยเบาๆใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแล้วหลับลงไปในที่สุด
# โอ้ยยยยยยย เหมือนมีคนจะรู้ทันที่ไรท์จะให้วีไปต่างประเทศ 55555
# ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาเม้นท์ มาถูกใจนะจ๊ะ
# ไรท์เริ่มติดที่ต้องมาอ่านคอมเม้นท์ของทุกคนแล้ว
แล้วถ้าเรื่องนี้จบไป ยังจะมีใครมาคอยอ่าน มาคอยเม้นท์ให้ไรท์มั้ยเนี่ย